มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2022 นักบุญปฐมมรณสักขีแห่งพระศาสนจักรกรุงโรม

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                             อมส 7:10-17
     ในครั้งนั้น อามาซิยาห์สมณะที่เมืองเบธเอลส่งคนไปทูลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอลว่า “อาโมสได้คิดกบฏต่อพระองค์ในหมู่พงศ์พันธุ์อิสราเอล แผ่นดินทนฟังถ้อยคำของเขาไม่ได้ เพราะอาโมสพูดว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตน’”
     สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนาย ไปเสียเถอะ จงกลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำมาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่อย่าประกาศพระวาจาที่เบธ-เอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารของราชอาณาจักร” อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอล ประชากรของเรา’ บัดนี้ จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
     ท่านพูดว่า ‘อย่าประกาศพระวาจากล่าวโทษอิสราเอล อย่าเทศน์สอนกล่าวโทษพงศ์พันธุ์อิสอัค’ ดีแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ภรรยาของท่านจะเป็นหญิงโสเภณีในเมือง บุตรชายหญิงของท่านจะล้มลงด้วยดาบ เขาจะขึงเชือกแบ่งที่ดินของท่าน ท่านจะตายในแผ่นดินที่มีมลทิน และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ห่างจากแผ่นดินของตนอย่างแน่นอน’”

 

สดด 19:7,8-10

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 9:1-8
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฝั่งกลับมายังเมืองของพระองค์ ทันใดนั้น มีผู้หามคนอัมพาตคนหนึ่งนอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของเขา จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ทำใจดีๆ ไว้เถิด ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสว่า “ท่านคิดร้ายในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านทราบว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนอัมพาตว่า “จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน เมื่อประชาชนเห็นดังนี้ ต่างมีความกลัว ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ประทานอำนาจเช่นนี้ให้แก่มนุษย์

 

ข้อคิด
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกอาโมสจากการเป็นเกษตรกรให้เลิกอาชีพเดิม หันมาประกาศพระวาจาแก่ประชากรของพระองค์ ในพระศาสนจักรยุคปัจจุบัน พระเจ้ายังตรัสเรียกบางคนให้รับใช้พระองค์ในรูปแบบนี้ เป็นต้นพระสงฆ์และนักบวช แต่ยังมีฆารวาสจำนวนหนึ่งที่รับกระแสเรียกพิเศษจากพระองค์ให้ละทิ้งอาชีพเดิมมาทำงานอภิบาลด้วยเช่นกัน เราจึงควรร่วมพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคริสตชนที่รักพระเจ้า ที่จะเป็นผู้อภิบาลและผู้ร่วมอภิบาล
และเอาใจใส่สนับสนุนสถานศึกษา สามเณรราลัยและบ้านอบรมต่างๆ อย่างจริงจัง ให้มีการอบรมที่เหมาะสมกับวัยและสถานการณ์สังคมตามยุคสมัย (เทียบ กฤษฎีกา สมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย คริสตศักราช 2015.38)

วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2022 สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                              อมส 5:14-15,21-24
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  “จงแสวงหาความดี อย่าแสวงหาความชั่ว แล้วท่านจะมีชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจะสถิตกับท่านดังที่ท่านอ้าง จงเกลียดชังความชั่ว จงรักความดี จงตั้งความยุติธรรมไว้ที่ประตูเมือง บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจะทรงสงสารพงศ์พันธุ์โยเซฟที่เหลืออยู่”
     “เราเกลียด เรารังเกียจเทศกาลฉลองของท่าน เราไม่พอใจการประชุมสง่างามของท่าน แม้ท่านทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชา เราก็ไม่พอใจธัญบูชาของท่าน เราไม่มองสัตว์อ้วนพีที่ท่านถวายเป็นศานติบูชา จงให้เสียงอึกทึกของบทเพลงของท่านอยู่ห่างจากเรา เราทนฟังเสียงพิณใหญ่ของท่านไม่ได้ แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงเหมือนน้ำ และให้ความชอบธรรมเป็นเหมือนธารน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง”

 

สดด 50:7-10,11-13,16-18

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 8:28-34
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดารา ผู้ถูกปีศาจสิงสองคนออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้ ทันใดนั้น ทั้งสองคนร้องตะโกนว่า “ข้าแต่บุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาที่นี่เพื่อทรมานเราก่อนเวลาหรือ” ไม่ไกลจากที่นั่นมีหมูฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่
     พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับไล่พวกเรา ขอได้ส่งเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ตรัสกับมันว่า “จงไปเถิด” พวกปีศาจจึงออกไปสิงในหมู หมูทั้งฝูงต่างวิ่งกระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมน้ำตาย คนเลี้ยงหมูหนีเข้าไปในเมือง เล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องผู้ถูกปีศาจสิงด้วย คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา

 

ข้อคิด
     ชาวกาดาราในพระวรสารวันนี้ไม่ใช่ชาวยิว เลี้ยงหมูเป็นฝูงเอาไว้กินเป็นอาหารเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปทางนั้นและยอมให้ปีศาจออกจากผู้ที่ถูกสิงในหมูแทนจนหมูกระโจนจาหน้าผาจมน้ำตาย คงเสียดายหมูที่เขาเลี้ยงไว้แม้ว่าจะมีสองคนที่หายจากการถูกปีศาจสิงก็ตาม เรื่องนี้เมื่อเล่ากันในกลุ่มคริสตชนของนักบุญมัทธิวซึ่งส่วนมาเป็นชาวยิวที่กลับมาเชื่อพระเยซูเจ้า และยังปฏิบัติตามธรรมประเพณีของชาวยิวอยู่นั้น ผู้ฟังจะเชื่อมโยงได้เองระหว่างปีศาจที่ดุร้ายกับหมูซึ่งเป็นสัตว์ต้องห้ามสำหรับชาวยิว ในสังคมปัจจุบันจิตวิทยาสามารถอธิบายความผิดปกติทางจิตอย่างที่กล่าวในพระวรสารได้ส่วนหนึ่ง ในสังฆมณฑลต่างๆ ยังได้แต่งตั้งผู้ที่ไล่ปีศาจประจำสังฆมณฑลต่างๆ ที่จะใช้พระพรพิเสษในการรักษาความเจ็บป่วยในบางกรณีอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน 2022 น.ซีริลแห่งอเล็กซานเดรีย พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                              อมส 2:6-10,13-16
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เพราะชาวอิสราเอลได้ล่วงละเมิดสามครั้งและสี่ครั้ง เราจะตัดสินลงโทษและจะไม่กลับคำ เพราะเขาได้ขายผู้ชอบธรรมเพื่อเงิน ขายคนขัดสนเพื่อรองเท้าแตะคู่เดียว เขาทั้งหลายได้เหยียบย่ำศีรษะของคนยากจนลงไปในฝุ่นของแผ่นดิน ทำให้หนทางของผู้ต่ำต้อยต้องหันเหไป บุตรและบิดาเข้าหาหญิงสาวคนเดียวกัน เป็นการลบหลู่นามศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาใช้เสื้อผ้าที่ยึดเป็นประกันมาปูนอนอยู่ข้างพระแท่นบูชาทุกแท่น เขาดื่มเหล้าองุ่นที่เป็นค่าปรับจากประชาชน ในบ้านพระเจ้าของตน เราเองได้ทำลายชนเผ่าอาโมไรต์ต่อหน้าเขา แม้ชาวอาโมไรต์มีร่างสูงเหมือนต้นสนสีดาร์ และแข็งแรงเหมือนต้นโอ๊ก เราได้ทำลายผลของเขาจากเบื้องบน และทำลายรากของเขาจากเบื้องล่าง เราได้ให้ท่านทั้งหลายขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ นำทางท่านในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบปี เพื่อท่านจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของชนเผ่าอาโมไรต์
     เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะกดท่านลงในที่ที่ท่านอยู่ เหมือนเกวียนที่บรรทุกฟ่อนข้าวอัดแน่นจมลงในดิน แม้ผู้วิ่งเร็วก็จะหนีไม่ทัน คนแข็งแรงจะใช้กำลังของตนก็ไม่ได้ ทหารชำนาญศึกจะช่วยชีวิตของตนให้รอดพ้นก็ไม่ได้ ผู้ยิงธนูจะยืนหยัดอยู่ไม่ได้ ผู้มีฝีเท้าเร็วช่วยตนเองไม่ได้ ผู้ขี่ม้าก็ช่วยชีวิตตนเองไม่ได้ ในวันนั้นแม้แต่นักรบกล้าหาญที่สุด ก็จะทิ้งอาวุธหนีไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

สดด 50:16-18,19-21,22-23

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 8:18-22
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเห็นประชาชนห้อมล้อมพระองค์ จึงทรงสั่งบรรดาศิษย์ให้ข้ามทะเลสาบไปอีกฝั่งหนึ่ง ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าอยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”
     ศิษย์อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” แต่พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา และปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด”

 

ข้อคิด
     ประกาศกอาโมสเป็นเกษตรกรที่พระเจ้าทรงเรียกให้สอนประชากรของพระองค์ในสังคมเกษตรกรรม เราเห็นด้จากงานเขียนของท่านว่าท่านใช้ภาพลักษณ์ทางการเกษตรในการสอนของท่าน เช่น กล่าวถึง การทำลายผลและรากของต้นไม้ หรือเกวียนบรรทุกฟ่อนข้าวอัดแน่นจมลงในดิน การอภิบาลและการประกาศข่าวดี ในยุคปัจจุบัน เราควรแสวงหาวิธีการต่างๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน เมื่อคนปัจุบันใช้สื่อใหม่อย่างกว้างขวาง เฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคม สมาชิกของพระศาสนจักรควรเรียนรู้ เข้าใจและใช้โอกาสนี้ด้วย อนึ่ง เด็กๆ และเยาวชนควรได้รับข่าวดีผ่านสื่อศึกษา และควรใช้สื่อสังคมที่พวกเขาใช้เองในการประกาศข่าวดีด้วย (เทียบ กฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ครสตศักราช 2015.39)

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2022 ระลึกถึง น.อีเรเนโอ พระสังฆราชและมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                             อมส 3:1-8; 4:11-12
     ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวาจานี้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสคาดโทษท่านทั้งหลาย และคาดโทษชนทั้งเผ่าที่เราได้นำขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ว่า “ในบรรดาชนเผ่าทั้งหลายบนแผ่นดิน เราได้เลือกท่านเท่านั้น เราจึงจะลงโทษท่านเพราะความผิดทั้งหมดของท่าน”
     “คนสองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อน สิงโตจะคำรามในป่าได้หรือ ถ้าไม่มีเหยื่อ สิงห์หนุ่มจะร้องออกมาจากถ้ำหรือ ถ้าจับอะไรไม่ได้ นกจะลงมาติดกับบนพื้นดินได้หรือ ถ้าไม่มีผู้ใดวางกับดักไว้ ถ้าไม่มีอะไรเข้าไปติด กับจะลั่นขึ้นจากพื้นดินได้หรือ ถ้ามีเสียงเป่าแตรเขาสัตว์ในเมือง ประชาชนจะไม่ตกใจกลัวหรือ หายนะจะตกกับเมืองหนึ่งได้หรือ ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงกระทำให้เกิดขึ้น”
     “ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงกระทำสิ่งใด ถ้าไม่ทรงเปิดเผยความลับแก่บรรดาประกาศกผู้รับใช้พระองค์ สิงโตคำรามแล้ว ผู้ใดจะไม่กลัวบ้าง องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสแล้ว ผู้ใดจะไม่ประกาศพระวาจา”
“เราพลิกท่านให้คว่ำเหมือนพระเจ้าทรงเคยคว่ำเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ท่านทั้งหลายเป็นเหมือนดุ้นฟืนที่ถูกดึงออกมาจากกองไฟ ถึงกระนั้น ท่านทั้งหลายก็ยังไม่กลับมาหาเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“เพราะเหตุนี้ อิสราเอลเอ๋ย เราจะทำกับท่านเช่นนี้ อิสราเอลเอ๋ย จงเตรียมตัวไปพบพระเจ้าของท่านเถิด เพราะเราจะทำกับท่านเช่นนี้”

 

สดด 5:3-4,5-7

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 8:23-27
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือ บรรดาศิษย์ติดตามพระองค์ไปด้วย ทันใดนั้น เกิดพายุแรงกล้าในทะเลสาบ คลื่นสูงจนไม่เห็นเรือ แต่พระองค์บรรทมหลับ บรรดาศิษย์จึงเข้ามาปลุกพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วยเถิด เรากำลังจะพินาศอยู่แล้ว” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ทำไมจึงตกใจกลัวเล่า ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเหลือเกิน” แล้วทรงลุกขึ้นบังคับลมและทะเล ท้องทะเลก็สงบราบเรียบ คนทั้งหลายต่างประหลาดใจ พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้”

 

ข้อคิด
     ทะเลสาบกาลิลี ที่บางครั้งเรียกว่าทะเลสาบเยนเนเซเรทหรือทิเบเรียสในพระวรสารวันนี้มีขนาดใหญ่ บางครั้งเกิดพายุ อีกทั้งชาวอิสราเอลในสมัยของพระเยซูเจ้าส่วนมากว่ายน้ำไม่เป็น การมีพายุแรงกล้าเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเกิดคลื่นสูง จุงน่ากลัวมากสำหรับบรรดาศิษย์ของพระองค์ แต่การที่พวกเขาตกใจกลัวทั้งๆที่พระองค์ประทับอยู่ในเรือด้วย ดูจะเป็นเครื่องหมายของการขาดความเชื่อ ส่วนพรกเราเมื่อมีอุปสรรค์สำคัญในชีวิตเราอาจจะตกใจ วิตกกังวลหรือกลัว แต่เราควรร้องหาพระเยซูเจ้าด้วยคงามเชื่อว่าพระองค์สามารถช่วยเราได้ และไว้วางใจว่าพระองค์จะประทานสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เรา แม้จะไม่เหมือนสิ่งที่เราต้องการเสมอไปก็ตาม

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2022 สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                     1 พกษ 19:16ข,19-21
     ในครั้งนั้น พระเจ้าตรัสกับเอลียาห์ว่า “จงเจิมเอลีชาบุตรของชาฟัทชาวเมืองอาเบลเมโคลาห์ให้เป็นประกาศกสืบแทนท่าน
เอลียาห์ออกจากที่นั่นไปพบเอลีชาบุตรของชาฟัท เขากำลังไถนา ข้างหน้าเขามีโคสิบสองคู่ เขาไถนาอยู่กับคู่สุดท้าย เอลียาห์เดินผ่านเข้าไปใกล้ๆ ถอดเสื้อคลุมของตนห่มให้เอลีชา เอลีชาจึงละโคเหล่านั้นวิ่งตามเอลียาห์ไป พูดว่า “ขอให้ข้าพเจ้าไปจูบลาบิดามารดาก่อน แล้วข้าพเจ้าจะติดตามท่าน” เอลียาห์ตอบว่า “ไปเถิดแล้วจงกลับมา ท่านเข้าใจแล้วว่าข้าพเจ้าทำอะไรให้ท่าน” เอลีชาก็กลับไปบ้าน ฆ่าโคคู่หนึ่ง ใช้แอกและคันไถเป็นฟืนปรุงเนื้อโคเป็นอาหาร แจกเนื้อให้ประชาชนกิน แล้วจึงออกเดินทางติดตามไปรับใช้เอลียาห์

 

เพลงสดุดี                                                              สดด 16:1-2ก และ 5,7-8,9-10,11
     ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงคุ้มครองข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าลี้ภัยมาพึ่งพระองค์
ข้าพเจ้าทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นส่วนมรดกของข้าพเจ้า
และทรงเป็นผู้กำหนดชีวิตของข้าพเจ้า
พระองค์เท่านั้นทรงคุ้มครองชะตาชีวิตของข้าพเจ้าให้ปลอดภัย
    ข) ข้าพเจ้าถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นที่ปรึกษาของข้าพเจ้า
แม้ยามค่ำคืน จิตใจก็ยังพร่ำสอนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าตั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไว้เบื้องหน้าข้าพเจ้าเสมอ
ถ้ามีพระองค์ประทับอยู่เบื้องขวา ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
     ค) ดังนั้น หัวใจข้าพเจ้าจึงร่าเริง วิญญาณข้าพเจ้าก็ยินดี
ร่างกายของข้าพเจ้าจะพักผ่อนอย่างปลอดภัย
10เพราะพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนมรณะ
จะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ต้องเผชิญเหวลึก
     ง) พระองค์จะทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้จักหนทางแห่งชีวิต
ข้าพเจ้าจะยินดีอย่างเต็มเปี่ยมเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์
ข้าพเจ้าจะมีความสุขตลอดไปเมื่ออยู่เบื้องขวาของพระองค์

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 5:1,13-18
     พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มารับอิสรภาพ ขอเพียงแต่อย่าใช้อิสรภาพนั้นเป็นข้อแก้ตัวที่จะทำตามใจตน แต่จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เพราะธรรมบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เป็นข้อเดียวว่า จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ถ้าท่านกัดกันและกินกัน ก็จงระวังตัวไว้เถิดว่า ท่านจะทำลายกันจนหมดสิ้น
     บัดนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายว่า จงดำเนินตามพระจิตเจ้า และอย่าตอบสนองความปรารถนาตามธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมนุษย์มีความปรารถนาตรงกันข้ามกับพระจิตเจ้า และพระจิตเจ้าก็ทรงปรารถนาตรงกันข้ามกับธรรมชาติมนุษย์ สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน ท่านทำสิ่งที่ท่านอยากทำไม่ได้ ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 9:51-62
     เวลาที่พระเยซูเจ้าจะต้องทรงจากโลกนี้ไปใกล้เข้ามาแล้ว พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และทรงส่งผู้นำสารไปล่วงหน้า คนเหล่านี้ออกเดินทางและเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อเตรียมรับเสด็จพระองค์ แต่ประชาชนที่นั่นไม่ยอมรับเสด็จเพราะพระองค์กำลังเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อยากอบและยอห์นศิษย์ของพระองค์เห็นดังนี้ก็ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราเรียกไฟจากฟ้าลงมาเผาผลาญคนเหล่านี้หรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหันไปตำหนิศิษย์ทั้งสองคน แล้วทรงพระดำเนินต่อไปยังหมู่บ้านอื่นพร้อมกับบรรดาศิษย์
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้หนึ่งทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”
     พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า”
อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไปร่ำลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า”

 

ข้อคิด
     ในบทอ่านที่หนึ่ง หลังจากประกาศกเอลียาห์ได้เจิมเอลีชาเป็นประกาศกแล้ว เอลีชาได้ขอเอลียาห์ไปอำลาบิดามารดา และได้จัดงานเลี้ยงประชาชนก่อนเดินตามประกาศกเอลียาห์ไป แต่ในพระวรสาร เมื่อผู้ที่จะมาติดตามพระเยซูเจ้าขอไปฝังศพบิดาหรือไปร่ำลาคนที่บ้านก่อน พระองค์ไม่ทรงอนุญาต แสดงถึงความสำคัญพิเศษของการติดตามพระองค์โดยไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง เราควรพิจารณาการติดตามพระองค์ในชีวิตของเราเช่นเดียวกัน มีอะไรทำให้เราห่วงหน้าพะวงหลังบ้างหรือไม่ เรากำลังประนีประนอมกับสิ่งใดบ้างไหม ผู้ที่ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าควรมีใจเด็ดเดี่ยวเช่นกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown