มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2022 สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปัญญาจารย์                                   ปญจ 1:2;2:21-23
      ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” เพราะคนที่ตรากตรำทำงานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้และความชำนาญ จะต้องละทิ้งผลงานให้เป็นมรดกแก่คนที่ไม่ได้ตรากตรำเพื่องานนั้นเลย นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วยและเป็นเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง มนุษย์จะได้ประโยชน์อะไรจากความลำบากตรากตรำทั้งหมด และความกังวลใจที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ ทุกวันของเขามีแต่ความทุกข์ งานของเขาคือความกังวลใจ แม้ในเวลากลางคืน จิตใจของเขาก็ยังไม่ได้หยุดพัก นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วย

 

เพลงสดุดี                                                                สดด 90:3-4,5-6,12-13,14 และ 17
     ก) พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นฝุ่นดิน
โดยตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกลับไปเถิด”
ใช่แล้ว หนึ่งพันปีสำหรับพระองค์
ก็เหมือนวันวานที่เพิ่งผ่านไป
เหมือนการเฝ้ายามเพียงยามเดียวเวลากลางคืน
     ข) พระองค์ทรงบันดาลให้ชีวิตจบลงเหมือนจมน้ำ
สั้นเหมือนความฝันในยามเช้า เหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้น
ในยามเช้าต้นหญ้าเติบโตขึ้นและออกดอก
ในยามเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวแห้ง
    ค) โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง
เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จกลับมาเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องรอคอยอีกนานเพียงใด
โปรดทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้พระองค์เถิด
     ง) ทุกยามเช้าโปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายอย่างเต็มเปี่ยม
ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้โห่ร้องด้วยความเบิกบานและยินดีตลอดชีวิต
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดปรานข้าพเจ้า
ขอพระองค์ประทานให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำสำเร็จไป
ขอให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำมีความมั่นคง

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี      คส 3:1-5,9-11
     พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้วและชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้าองค์ชีวิตของท่านจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย

     ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย และความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง
ดังนั้น การเป็นชาวกรีกหรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ที่สำคัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 12:13-21
     เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม”
พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำอย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’”

 

ข้อคิด
     พระศาสนจักรไม่ได้ประณามคนร่ำรวยและยกย่องคนยากจน คนยากจนที่โลภและเห็นแก่ตัวก็มี คนร่ำรวยที่ใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัวก็เยอะ การเป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีทรัพย์สมบัติมากหรือน้อย แต่ขึ้นอยู่กับท่าทีต่อทรัพย์สมบัติที่มีหรือไม่มีมากกว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรพระเจ้า พระองค์ทรงมีทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมี และทรงเป็นทุกอย่างที่พระเจ้าทรงเป็น พระองค์ทรงสามารถเป็นคนร่ำรวยที่สุดในโลก แต่กลับทรงเลือกเป็นคนยากจน ทรงยอมสละทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตเพื่อช่วยเราให้รอดพ้น ในพิธีมิสซาพระองค์ทรงมอบตัวเองทั้งครบแด่พระบิดาและแก่เราในศีลมหาสนิท ให้เราพยายามเลียนแบบพระองค์ ผู้ทรงเป็นคนมั่งมีในสายพระเนตรพระบิดาเจ้าสวรรค์

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2022 น.เปโตร คริโซโลโก พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                            ยรม 26:11-16,24
     ในครั้งนั้น บรรดาสมณะและประกาศกจึงพูดกับเจ้านายและประชากรทุกคนว่า “ชายคนนี้ควรถูกประหารชีวิต เพราะเขาประกาศพระวาจากล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินกับหูแล้ว” ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบเจ้านายทุกคนและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาประกาศพระวาจากล่าวโทษพระวิหารและเมืองนี้ตามถ้อยคำทุกคำที่ท่านได้ยิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงปรับปรุงความประพฤติและการกระทำของท่าน จงฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษท่านดังที่เคยตรัสไว้ ส่วนข้าพเจ้า ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าพเจ้าอยู่ในมือของท่าน ท่านจงทำกับข้าพเจ้าตามที่ท่านเห็นดีเห็นชอบเถิด แต่จงรู้ไว้เถิดว่าถ้าท่านประหารชีวิตข้าพเจ้า ท่าน เมืองนี้ และชาวเมืองนี้ทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาพูดถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดให้ท่านฟัง”
บรรดาเจ้านายและประชากรทุกคนจึงพูดกับบรรดาสมณะและประกาศกว่า “ชายผู้นี้ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเขาได้พูดกับเราในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา”
     แต่ประกาศกเยเรมีย์ได้รับการปกป้องจากอาคิคัมบุตรของชาฟาน จึงไม่ถูกมอบให้ประชาชนนำไปประหารชีวิต

 

สดด 69:14-15,29-30,32-33

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                             มธ 14:1-12
     เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนี้คือยอห์นผู้ทำพิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจทำอัศจรรย์ได้”
     กษัตริย์เฮโรดทรงสั่งให้จับกุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิปพระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรดต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก ในวันคล้ายวันประสูติของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นรำต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรดอย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ
นางจึงทูลตามคำแนะนำที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงนำศีรษะของยอห์นใส่ถาดมาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้พระเยซูเจ้าทรงทราบ

 

ข้อคิด
     หลายครั้งเราอาจเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายกับสิ่งที่กษัตริย์เฮโรดกำลังเผชิญอยู่ เราไม่กล่าพูด ไม่กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะกลัวเสียหน้า เสียชื่อเสียงเกียรติยศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอื่นให้มาทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา ให้เราเลียนแบบความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนักบุญยอห์นทำพิธีล้าง ท่ากล้าพูด กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง มีเสรีภาพและเป็นเจ้านายของตนเอง แน่นอน อาศัยพละกำลังของเราโดยลำพังเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่พร้อมกับพระหรรษทานจากพระเจ้า เรามั่นใจว่าเราสามารถเลียนแบบอย่างของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ได้ ให้วอนขอพลังและความเข้มแข็งจากพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรสุดที่รักของพระองค์

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2022 สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                ยรม 18:1-6
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ดังนี้ว่า “จงรีบไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ แล้วเราจะแจ้งถ้อยคำของเราแก่ท่านที่นั่น” ข้าพเจ้าจึงลงไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ เห็นเขากำลังทำงานอยู่ที่แป้นหมุน แต่ภาชนะที่เขากำลังใช้ดินเหนียวปั้นอยู่นั้นเสียรูปใช้ไม่ได้ ดังที่อาจเกิดกับดินเหนียวในมือของช่างปั้นหม้อ เขาจึงใช้ดินเหนียวนั้นปั้นภาชนะอีกใบหนึ่งตามที่เขาคิดว่าเหมาะสม แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะทำกับท่านอย่างที่ช่างปั้นหม้อคนนี้ทำไม่ได้หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ดูซิ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ดินเหนียวอยู่ในมือของช่างปั้นหม้ออย่างไร ท่านทั้งหลายก็อยู่ในมือของเราอย่างนั้น”

 

สดด 146:1-2,3-4,5-6

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 13:47-53
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้อีกกับอวนที่หย่อนลงในทะเล ติดปลาทุกชนิด เมื่ออวนเต็มแล้ว ชาวประมงจะลากขึ้นฝั่ง นั่งลงเลือกปลาดีใส่ตะกร้า ส่วนปลาเลวก็โยนทิ้งไป เมื่อถึงเวลาสิ้นโลกก็จะเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงคราวสิ้นโลก ทูตสวรรค์จะมาแยกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม ทิ้งคนชั่วลงในขุมไฟ ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง”
     “ท่านทั้งหลายเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้หรือไม่” บรรดาศิษย์ทูลตอบว่า “เข้าใจแล้ว”
พระองค์จึงตรัสว่า “ดังนั้น ธรรมาจารย์ทุกคนที่มาเป็นศิษย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ก็เหมือนกับเจ้าบ้านที่นำทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน”
     เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาเหล่านี้จบแล้ว พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น

 

ข้อคิด
     เมื่ออาณาจักสวรรค์เปรียบเสมือนอวนที่หย่อนลงลงในฐานะส่วนหนึ่งของอาณาจักรนี้ พระศาสนจักรจึงประกอยด้วยสมาชิกหลายประเภท ทั้งดีและไม่ดี ศักดิ์สิทธิ์และไม่ศักดิ์สิทธิ์ ซื่อสัตย์และไม่ซื่อสัตย์ เหมือนปลาทุกชนิดถูกรวมเข้าด้วยกันในอวนเดียว ประชาชนทุกคนถูกเรียกให้เป็นสมาชิกของอาณาจักนี้และรับชีวิตนิรันดร ชาวประมงไม่ได้จับปลาเพียงเพื่อทิ้งไว้ในอวน แต่นำไปขายหรือใช้บริโภค ในทำนองเดียวกันพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์เข้ามาในอาณาจักรสวรรค์เพื่อพระนามของพระองค์จะดีที่รู้จักผ่านทางพวกเขา พระองค์ทรงให้โอกาสและความช่วยเหลืออย่างเพียงพอแก่ทุกคน พระองค์ทรงคาดหวังว่าผ่าทางกิจการดีที่แต่ละคนทำ พระนามของพระองค์จะได้รับการสรรเสริญ และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์แก่สายตามนุษย์ทุกคน

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2022 ระลึกถึง น.มาร์ธา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์น ฉบับที่หนึ่ง                  1 ยน 4:7-16
     ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า
     ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราดำรงอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานั่นเอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้ว่า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์ มาเป็นพระผู้ไถ่โลก ผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา และเขาย่อมอยู่ในพระเจ้า เรารู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดดำรงอยู่ในความรัก ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 11:19-27
     เวลานั้น ชาวยิวจำนวนมากมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบใจนางในการตายของพี่ชาย เมื่อมารธารู้ว่าพระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา นางก็ออกไปรับเสด็จ ส่วนมารีย์ยังคงนั่งอยู่ที่บ้าน มารธาทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย แต่บัดนี้ดิฉันรู้ดีว่าสิ่งใดที่พระองค์ทรงวอนขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทานให้” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “พี่ชายของท่านจะกลับคืนชีพ” มารธาทูลว่า “ดิฉันรู้ว่าเขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษย์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย”
พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลย ท่านเชื่อเช่นนี้หรือ”
     มารธาทูลตอบว่า “เชื่อพระเจ้าข้า ดิฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้”หรือ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 10:38-42
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉันบ้าง” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียวมารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้”

 

ข้อคิด
     ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่า “ความรัก” เป็น “ความหมายของชีวิต” ชีวิตที่ปราศจากความรักเป็นชีวิตที่ไร้ความหมาย ความรักไม่ได้เป็นเครื่องมือหรือตัวกลางนำไปสู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เป็นจุดหมายปลายทาง นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพระเจ้าทางเป็น “ความรัก” (1 ยน 4.8) “ทุกคนที่มีความรักย่อมบังเกิดจากพระเจ้าและรู้จักพระองค์” (1 ยน 4.7 ) ทุกครั้งที่เราทำกิจการใดก็ตามด้วยความรัก เราดำรงอยู่ในพระเจ้าและพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในเราพระเยซูเจ้าทรงปรารถนาที่จะแสดงความรักของพระเจ้าในรูปของมนุษย์ที่สามารถสัมผัสได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อความรอดพ้นของเรา

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2022 สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                            ยรม 15:10,16-21
     แม่จ๋า วิบัติจงเกิดแก่ลูก ทำไมแม่จึงคลอดลูกออกมา เป็นเหตุให้ผู้คนทั่วแผ่นดินต้องแตกแยกและทะเลาะวิวาทกัน ลูกไม่ได้ให้ยืม และไม่ได้ยืมใคร แต่ทุกคนสาปแช่งลูก
     เมื่อข้าพเจ้าพบพระวาจา ข้าพเจ้าก็ได้กินพระวาจานั้น พระวาจาของพระองค์เป็นความชื่นบาน และเป็นความยินดีของจิตใจข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล เพราะข้าพเจ้าเป็นของพระองค์ ข้าพเจ้าไม่เคยนั่งเพื่อความสนุก ร่วมหมู่กับคนชอบเยาะเย้ยผู้อื่น ข้าพเจ้านั่งอยู่คนเดียวเพราะพระหัตถ์พระองค์อยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าโกรธมาก แล้วทำไมความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักจบ ทำไมบาดแผลของข้าพเจ้าจึงรักษาไม่หาย ไม่ยอมหาย สำหรับข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นเหมือนลำธารที่ทำให้ผิดหวัง เพราะน้ำไม่แน่นอน
     ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า “ถ้าท่านกลับใจ เราจะรับท่านกลับมา และท่านจะยืนอยู่ต่อหน้าเรา ถ้าท่านรู้จักแยกสิ่งประเสริฐจากสิ่งไร้ค่า ท่านจะเป็นเหมือนปากของเรา เขาทั้งหลายจะกลับมาหาท่าน แต่ท่านต้องไม่กลับไปหาเขา เราจะทำให้ท่านเป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์ที่มั่นคงสำหรับประชากรนี้ เขาทั้งหลายจะต่อสู้กับท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะเราอยู่กับท่าน เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นและปลดปล่อยท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะช่วยท่านให้พ้นจากมือของคนชั่ว จะไถ่ท่านจากมือของผู้ใช้ความรุนแรง”

 

สดด 59:2-3,4,10-11,17

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 13:44-46
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา คนที่พบก็ฝังซ่อนสมบัตินั้น และยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อนาแปลงนั้น”
“อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้อีกกับพ่อค้าที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม เมื่อได้พบไข่มุกที่มีค่าสูง เขาจะไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อไข่มุกเม็ดนั้น”

 

ข้อคิด
     เราสามรถพบกับสิ่งตรงข้ามกับความเชื่อของเราได้ตลิดเวลา สิ่งตรงข้ามนี้อาจมาจากผู้คนที่คิดว่าความเชื่อของเราเป็นเรื่องโง่เขลา เป็นปฏิปักษ์ต่อสังคมที่กำลังเสื่อมทรามและทำลายตัวเองด้วยการทำแท้ง การเอารัดเอาเปรียบ การเป็นทาสสิ่งเสพติดทั้งหลาย การนับถือเงินตราหรือความพึงพอใจฝ่ายเนื้อหนังเป็นเหมือนพระเจ้า สิ่งตรงข้ามเหล่านี้อาจฝังอยู่ในตัวเราด้วย อาจเป็นความท้อแท้สิ้นหวัง ความคับข้อใจ หรือความเกียจคร้านของเรา เหมือนที่ทรงทำกับเยเรมีย์ พระเจ้าจะทำให้เราเป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์มั่นคงสำหรับคนในยุคปัจจุบัน ความเข้มแข็งของเราไม่อยู่ในตัวเราเอง แต่ในพระเจ้าและนี่เป็นบทเรียนที่เยเรมีย์ได้เรียนรู้ และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเราทุกคนด้วย

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown