www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2018 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                           ปฐก 37:3-4,12-13ก,17ข-28
     ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อยาโคบชราแล้ว ยาโคบตัดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษให้โยเซฟ เมื่อพี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ ต่างก็เกลียดชังเขามากจนไม่ยอมพูดดีด้วย
พี่ชายของโยเซฟไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาในบริเวณเมืองเชเคม อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “พี่ๆ ของลูกกำลังเลี้ยงแพะแกะอยู่ที่เชเคม มาซิ พ่อจะส่งลูกไปพบเขา” โยเซฟจึงตามไปพบพี่ชายที่เมืองโดธาน
     พี่ชายเห็นโยเซฟแต่ไกลก่อนที่โยเซฟจะมาถึง จึงวางแผนจะฆ่าเสีย เขาปรึกษากันว่า “ดูซิ เจ้าคนช่างฝันมาแล้ว มาเถิด เราจงฆ่ามัน โยนศพมันลงไปในบ่อ แล้วบอกว่า สัตว์ป่ากัดกินมันแล้ว เราจะได้เห็นกันว่า ฝันของมันจะเป็นจริงเพียงใด”
รูเบนได้ยินเข้าก็หาทางจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือน้องๆ ของตน จึงพูดว่า “อย่าถึงกับเอาชีวิตกันเลย” รูเบนยังเสริมอีกว่า “อย่าหลั่งเลือดเลย เพียงแต่โยนมันทิ้งไว้ในบ่อ ในถิ่นทุรกันดารก็พอแล้ว อย่าทำร้ายมันเลย” รูเบนแนะนำเช่นนี้เพื่อช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือของพี่ชาย แล้วจะนำไปส่งคืนให้บิดา เมื่อโยเซฟมาถึง พี่ชายก็ช่วยกันจับเขาถอดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษซึ่งเขาสวมอยู่ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อ บ่อนั้นแห้งไม่มีน้ำ แล้วพี่ชายทุกคนก็นั่งลงกินอาหาร
     ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้น เห็นกองคาราวานของชาวอิชมาเอลกำลังเดินทางมาจากแคว้นกิเลอาดจะไปอียิปต์ มีอูฐบรรทุกยางสน เครื่องเทศ และยางไม้หอมมาด้วย ยูดาห์จึงแนะนำพี่น้องว่า “ถ้าเราฆ่าน้อง และกลบเลือดไว้ จะได้อะไรขึ้นมาเล่า เราจงขายน้องแก่ชาวอิชมาเอลดี กว่า เราจะได้ไม่ต้องทำร้ายเขา เพราะเขาก็ยังเป็นน้องและเป็นสายเลือดเดียวกันกับเรา” พี่น้องทุกคนก็เห็นด้วย
     เวลานั้น พ่อค้าชาวมีเดียนผ่านมา พี่ๆ จึงดึงโยเซฟขึ้นจากบ่อ แล้วขายให้แก่ชาวอิชมาเอลเป็นราคาเงินหนักยี่สิบบาท พ่อค้าเหล่านี้จึงพาโยเซฟไปอียิปต์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 21:33-43,45-46
    เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำรั้วล้อม ขุดบ่อย่ำองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ผู้รับใช้ไปพบคนเช่าสวนเพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จับคนใช้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง เอาหินทุ่มอีกคนหนึ่ง เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้จำนวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวนก็ทำกับพวกนี้เช่นเดียวกัน ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด เราจะได้มรดกของเขา’
     เขาจึงจับบุตรเจ้าของสวน นำตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะทำอย่างไรกับคนเช่าสวนพวกนั้น” บรรดาผู้ฟังตอบว่า “เจ้าของสวนจะกำจัดพวกใจอำมหิตนี้อย่างโหดเหี้ยม และจะยกสวนให้คนอื่นเช่า ซึ่งจะแบ่งผลคืนให้เขาตามกำหนดเวลา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านมิได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่า
‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่เรายิ่งนัก’
ดังนั้น เราบอกท่านว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่จะทำให้บังเกิดผล”
เมื่อบรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีได้ยินอุปมาเหล่านี้ก็เข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงพวกเขา จึงพยายามจับกุมพระองค์ แต่ยังเกรงประชาชน เพราะประชาชนนับถือพระองค์เป็นประกาศก


ข้อคิด
     อุปมาเรื่องคนเช่าสวนชั่วร้าย เป็นอุปมาที่สรุปประวัติศาสตร์แห่งความรอดของชาวอิสราเอล อุปมาวันนี้พระเยซูเจ้าทรงประณามการใช้อำนาจที่ผิดของผู้เช่าสวน หมายถึงสมณะและผู้อาวุโสที่ไม่ดูแลประชากรของพระเจ้า แต่กลับทำร้ายบุตรเจ้าของสวน (35) ตอนท้ายของพระวรสารบรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีเข้าใจสิ่งที่พระเยซูตรัส (45) แต่เพราะจิตใจหยาบ จิตใจที่แข็งกระด้าง แม้เข้าใจก็ยังทำร้ายพระเยซูเจ้า มหาพรตนี้ให้เราไตร่ตรอง กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เราทำร้ายเพื่อนพี่น้องรอบข้าง