มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2018 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                              อพย 20:1-3,7-8,12-17
     พระเจ้าตรัสทุกถ้อยคำต่อไปนี้ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เป็นผู้นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ ให้พ้นจากการเป็นทาส
ท่านต้องไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
ท่านต้องไม่กล่าวพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านอย่างไม่เหมาะสม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงละเว้นโทษผู้ที่กล่าวพระนามพระองค์อย่างไม่เหมาะสม
จงระลึกถึงวันสับบาโตเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
จงนับถือบิดามารดา เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนอยู่ในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านประทานให้
อย่าฆ่าคน
อย่าล่วงประเวณี
อย่าลักขโมย
อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน
อย่าโลภมักได้บ้านเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภมักได้ภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือบ่าวไพร่ชายหญิง โค ลา หรือทรัพย์สินใดที่เป็นของเพื่อนบ้าน”

 

เพลงสดุดี                                                                   สดด 19:7,8,9,10
      ก) ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าสมบูรณ์ทุกประการ
ให้ความชื่นบานแก่จิตวิญญาณ
กฤษฎีกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มั่นคง
ให้ปรีชาญาณแก่ผู้ด้อยปัญญา
      ข) ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้าสุจริต
ทำให้ดวงจิตปีติยินดี
บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ชัดเจน
ให้แสงสว่างแก่ดวงตา
     ค) ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์ดำรงอยู่ตลอดไป
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สัตย์จริง
เที่ยงธรรมทุกประการ
     ง) เป็นที่พึงปรารถนามากกว่าทองคำ
ยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์มากมาย
หวานล้ำกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงมาจากรวง

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 1:22-25
     พี่น้อง ขณะที่ชาวยิวเรียกร้องขอดูอัศจรรย์ และชาวกรีกแสวงหาปรีชาญาณ เรากลับประกาศเรื่องพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน อันเป็นข้อขัดข้องมิให้ชาวยิวรับไว้ได้และเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับชาวกรีก แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งพระอานุภาพและพระปรีชาญาณของพระเจ้า เพราะความโง่เขลาของพระเจ้ายังฉลาดยิ่งกว่าปรีชาญาณของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่าพละกำลังของมนุษย์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                  ยน 2:13-25
     เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งแกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลื่อนกลาด และทรงคว่ำโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด” บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำนาจทำดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “พระวิหารหลังนี้ต้องใช้เวลาสร้างถึงสี่สิบหกปี แล้วท่านจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวันหรือ” แต่พระองค์กำลังตรัสถึงพระวิหารซึ่งหมายถึงพระกายของพระองค์ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึงเชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ตรัสไว้
ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา คนจำนวนมากเชื่อในพระนามพระองค์เพราะได้เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ ที่ทรงกระทำ แต่พระเยซูเจ้าไม่วางพระทัยในคนเหล่านั้น ทรงรู้จักทุกคน พระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้ใดเป็นพยานในเรื่องมนุษย์ เพราะทรงทราบดีว่ามีสิ่งใดอยู่ในใจมนุษย์

 

ข้อคิด
     พระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้นำเสนอความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า พระองค์โกรธ ขุ่นเคือง ไม่พอใจ ทำไมพระเยซูเจ้าจึงโกรธ? เพราะ”ทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด” (16) พระวิหารของพระเป็นเจ้าถูกใช้ไปในทางที่ผิด เป็นการหมิ่นพระเป็นเจ้า ร่างกายของเราคริสตชนเป็นวิหารของพระจิตเจ้า (2 คร 4: 10-14) หากภายในตัวเราทำให้เป็นตลาด หวังแต่แสวงหาผลประโยชน์ กำไร ขาดทุน เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าในพระวิหารในพระวรสารนักบุญยอห์นในวันนี้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown