มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2022 ฉลอง น.อันดรูว์ อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม                                  รม 10:9-18

         พี่น้อง ถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมายให้ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น

         ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไรถ้าไม่มีใครประกาศสอน จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ”

            บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำประกาศของเรา” ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า

            ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียง ของผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขา แพร่ไปจนสุดปลายพิภพ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                     มธ 4:18-22

         ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที

           เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด

        มนุษย์จะเชื่อและเรียกขานพระนามของพระเจ้าได้อย่างไรถ้าไม่มีผู้ประกาศข่าวดี  คุณสมบัติของผู้ประกาศข่าวดีที่สมจะเป็นชาวประมงหามนุษย์เช่นเดียวกับเปโตร  อันดรูว์  ยากอบ  และยอห์นก็คือ   อดทน รอปลากินเหยื่อ พากเพียรไม่ท้อถอยหรือละทิ่งความพยายาม  รู้จักเลือกเหยื่อ    หรือวิธีการให้เหมาะสม กับกลุ่มเป้าหมาย  และ   รู้จังหวะ  ว่าเมื่อไรควรกลับเข้าฝั่งหรือเมื่อไรต้อง  กล้าเสี่ยง   ออกเรือไปในทะเลลึกเพื่อจะได้ปลา   ที่สำคัญต้องรู้จัก  ซ่อนตัว   ไม่ให้ปลาเห็น  คือต้องนำเสนอพระเยซูเจ้า  ไม่ใช่เสนอหน้าตนเองแก่มนุษย์

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2022 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                       อสย 11:1-10

         หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพำนักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะพอใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน คำพูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารชีวิตคนอธรรม

       ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดั่งน้ำปกคลุมทะเล วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำนักอย่างรุ่งโรจน์

 

สดด 72:1-2,7-8,12-13,17

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                           ลก 10:21-24

       ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรทรงเป็นใคร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาทรงเป็นใคร นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้”

        แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะว่า “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำนวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้เห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ฟัง”

 

ข้อคิด

         พระเยซูเจ้าคือจุดสุดยอดของทฤษฎีวิวัฒนาการเพราะพระองค์ทรงเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดและในเวลาเดียวกันก็ทรงเป็นพระเจ้าด้วย  ในพระองค์  มนุษย์สามารถรู้จักและพบกับพระเจ้าได้  ด้วยเหตุนี้ประกาศกและกษัตริย์จำนวนมากจึงปรารถนาที่จะเห็น  และปรารถนาจะได้ฟังพระองค์  แต่ใช่ว่าบรรดาผู้มีปรีชาที่   “รู้เรื่องเกี่ยวกับพระองค์” และเป็น   จะได้เห็นและได้ยินพระองค์  เฉพาะผู้ที่มีจิตใจต่ำต้อยและใสซื่อเหมือนเด็กเล็กๆ เท่านั้นที่จะได้รับการเปิดเผยให้   “รู้จักพระองค์” และเป็นสุข

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2022 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                                   อสย 2:1-5

           นิมิตที่ประกาศกอิสยาห์บุตรของอามอสเห็นเกี่ยวกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม

          ในยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกตั้งขึ้นเหนือยอดภูเขาทั้งหลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้ ชนหลายชาติจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรงวินิจฉัยประชากรจำนวนมาก เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติต่างๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด เราจงเดินในความสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

 

เพลงสดุดี                                                         สดด 122:1-2,3-5,6-7,8

         ก)     ข้าพเจ้ายินดีเมื่อมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า

“เราจงไปยังบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันเถิด”

บัดนี้ เยรูซาเล็มเอ๋ย เท้าของเรามายืนที่ประตูของเจ้าแล้ว

        ข)     เยรูซาเล็มสร้างขึ้นเป็นนคร

มีกำแพงล้อมรอบอย่างมั่นคง

เผ่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นไปที่นั่น

เผ่าพันธุ์ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่ทรงกำหนดให้อิสราเอลสรรเสริญพระนามพระองค์

ที่นั่นเป็นที่ตั้งบัลลังก์พิพากษา

บัลลังก์แห่งราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด

        ค)     จงวอนขอสันติภาพเพื่อกรุงเยรูซาเล็มเถิด

ขอให้ผู้ที่รักเจ้าประสบความเจริญรุ่งเรือง

สันติสุขจงบังเกิดภายในกำแพงของเจ้า

ความเจริญรุ่งเรืองจงบังเกิดในป้อมปราการของเจ้า

         ง)      เพราะเห็นแก่บรรดาพี่น้องและมิตรสหาย

ข้าพเจ้าจะกล่าวว่า “สันติสุขจงอยู่กับเจ้า”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม            รม 13:11-14

        พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย แล้วสวมเกราะของความสว่าง เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                     มธ 24:37-44

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ ไม่มีใครนึกระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้”

       “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”

 

ข้อคิด

          น่าเป็นห่วงว่าสถานการณ์ทุกวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากสมัยของโนอาห์เลย เรามักหมกมุ่นอยู่กับการกิน การดื่ม  และการแต่งงาน  จริงอยู่สิ่งเหล่านี้ล้วนจำเป็นต่อชีวิต  แต่เราต้องไม่ลืมนอกจากชีวิตในโลกนี้แล้ว

         ยังมีชีวิตนิรันดรรอเราอยู่  เราต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่ยังไม่มีเค้าเมฆแห่งความเจ็บป่วยและความตาย  เพราะเมื่อพระองค์เสด็จมาจะมีการพิพากษา  “คนหนึ่งจะถูกรับไป  อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไป”  ในเมื่อชะตากรรมของเราขึ้นอยู่กับความพร้อมเช่นนี้  พระองค์จึงทรงย้ำเตือนว่า  “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด”

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2022 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                       อสย 2:1-5

           นิมิตที่ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอสเห็นเกี่ยวกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม

          “ในยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกตั้งขึ้นเหนือยอดภูเขาทั้งหลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้ ชนหลายชาติจะมาและกล่าวว่า ‘มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรงวินิจฉัยประชากรจำนวนมาก เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติต่างๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด เราจงเดินในความสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้า’”

 

ในปี Aให้อ่านบทอ่านต่อไปนี้

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                       อสย 4:2-6

         วันนั้น หน่ออ่อนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดให้งอกขึ้นจะงดงามและรุ่งโรจน์ ผลผลิตของแผ่นดินจะเป็นความภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติของชาวอิสราเอลผู้รอดชีวิต ผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่ในศิโยนและผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มจะได้ชื่อว่า “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ให้มีชีวิตอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงล้างความโสโครกของบรรดาธิดาแห่งศิโยน และจะทรงใช้พระอานุภาพของการพิพากษา ซึ่งเป็นประดุจไฟมาชำระโลหิตที่ถูกหลั่งลงภายในกรุงเยรูซาเล็มให้หมดสิ้นไป แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างเมฆเวลากลางวัน ทรงสร้างควันและแสงแห่งเปลวเพลิงเวลากลางคืนทั่วไปบนภูเขาศิโยน และเหนือประชาชนที่มาชุมนุมกันที่นั่น พระสิริรุ่งโรจน์จะเป็นที่กำบังและปกป้องทุกสิ่ง จะเป็นเหมือนกระโจมให้ร่มบังแดดเวลากลางวัน เป็นที่หลบภัยและที่กำบังจากพายุและฝน

 

สดด 122:1-2,3-4,8-9

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                         มธ 8:5-11

         เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม นายร้อยคนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าเป็นอัมพาตนอนอยู่ที่บ้าน ต้องทรมานอย่างสาหัส”

         พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย”

         แต่นายร้อยทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าสั่งทหารคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าสั่งผู้รับใช้ว่า ‘ทำนี่’ เขาก็ทำ”

        เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินเช่นนี้ ทรงประหลาดพระทัย จึงตรัสแก่บรรดาผู้ติดตามว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ในอิสราเอลเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนจำนวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบในอาณาจักรสวรรค์

 

ข้อคิด

        ชาวยิวเชื่อว่าเมื่อพระเมสสิยาห์เสด็จมาจะมีงานเลี้ยงในอาณาจักรสวรรค์แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าคนต่างชาติจะมีโอกาสร่วมงานเลี้ยงนี้  ส่วนคริสตชนจำนวนไม่น้อยก็คิดเหมือนกันว่าคนต่างศาสนาคงหมดโอกาสเข้าสวรรค์  แต่พระเยซูเจ้าทรงเปิดโอกาสนี้ให้แก่ทุกคน  ทั้งจากตะวันออกและตะวันตก  ทีมีความเชื่อและรู้จักรักและห่วงใยผู้อื่นเช่นเดียวกับนายร้อยผู้นี้   ความเชื่อและความรักเท่านั้นคือพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางสำหรับเข้าสู้พระอาณาจักของพระเจ้า

 

 

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2022 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                                         วว 22:1-7

          ทูตสวรรค์ชี้ให้ข้าพเจ้า ยอห์น ดูแม่น้ำแห่งชีวิต น้ำใสเหมือนแก้วผลึกไหลจากพระบัลลังก์ของพระเจ้าและของลูกแกะ ต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นอยู่กลางลานของนครนั้นและบนสองฝั่งแม่น้ำ ต้นไม้เหล่านั้นออกผลสิบสองครั้งคือให้ผลเดือนละครั้ง ใบใช้เป็นยารักษาโรคของนานาชาติ

         จะไม่มีคำสาปแช่งอีกต่อไป พระบัลลังก์ของพระเจ้าและของลูกแกะจะอยู่ในนครนั้น บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะกราบนมัสการพระองค์ เขาจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และจะมีพระนามพระองค์บนหน้าผาก จะไม่มีกลางคืนอีกต่อไป เขาเหล่านั้นไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์อีก เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือเขาทั้งหลาย เขาจะครองราชย์อยู่ตลอดนิรันดร

         ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นจริงเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงดลใจบรรดาประกาศก ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาแจ้งให้บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์รู้ถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้” ผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำของการประกาศพระวาจาในม้วนหนังสือนี้ย่อมเป็นสุข

 

สดด 95:1-2,3-5,6-7กข

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 21:34-36

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า

        “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลัน เหมือนบ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้”

 

ข้อคิด

        เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา  เราเหลือเพียงสองสถานภาพให้เลือกคือ  “เหมาะสม”  หรือ “ไม่เหมาะสม” ที่จะปรากฏตนต่อเบี้องพระพักตร์ของพระองค์  หากเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม   เราจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ   ส่วนผู้ที่ไม่เหมาะสม  “ปล่อยใจให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิต  วนนั้นจะมาถึงเราอยู่ฉับพลันเหมือนบ่วงแร้ว”  เพราะฉะนั้น  จงเตรียมพร้อมให้เหมาะสมด้วยการ “การอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลา”  และทำหน้าที่ของเราแต่ละวันให้ดีที่สุด

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown