วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2023 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 กุมภาพันธ์ 2566 02:52
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 871
บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ มคา 7:14-15,18-20
โปรดทรงใช้ไม้ขอของผู้เลี้ยงแกะเลี้ยงดูประชากร คือฝูงแพะแกะที่เป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่าที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ โปรดทรงให้เขาหากินอยู่ในแคว้นบาชานและกิเลอาดเหมือนในสมัยก่อน โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนในสมัยที่ทรงนำข้าพเจ้าทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ แม้นานาชาติจะทรงพลังมาก เขาทั้งหลายก็จะได้เห็นปาฏิหาริย์นั้นและจะอับอาย เขาทั้งหลายจะเงียบงัน หูของเขาจะหนวก เขาทั้งหลายจะเลียฝุ่นดินเหมือนงู เหมือนสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดิน เขาจะตัวสั่นออกมาจากที่ซ่อนมาหาพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย เขาทั้งหลายจะยำเกรงพระองค์
เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง ขอพระองค์ทรงพระเมตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง โปรดทรงเหยียบย่ำความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งแต่นานมาแล้ว
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 15:1-3,11-32
เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟังว่า
“ชายผู้หนึ่งมีลูกสองคน ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด’ บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพล ผลาญเงินทองจนหมดสิ้น
เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วดินแดนนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาวเมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา
เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด’ เขาก็กลับไปหาพ่อ
ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา ลูกจึงพูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก’ แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็วเข้า จงไปนำเสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา นำแหวนมาสวมนิ้ว นำรองเท้ามาใส่ให้ จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’ แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น
ส่วนลูกคนโตอยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้รับใช้บอกเขาว่า ‘น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย’ ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้เข้าไป แต่เขาตอบพ่อว่า ‘ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย’
พ่อพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก แต่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’”
ข้อคิด
เรื่องที่ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์สรุปและตัดสินเกี่ยวกับพระเยซูเจ้านั้นเป็นเรื่องจริง และพระเยซูเจ้าก็มิได้ปฏิเสธ ในกรณีที่ว่า "พระองค์ทรงต้อนรับคนบาป และกินอาหารร่วมกับเขา" แน่นอนทีเดียวว่า พระเยชูเจ้ามิได้เห็นด้วยกับการเลือกน้ำใจของเราเป็นใหญ่ แล้วหันหลังให้กับพระบิดา พระองค์มิได้เห็นด้วยกับกิจการบาป แต่พระองค์ทรงรักและต้อนรับคนบาป และยิ่งกว่าการต้อนรับ พระองค์ทรงรอคอยคนบาปและผู้หลงผิด เหมือนบิดาที่ "ขณะเมื่อเขา(ลูกที่ผิดหลง)ยังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา" ...พระบิดาเจ้าทรงรอคอยเราอยู่เสมอๆ
วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2023 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 กุมภาพันธ์ 2566 02:39
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 932
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 37:3-4,12-13ก,17ข-28
ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อยาโคบชราแล้ว ยาโคบตัดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษให้โยเซฟ เมื่อพี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ ต่างก็เกลียดชังเขามากจนไม่ยอมพูดดีด้วย
พี่ชายของโยเซฟไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาในบริเวณเมืองเชเคม อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “พี่ๆ ของลูกกำลังเลี้ยงแพะแกะอยู่ที่เชเคม มาซิ พ่อจะส่งลูกไปพบเขา” โยเซฟจึงตามไปพบพี่ชายที่เมืองโดธาน
พี่ชายเห็นโยเซฟแต่ไกลก่อนที่โยเซฟจะมาถึง จึงวางแผนจะฆ่าเสีย เขาปรึกษากันว่า “ดูซิ เจ้าคนช่างฝันมาแล้ว มาเถิด เราจงฆ่ามัน โยนศพมันลงไปในบ่อ แล้วบอกว่า สัตว์ป่ากัดกินมันแล้ว เราจะได้เห็นกันว่า ฝันของมันจะเป็นจริงเพียงใด”
รูเบนได้ยินเข้าก็หาทางจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือน้องๆ ของตน จึงพูดว่า “อย่าถึงกับเอาชีวิตกันเลย” รูเบนยังเสริมอีกว่า “อย่าหลั่งเลือดเลย เพียงแต่โยนมันทิ้งไว้ในบ่อในถิ่นทุรกันดารก็พอแล้ว อย่าทำร้ายมันเลย” รูเบนแนะนำเช่นนี้เพื่อช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือของพี่ชาย แล้วจะนำไปส่งคืนให้บิดา เมื่อโยเซฟมาถึง พี่ชายก็ช่วยกันจับเขาถอดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษซึ่งเขาสวมอยู่ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อ บ่อนั้นแห้งไม่มีน้ำ แล้วพี่ชายทุกคนก็นั่งลงกินอาหาร
ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้น เห็นกองคาราวานของชาวอิชมาเอลกำลังเดินทางมาจากแคว้นกิเลอาดจะไปอียิปต์ มีอูฐบรรทุกยางสน เครื่องเทศ และยางไม้หอมมาด้วย ยูดาห์จึงแนะนำพี่น้องว่า “ถ้าเราฆ่าน้อง และกลบเลือดไว้ จะได้อะไรขึ้นมาเล่า เราจงขายน้องแก่ชาวอิชมาเอลดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องทำร้ายเขา เพราะเขาก็ยังเป็นน้องและเป็นสายเลือดเดียวกันกับเรา” พี่น้องทุกคนก็เห็นด้วย
เวลานั้น พ่อค้าชาวมีเดียนผ่านมา พี่ๆ จึงดึงโยเซฟขึ้นจากบ่อ แล้วขายให้แก่ชาวอิชมาเอลเป็นราคาเงินหนักยี่สิบบาท พ่อค้าเหล่านี้จึงพาโยเซฟไปอียิปต์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 21:33-43,45-46
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิตและผู้อาวุโสของประชาชนว่า
“ท่านทั้งหลาย จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำรั้วล้อม ขุดบ่อย่ำองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ผู้รับใช้ไปพบคนเช่าสวนเพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จับคนใช้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง เอาหินทุ่มอีกคนหนึ่ง เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้จำนวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวนก็ทำกับพวกนี้เช่นเดียวกัน ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด เราจะได้มรดกของเขา’ เขาจึงจับบุตรเจ้าของสวน นำตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะทำอย่างไรกับคนเช่าสวนพวกนั้น”
บรรดาผู้ฟังตอบว่า “เจ้าของสวนจะกำจัดพวกใจอำมหิตนี้อย่างโหดเหี้ยม และจะยกสวนให้คนอื่นเช่า ซึ่งจะแบ่งผลคืนให้เขาตามกำหนดเวลา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านมิได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่า
หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น
ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น
เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่เรายิ่งนัก
ดังนั้น เราบอกท่านว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่จะทำให้บังเกิดผล”
เมื่อบรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีได้ยินอุปมาเหล่านี้ก็เข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงพวกเขา จึงพยายามจับกุมพระองค์ แต่ยังเกรงประชาชน เพราะประชาชนนับถือพระองค์เป็นประกาศก
ข้อคิด
ความรักและความหวังดีของพระเป็นเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์นั้น ได้ถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่เรื่องที่เกิดในสวนเอเดน การไม่เชื่อฟังและการประหารบรรดาประกาศก ไปจนถึงการปฏิเสธและตรึงพระเยซูเจ้าบนกางเขน รวมถึงในปัจจุบัน ที่เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่มิได้ให้พระ "เป็นที่หนึ่ง" ในชีวิตของเรา...แต่ความรักของพระยิ่งใหญ่กว่าความผิด พระเยซูเจ้าทรงมาในโลกนี้เพื่อเรา ผู้ที่มีความอ่อนแอ มีข้อบกพร่องและมีบาป แม้พระองค์ต้องตายเพื่อช่วยเรา พระองค์ก็ยอม เราอาจจะปฏิเสธพระองค์ พระองค์ก็ไม่ถอย หรือแม้เราจะขว้างพระองค์ทิ้ง ดังหินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น พระองค์ก็จะกลับมาเป็นศิลาหัวมุมเพื่อเรา
วันพุธที่ 8 มีนาคม 2023 น.ยอห์น แห่งพระเจ้า นักบวช
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 กุมภาพันธ์ 2566 02:36
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1418
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 18:18-20
ชาวยิวที่คิดร้ายต่อประกาศกเยเรมีย์ พูดว่า “มาเถิด เราจงวางแผนปองร้ายประกาศกเยเรมีย์ เพราะว่าธรรมบัญญัติจะไม่สูญหายไปจากบรรดาสมณะ คำปรึกษาย่อมไม่ขาดไปจากบรรดาผู้มีปรีชา และการประกาศพระวาจาไม่ขาดไปจากบรรดาประกาศก มาเถิด เราจงพูดใส่ร้ายเขา อย่าไปสนใจฟังคำพูดของเขาเลย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงสนพระทัยข้าพเจ้า โปรดทรงฟังเสียงคู่อริของข้าพเจ้าเถิด ความชั่วเป็นการตอบแทนความดีหรือ เขากำลังขุดหลุมไว้ดักข้าพเจ้า โปรดทรงระลึกว่าข้าพเจ้าเคยยืนเฉพาะพระพักตร์ เพื่อทูลขอความดีให้เขา เพื่อหันพระพิโรธของพระองค์ไปจากเขา”
สดด 31:4-5,13,14-15
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 20:17-28
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาเฉพาะอัครสาวกสิบสองคนออกไป แล้วตรัสแก่เขาขณะเดินทางว่า “บัดนี้ พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบแก่บรรดาหัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต และจะถูกมอบให้คนต่างชาติสบประมาทเยาะเย้ย โบยตีและนำไปตรึงกางเขน แต่ในวันที่สามบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ”
มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย”
ข้อคิด
พระเยชูเจ้าทรงทราบถึงความยากลำบากและการสิ้นพระชนม์บนกางเขน ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพระองค์ในอีกไม่นาน และเมื่อทรงหันมาทางอัศรสาวก พระองค์ยังต้องพบกับความแตกแยกโกรธเคืองในกลุ่มพวกเขา อันเป็นผลมาจากความต้องการของศิษย์บางคน ซึ่งขอการได้นั่งที่ที่มีเกียรติทางข้างขวาและข้างช้ายของพระองค์ พระเยซูเจ้าคงต้องเผชิญกับความเศร้าซ้ำสอง แต่พระองค์ก็ยอมรับ ไม่ทรงท้อถอย ทั้งนี้เพราะความรักที่ทรงมีต่อเรามนุษย์ ทรงให้คำเตือนสติและชี้แนะแนวทาง ซึ่งพระองค์ได้ใช้ชีวิตของพระองค์กระทำเป็นตัวอย่าง..... "บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่ เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย"
วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2023 น.ฟรังซิสกาชาวโรม นักบวช
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 กุมภาพันธ์ 2566 02:37
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 948
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 17:5-10
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “คนที่วางใจในมนุษย์ย่อมถูกสาปแช่ง เขาพึ่งพลังของมนุษย์ ใจของเขาหันออกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่นทุรกันดาร ไม่เห็นความดีใดๆ ที่มาถึง เขาจะอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งของถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีผู้คนอาศัย
คนที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมได้รับพระพร องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความหวังของเขา เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากออกไปที่ลำน้ำ เมื่อความร้อนมาถึง เขาก็ไม่กลัว ใบของเขาคงเขียวอยู่เสมอ เขาจะไม่กังวลใจในปีที่แห้งแล้ง จะไม่หยุดออกผล
จิตใจหลอกลวงมากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด ไม่อาจแก้ไข ผู้ใดจะรู้จักใจได้ เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า สำรวจจิต และทดสอบใจ เพื่อจะตอบแทนแต่ละคนตามความประพฤติของเขา”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 16:19-31
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับชาวฟาริสีว่า
“เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า ‘ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้’ แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย’
เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย’ อับราฮัมตอบว่า ‘พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด’ แต่เศรษฐีพูดว่า ‘มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ’ อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ’”
ข้อคิด
คำสุดท้ายของพระเยซูเจ้า ที่ทรงเอ่ยไว้ล่วงหน้าคือ "แม้ใครที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายเตือนเขาเขาก็จะไม่เชื่อ" ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย พระองค์ทรงตือนเรามนุษย์ผ่านทางพระศาสนจักร ก็ยังมีคนจำนวนมากมายที่ไม่เชื่อ ซึ่งบางครั้งเราเองก็อาจอยู่ในจำนวนนั้นด้วยโดยไม่รู้ตัว เพราะจิตของเรามักเข้าข้างตัวเองและชับช้อน เราจึงสมควรที่จะภาวนาอย่างมีสติและขอพลังจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่า.... "จิตใจหลอกลวงมากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด ไม่อาจแก้ไข ผู้ใดจะรู้จักใจได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำรวจจิต และทดสอบใจ" แม้ที่ไม่อาจแก้ไขได้ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยให้เรากระจ่างถึงส่วนลึกๆ ในใจของเรา
วันอังคารที่ 7 มีนาคม 2023 ระลึกถึง น.แปร์เปตูอา และ น.เฟลีชีตัส มรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 กุมภาพันธ์ 2566 02:34
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 927
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 1:10,16-20
“ท่านทั้งหลายผู้มีอำนาจปกครองเมืองโสโดมเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ประชาชนแห่งเมืองโกโมราห์เอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำสอนของพระเจ้าของเราเถิด
จงล้าง จงชำระตนให้สะอาด จงนำกิจการชั่วร้ายของท่านออกไปให้พ้นจากสายตาเรา จงเลิกทำความชั่ว จงเรียนรู้ที่จะทำความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหง จงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกกำพร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด มาพิจารณาความด้วยกันกับเรา แม้บาปของท่านเป็นสีแดงเหมือนผ้าสีเลือดหมู ก็จะขาวอย่างหิมะ แม้บาปของท่านจะเป็นสีแดงเหมือนผ้าสีแดงเข้ม ก็จะขาวเหมือนขนแกะ ถ้าท่านทั้งหลายยอมเชื่อฟัง ท่านจะได้กินผลดีของแผ่นดิน แต่ถ้าท่านดื้อรั้นและเป็นกบฏ ท่านจะเป็นเหยื่อของคมดาบ เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 23:1-12
ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนและบรรดาศิษย์ว่า “พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวางบนบ่าคนอื่น แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้วไปยกขึ้น เขาทำกิจการทุกอย่างเพื่อให้คนเห็น เช่น เขาขยายกลักบรรจุพระวาจาให้ใหญ่ขึ้น ผ้าคลุมของเขามีพู่ยาวกว่าของคนอื่น เขาชอบที่นั่งมีเกียรติในงานเลี้ยง ชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ชอบให้ผู้คนคำนับตามลานสาธารณะ ชอบให้ทุกคนเรียกว่า ‘รับบี’
ส่วนท่านทั้งหลาย อย่าให้ผู้ใดเรียกว่า ‘รับบี’ เพราะอาจารย์ของท่านมีเพียงผู้เดียวและทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่า ‘บิดา’ เพราะว่าพระบิดาของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์ อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ เพราะพระอาจารย์ของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระคริสตเจ้า ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”
ข้อคิด
ในโลกนี้ มีบุคคลมากมายที่เรามีโอกาสได้รู้จัก มีทั้งผู้ที่สอนความรู้ ผู้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ผู้เดินเคียงข้างขณะที่เรากำลังปฏิบัติ ผู้จัดกำลังใจให้เราโดยไม่สิ้นสุด และที่สุด เรายังอาจพบผู้ที่ยอมตายพร้อมกับเรา แต่มีอีกหนึ่งบุคคล ที่หากเราได้รู้จัก จะเป็นบุญยิ่งใหญ่ในชีวิตของเราทีเดียว นั่นคือ ผู้ที่แม้เราปฏิเสธเขา แม้เราทำผิดต่อเขา แม้เราหันหลังทรยศเขา แล้วหันไปคบหาคนอื่น แต่บุคคลคนนั้นยังยอมตายแทนเรา โดยมิได้เรียกร้องทวงบุญคุณอะไรจากเรา ...พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลคนนั้น