มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2022 ระลึกถึง น.เยโรม พระสงฆ์และนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือโยบ                                                            โยบ 38:1,12-21;40:3-5

          องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากกลางลมพายุว่า “ตั้งแต่วันที่ท่านเกิดมา ท่านเคยสั่งรุ่งอรุณ และเคยกำหนดสถานที่ให้รุ่งอรุณอยู่หรือ รุ่งอรุณจะได้จับชายแผ่นดินไว้ และสลัดคนชั่วออกไป แผ่นดินเปลี่ยนไปเหมือนดินเหนียวถูกตราประทับ และมีสีต่างๆ เหมือนเสื้อผ้า แสงสว่างถูกถอนไปจากคนชั่ว เพราะแขนของเขาที่เงื้อขึ้นเพื่อทำร้ายย่อมถูกหัก ท่านเคยเข้าไปจนถึงตาน้ำแห่งทะเล หรือเดินเข้าไปในขุมลึกแล้วหรือ มีใครแสดงให้ท่านเห็นประตูแห่งความตาย หรือท่านได้เห็นประตูเงาแห่งความตายแล้วหรือ ท่านรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินหรือ ถ้าท่านรู้ทุกสิ่งแล้ว ก็จงบอกมา หนทางไหนนำไปสู่ที่พำนักของความสว่าง และที่ไหนเป็นสถานที่ของความมืด ท่านจะได้นำทั้งแสงสว่างและความมืดไปอยู่ในเขตแดนของตน หรืออย่างน้อยก็ชี้ทางให้มันกลับไปบ้านได้ แน่นอน ท่านต้องรู้ เพราะเวลานั้นท่านเกิดมาแล้ว จำนวนวันของท่านก็มากมาย”

         โยบทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่คนสำคัญ จะทูลตอบพระองค์ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเอามือปิดปาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่กราบทูลอีก ข้าพเจ้ากราบทูลสองครั้งแล้ว จะไม่กราบทูลต่อไป”

 

สดด 139:1-3,6-8,9-10,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 10:13-16

         เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า

       “วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ นั่งบนกองขี้เถ้า กลับใจเสียนานแล้ว ดังนั้น เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับโทษเบากว่าเจ้าในวันพิพากษา ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย

         ผู้ใดฟังท่าน ผู้นั้นฟังเรา ผู้ใดสบประมาทท่าน ผู้นั้นสบประมาทเรา ผู้ที่สบประมาทเรา ก็สบประมาทผู้ที่ทรงส่งเรามา”

 

ข้อคิด

        พระเยซูเจ้าทรงตำหนิเมื่องโคราซิน เมื่องเบธไซดา และเมื่องคาเปอรนาอุม เมื่องใกล้ๆทะเลสาบกาลิลีที่ได้รับอัศจรรย์มากมายจากพระเยซูเจ้า แต่พวกเขาไม่ยอมกลับใจ ซึ่งในวันพิพากษาพวกเขาจะได้รับโทษหนักกว่าเมืองไทระและไซดอน เมืองของคนต่างชาติ เมื่องที่บรรดาประกาศกในอดีตเคยต่อว่าเป็นเมืองที่เลวร้าย เต็มไปด้วยความอสัตย์อธรรม คงไม่สำคัญว่าในแต่ละวันชีวิตเราได้รับอัศจรรย์จากพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน ในความเป็นมนุษย์ยังมีความอ่อนแอ หลายครั้งเราเคยชินกับความรักเมตตาของพระเจ้าจนชะล่าใจ  ปล่อยตัวเองในความบาปเราวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้าช่วยเรากลับใจในทุกๆวัน เปิดตา เปิดหู เปิดใจเราให้สนใจฟังคำเตือนสอนจากพระองค์ผ่านทางพระวาจาพระเจ้า ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยความสุภาพถ่อมตน  แลพนำมาปรับปรุงแก้ไขชีวิต เพื่อให้ทุกกิจการที่เราจะกระทำมาจากการนำทางของพระองค์ เพื่อเราจะไม่ต้องรับโทษเมื่อวันพิพากษามาถึง

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2022 ฉลองอัครทูตสวรรค์มีคาเอล คาเบรียล และราฟาเอล

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                                                     วว 12:7-12

            สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย  แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป    มังกรใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย  ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระราชอาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำนาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหาบรรดาพี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าของเราก็ถูกโยนลงไปแล้ว  บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยคำพยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิตแม้เมื่อเผชิญความตาย  ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติจงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                                    ยน 1:47-51

          เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล”

         พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์”

 

ข้อคิด

      พระคัมภีร์บันทึกถึงอัครทูตสวรรค์ทั้ง 3 ซึ่งคัดมาบางตอนว่า สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาแอล กับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต้องสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้ไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป (วว.12.8) พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์  กาเบรียล มาแจ้งข่าวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแก่พระนางมารีย์ (ลก.1.26-27) ราฟาเอล บอกโทบียาห์ถึงวิธีการรักษาตาของโทบิตผู้บิดาที่บอดใหกลับมามองเห็นเหมือนเดิม   (ทบต.11.7-8)  ทำให้เรารู้ว่า อัครทูตสวรรค์ทั้ง 3 มีหน้าที่ในการรับใช้พระเจ้าแตกต่างคามหน้าที่ของตนของท่าน  3  ช่วยภาวนาวิวอนเพื่อเราในการดำเนินชีวิตประจำวัน  โปรดช่วยเราเอาชนะการประจญล่อล่วงของปีศาจดั่งท่ามีคาเอล ปรับกาศความรักของพระองค์โดยการทำตามคำสอนด้วยความชื่นชมยินดีดังท่านก่เบรียลและพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่ยากลำบากเมื่อเราสามารถช่วยได้ดั่งเช่นท่านราฟาเอล อาศัยความรักความช่วยเหลือและพละกำลังจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์ความดีทุกประการ

วันอังคารที่ 27 กันยายน 2022 ระลึกถึง น.วินเซนต์เดอปอล พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือโยบ                                                            โยบ 3:1-3,11-17,20-23

       ต่อมา โยบอ้าปากสาปแช่งวันเกิดของตน โยบเริ่มพูดว่า “วันที่ข้าเกิดมาจงพินาศเถิด ทั้งคืนที่มีคนพูดว่า ‘เด็กชายคนหนึ่งปฏิสนธิแล้ว’ ก็จงพินาศด้วย ทำไมข้าจึงไม่ตายเสียตั้งแต่ในครรภ์ ทำไมข้าจึงไม่ขาดใจเมื่อออกมาจากครรภ์มารดา ทำไมจึงมีผู้รับข้าไว้บนเข่า ทำไมจึงมีหัวนมให้ข้าดูด มิฉะนั้นแล้ว บัดนี้ข้าคงนอนสงบ ข้าคงหลับ และพักผ่อนในสันติกับบรรดากษัตริย์และผู้ปกครองแผ่นดิน ผู้ได้สร้างอนุสาวรีย์ที่ฝังศพสำหรับตนหรือกับเจ้านายที่มีทองคำ และสะสมเงินไว้เต็มที่ฝังศพของตน ข้าคงจะไม่มีความเป็นอยู่เหมือนลูกที่แท้ง และถูกซ่อนไว้เหมือนทารกซึ่งไม่เคยเห็นแสงสว่าง ที่นั่นคนชั่วร้ายหยุดดิ้นรน ที่นั่นผู้ที่หมดกำลังได้พักผ่อน ทำไมผู้ที่ทนทุกข์จึงได้รับแสงสว่าง ผู้ที่มีใจขมขื่นจึงได้รับชีวิต เขาคอยความตาย แต่ความตายก็ไม่มา เขาแสวงหาความตายมากกว่าขุดหาทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่ เขายินดีอย่างยิ่ง และชื่นชมเมื่อพบหลุมฝังศพ ทำไมจึงประทานความสว่างแก่ผู้ที่ไม่มีวันจะเห็นหนทางของตน และแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงกั้นไว้ทุกด้าน

 

สดด 88:1-3,4-5,6-7

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 9:51-56

        เวลาที่พระเยซูเจ้าจะต้องทรงจากโลกนี้ไปใกล้เข้ามาแล้ว พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และทรงส่งผู้นำสารไปล่วงหน้า คนเหล่านี้ออกเดินทางและเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อเตรียมรับเสด็จพระองค์ แต่ประชาชนที่นั่นไม่ยอมรับเสด็จเพราะพระองค์กำลังเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อยากอบและยอห์นศิษย์ของพระองค์เห็นดังนี้ก็ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราเรียกไฟจากฟ้าลงมาเผาผลาญคนเหล่านี้หรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหันไปตำหนิศิษย์ทั้งสองคน แล้วทรงพระดำเนินต่อไปยังหมู่บ้านอื่นพร้อมกับบรรดาศิษย์

 

ข้อคิด

           เป็นเรื่องปกติของชีวิตที่จะมีคนรัก และมีคนเกลียด เพราะเราไม่ใช่คนดีสมบูรณ์พร้อม  เราเองก็มีโกรธ เกลียด ชอบ ไม่ชอบเช่นกัน แถมในบางครั้งกับบางคนเราอาจมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับไปด้วย บางทีแค่ฟังเรื่องราวจากคนอื่นมาในมุมไม่ได้  เราก็ไม่ชอบเขาแล้ว แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ผู้ที่ทำความดีเสมอมา เชื่อว่าชื่อเสียงของพระองค์ก็ต้องกระจายไปทั่วและชาวสะมาเรียก็ต้องได้ยินมาบ้าง แต่เพราะพระองค์เป็นชาวยิว  ชาวสะมาเรียจึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับพระองค์  เพียงแค่เสด็จผ่านเพื่อจะไปยังกรุงเยรูซาเล็มการปะทะกันซึ่งๆ หน้าทำให้บรรดาศิษย์ไม่พอใจ  แต่พระเยซูเจ้าทรงตำนิพวกเขาและทรงพระดำเนินต่อไป เราได้เห็นว่าพระองค์ไม่ตอบโต้ ไม่ฉุนเฉลียว เพราะทรงเข้าใจบริบท ณ เวลานั้น  สิ่งที่พระองค์ทำคือ เงียบและไม่โต้ตอบ ก็เพื่อสอนศิษย์ของพระองค์ และสอนเราด้วยว่าศิษย์ของพระคริสต์หรือผู้ที่ติดตามพระองค์ ต้องไม่ทำชั่วตอบแทนความชั่ว  ไม่โต้ตอบความเกลียดชังด้วยความรุนแรง

วันพุธที่ 28 กันยายน 2022 น.เวนเชสเลาส์ มรณสักขี น.ลอเรนซ์ รุยซ์ และเพื่อนมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือโยบ                                                            โยบ 9:1-12,14-16

          โยบจึงตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารู้อย่างที่ท่านพูดว่า คนเราจะเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ในหนึ่งพันครั้ง ผู้นั้นก็ตอบพระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชารู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพทำได้ทุกอย่าง ผู้ใดต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวิตอยู่ได้ พระองค์ทรงเคลื่อนย้ายภูเขาโดยที่ภูเขาไม่รู้ตัว เมื่อพระองค์กริ้ว ก็ทรงทำให้ภูเขาปั่นป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจากที่ตั้งอยู่ และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปิดผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้ส่องแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ลำพังพระองค์ ทรงพระดำเนินบนคลื่นของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวทิศใต้ ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงทำการอัศจรรย์นับไม่ถ้วน

          ดูซิ พระองค์ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สังเกตเห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงทำอะไร’ แล้วข้าพเจ้าจะโต้ตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยคำอะไรมาเถียงกับพระองค์ แม้ข้าพเจ้าไม่มีความผิด ข้าพเจ้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องขอพระกรุณาจากผู้พิพากษาของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าร้องทูลถามพระองค์ และพระองค์ทรงตอบ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า

 

สดด 88:9-10,11-12,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 9:57-62

         เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้หนึ่งทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”

        พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า”

           อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไปร่ำลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า”

 

ข้อคิด

         พระเยซูเจ้าทรงท้าทายผู้ที่ปรารถราติดตามพระองค์อย่างจริงจัง  และทรงเป็น ผู้เริ่มต้น เรียกใครคนใดคนหนึ่งให้ติดตามพระองค์  อยากไปด้วยกันไหม แต่ที่จะวางศีรษะยังไม่มีเลย จะยังสนใจอยู่ไหม ไม่บังคับไม่รีบร้อน  ไม่ต้องการคำตอบในทันทีทันใด  คิดดีๆ ไตร่ตรองก่อน แต่หากตัดสินใจจะติดตามพระองค์ไม่ต้องคาดหวังชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ต้องซื่อสัตย์ ไม่สองจิตสองใจ ไม่ลังเล ไม่หันหลังกลับ  พร้อมสละน้ำใจตนมอบชีวิต  ความคิด  ความไว้วางใจทั้งหมดไว้กับพระเยซูเจ้า  และแน่นอนว่าหลายคนอาจมีความปรารถนาที่อยากติดตามพระองค์ อาจด้วยชื่อเสียงของพระองค์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พระเจ้าทรงเลือก วันนี้ลองถามตัวเองสิว่า ฉันได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้าหรือไม่ ได้ยินแล้งฉันพร้อมที่จะติดตามพระองค์ไหม ขอพระเจ้าโปรดประทานการตัดสินใขที่เด็ดเดี่ยวด้วยความกล้าหาญและด้วยความรักแก่เรา

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2022 น.คอสมา และ น.ดาเมียน มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือโยบ                                                            โยบ 1:6-22

          วันหนึ่ง บุตรทั้งหลายของพระเจ้ามาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ซาตานมาอยู่ในหมู่เขาด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “ท่านมาจากไหน” ซาตานทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “มาจากการเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วแผ่นดิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานอีกว่า “ท่านสังเกตเห็นโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ ไม่มีใครในแผ่นดินเหมือนเขา เป็นผู้ชอบธรรมและเป็นคนดีพร้อม ยำเกรงพระเจ้าและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย” ซาตานทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าโดยไม่ได้รับผลตอบแทนเลยหรือ พระองค์ไม่ได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา ครอบครัว และทุกสิ่งที่เขามีอยู่หรือ พระองค์ทรงอวยพรงานที่เขาทำ ฝูงสัตว์ของเขาทวีจำนวนขึ้นในแผ่นดิน แต่ขอพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แล้วเขาจะสาปแช่งพระองค์เฉพาะพระพักตร์แน่ๆ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซาตานว่า “ตกลง จงทำตามใจชอบกับทุกสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขาเลย” ซาตานจึงออกไปจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า

          วันหนึ่ง เมื่อบุตรชายหญิงของเขากำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต มีคนมาแจ้งข่าวแก่โยบว่า “โคกำลังไถนาอยู่ และลากำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ นั้น ชาวเสบาก็จู่โจมเข้ามาปล้น ใช้ดาบฆ่าผู้รับใช้ ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” ขณะที่เขากำลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า “ไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาทั้งแพะแกะและผู้เลี้ยงจนหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” ขณะที่เขากำลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า ชาวเคลเดียรวมกันเป็นสามกลุ่มจู่โจมเข้ามาปล้นอูฐและใช้ดาบฆ่าผู้รับใช้ ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่า “บุตรชายหญิงของท่านกำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต ทันใดนั้น ลมแรงพัดจากถิ่นทุรกันดารมากระทบบ้านทั้งสี่มุม บ้านนั้นก็พังทับคนหนุ่มสาวตายทั้งหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน”

          โยบจึงลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุม โกนศีรษะแสดงความทุกข์ กราบลงหน้าจรดพื้น กล่าวว่า

          “ข้าพเจ้าตัวเปล่าออกมาจากครรภ์มารดา ข้าพเจ้าก็จะตัวเปล่ากลับไป องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเอาคืน ขอถวายพระพรแด่พระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า”

ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบไม่ได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้า

 

สดด 17:1-2,3-4,6-7

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 9:46-50

          เวลานั้น บรรดาศิษย์เริ่มถกเถียงกันว่าคนใดในกลุ่มยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงทรงจูงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนใกล้พระองค์ ตรัสว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ต้อนรับเรา ผู้ใดต้อนรับเรา ผู้นั้นก็ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามา เพราะในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเล็กที่สุด ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด”

         ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในพระนามพระองค์ แต่เขาไม่ได้อยู่กับเรา เราพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านท่าน ผู้นั้นก็เป็นฝ่ายท่าน”

 

ข้อคิด

          แม้โยบจะสูญเสียทุกอย่างที่เขามี  แต่เขาไม่ได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้า   ในความเป็นจริงของชีวิต  ความทุกข์ยากเกิดขึ้นได้กับทุกคน  ไม่เว้น ‘คนดีหรือคนชั่ว”  หากเราเชื่อมั่น  วางใจ   และดำเนินชีวิตในหนทางของพระเจ้า แม่แต้องเผชิญความทุกยากลำบากต่างๆ  เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา  และจะประทานกำลังให้เราสามารถอดทนต่อการทดลองต่างๆได้  เพราะหราคิดดีดีต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาประดับฐานะทางสังคม วันหนึ่งก็ต้องหมดไป ก็คงไม่ได้หมายถึงการสูญเสีย  แต่ถือว่าเป็นกำไรชีวิตด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะได้รับสิ่งใดมา หรือสูญเสียสิ่งใดไป อย่าลืมของพระคุณพระเจ้า โมทนาคุณพระองค์เหมือนกับโยบ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown