มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2022 น.ซิลเวสเตอร์ที่ 1 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง         1 ยน 2:18-21

       ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้ากำลังมา และเวลานี้ปฏิปักษ์จำนวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนี้เราจึงรู้ว่า เป็นวาระสุดท้าย เขาทั้งหลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่างแท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยู่กับเรา แต่ที่เป็นดังนี้ก็เพื่อแสดงว่า เขาเหล่านั้นทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา ท่านทั้งหลายได้รับการเจิมจากพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนต่างได้รับความรู้ การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เขียนเพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว และเพราะไม่มีความเท็จใดมาจากความจริงได้

 

สดด 96:1-3,10-12ก,12ข-13

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                         ยน 1:1-18

       เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้

        พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาในฐานะพยาน เพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง ให้ทุกคนมีความเชื่ออาศัยเขา เขาไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และโลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทานอำนาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง

         ยอห์นเป็นพยานถึงพระองค์ และประกาศว่า “ผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้าได้นำหน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน เพราะพระเจ้าได้ประทานธรรมบัญญัติผ่านทางโมเสส แต่พระหรรษทานและความจริงมาทางพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียวผู้สถิตในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้

 

ข้อคิด

         พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดาในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง เราได้รับเจิมจากองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับความรู้และความจริงถึงชีวิตที่เป็นแสงสว่างในความมืด และเราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกันโดยความไพบูลย์ของพระเจ้า

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2022 ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                             บสร 3:2-6,12-14

        องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้บิดาได้รับเกียรติจากบุตร ทรงกำหนดให้มารดาได้รับความเคารพจากบุตร บุตรที่ยำเกรงบิดาก็ชดเชยบาปของตน บุตรที่ให้เกียรติมารดาก็เหมือนกับสะสมทรัพย์สมบัติไว้ ผู้ที่ยำเกรงบิดาก็มีความสุขจากบุตรของตน เมื่อเขาอธิษฐานภาวนา พระเจ้าก็จะทรงฟังเขา บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน บุตรที่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทำให้มารดาชื่นใจ

         ลูกเอ๋ย จงดูแลบิดาของท่านในวัยชรา อย่าให้เขาเศร้าโศกในชีวิต แม้สติปัญญาของบิดาจะเสื่อมลง ก็จงสงสารเขา อย่าดูหมิ่นเขาขณะที่ท่านยังแข็งแรงอยู่ เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงลืมความเมตตาของท่านต่อบิดา พระองค์จะทรงนับว่าความเมตตานั้นเป็นการใช้โทษบาปของท่าน

 

เพลงสดุดี         สดด 128:1-2,3,4-5

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี                    คส 3:12-21

        พี่น้อง ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่รักของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทั้งหลายให้รวมเป็นกายเดียวกัน ก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด

         ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากใจจริง ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำกิจการใด ก็จงพูดจงทำในพระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด

         ภรรยา จงอยู่ใต้อำนาจของสามีตามสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า

         สามี จงรักภรรยาและอย่าทำให้นางรู้สึกขมขื่น

         บุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาในทุกสิ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า

         บิดาก็จงอย่าขัดใจบุตรเกินไป จนเขาท้อแท้หมดกำลังใจ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                             มธ 2:13-15,19-23

       เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำลังสืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ในคืนนั้น และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า

          เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์

         หลังจากกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟในอียิปต์ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่ต้องการฆ่าพระกุมารตายแล้ว” โยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล แต่เมื่อรู้ว่าอารเคลาอัสขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ในแคว้นยูเดีย สืบต่อจากกษัตริย์เฮโรดพระบิดา โยเซฟก็กลัวที่จะไปที่นั่น และเมื่อพระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝัน เขาจึงกลับไปยังแคว้นกาลิลี ไปอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า “พระองค์จะได้รับพระนามว่าชาวนาซาเร็ธ


ข้อคิด

          ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา จากพระจิตเจ้าซึ่งพระองค์ประทานให้ พระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวปฐมวัยของพระเยซูเจ้าเพียงพระชนมายุสิบสองพรรษาเมื่อเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา ทรงประทับในพระวิหารท่ามกลางอาจารย์ ถามและตอบคำถามด้วยปรีชาญาณ “ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก”...

วันพุธที่ 28 ธันวาคม 2022 ฉลองนักบุญทารกผู้วิมล

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง         1 ยน 1:5-2:2

        พี่น้องที่รักยิ่ง นี่คือข่าวที่เราได้ฟังจากพระองค์ และเรากำลังประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็กำลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตในความสว่าง ดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระโลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง

        ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคยทำบาป” เราก็ทำให้พระองค์ตรัสคำเท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา

        ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย

 

สดด 124:2-5,7-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                         มธ 2:13-18

        เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำลังสืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ในคืนนั้น และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า

          เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์

        เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหารชีวิตเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียง ตามเวลาที่ทรงทราบมาจากบรรดาโหราจารย์ ดังนี้ พระดำรัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า

         มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์

               เป็นเสียงร้องไห้และคร่ำครวญอย่างขมขื่น

         นางราเคลร้องไห้อาลัยถึงบรรดาบุตร

               นางไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ

          เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว

 

ข้อคิด

         พระโลหิตของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ชำระเราให้สะอาดจากบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปและชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง... เด็กชายอายุต่ำกว่า 12 ปีถูกสังหารด้วยความกลัวสูญเสียอำนาจของเฮโรด เภทภัยร้ายแรงต่างๆ ในยุคสมัยของเรานี้ ก็ล้วนบังเกิดจากความกลัวสูญเสียอำนาจและเงินตรา โลหิตของผู้บริสุทธิ์จึ่งหลั่งรินไม่สิ้นสาย

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2022 น.โทมัส เบ็คเก็ต พระสังฆราชและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง         1 ยน 2:3-11

         ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดคำเท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์ โดยวิธีนี้เราจึงรู้ว่า เราอยู่ในพระเจ้า ผู้ที่พูดว่าเขาอยู่ในพระองค์ ก็ต้องดำเนินชีวิตเหมือนกับที่พระองค์ทรงดำเนินชีวิต

         ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็นบทบัญญัติเก่าที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม บทบัญญัติเก่านี้คือถ้อยคำที่ท่านได้ฟังมา บทบัญญัติที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านนั้น ก็ยังนับว่าใหม่ ใหม่จริงทั้งสำหรับพระองค์และสำหรับท่าน เพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไป ความสว่างแท้จริงกำลังทอแสงขึ้นมาแล้ว ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด

 

สดด 96:1-3,4-6

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                           ลก 2:22-35

         เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวตามที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า

        ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์

        โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพรท่านทั้งสองคนและกล่าวแก่พระนางมารีย์พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำหนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลงหรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน

 

ข้อคิด

          พระจิตเจ้าสถิตกับผู้เฒ่าสิเมโอน ทรงนำท่านเข้าไปในพระวิหาร เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ นำบุตรชายคนแรกมาถวายแด่พระเจ้า “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้โปรดทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข เพราะนัตน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น” ความรักของพระเจ้าย่อมสมบูรณ์ในผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ดำเนินชีวิตเหมือนกับที่เราทรงดำเนินชีวิต ดำเนินอยู่ในความสว่าง ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาล้มลงได้

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2022 ฉลอง น.ยอห์น อัครสาวกและผู้นิพนธ์พระวรสาร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง         1 ยน 1:1-4

        พี่น้องที่รักยิ่ง เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้สัมผัสด้วยมือของเรา ชีวิตนั้นได้ปรากฏ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงชีวิตนิรันดรซึ่งอยู่กับพระบิดา และปรากฏให้เราเห็น สิ่งที่เราได้เห็นและได้ฟังนี้ เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้สนิทสัมพันธ์กับเรา ความสนิทสัมพันธ์นี้คือความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปีติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์

 

สดด 97:1-2,5-6,11-12

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                         ยน 20:2-8

          เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน”

        เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ

 

ข้อคิด

          เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปิติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์... มารีย์ชาวมักดาลา (ความรักที่เกินเลย) ตั้งแต่เช้าตรู่ออกไปที่พระคูหาพบความว่างเปล่า จึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตร (ความเชื่อ) กับศิษย์พระเยซูเจ้าทรงรัก (ความรัก) ความเชื่อและความรักต่างเป็นแรงผลักดันให้เราชิดสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า ทั้งสองวิ่งไปด้วยกัน แต่ความรักมาถึง พระคูหาก่อน ทว่าด้วยความรักที่เกินเลย มารีย์ชาวมักดาลาได้พบพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพเป็นบุคคลแรก

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown