มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม 2022 ฉลองพระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมเยียน

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 12:9-16
     พี่น้อง จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี
     จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 1:39-56
     หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
     พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำเกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป
     พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ

 

ข้อคิด
     ทุกปี พระศาสนจักรให้เราฉลองการที่แม่พระไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธเป็นทางการหนึ่งวัน แต่เราคริสตชนสวดลูกประคำระลึกถึงเหตุการณ์นี้ 2ครั้งต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ และวันเสาร์ ในภาคชื่นชมยินดี การสวดลูกประคำจึงทำให้เรามีความชื่นชมยินดีที่เห็นแม่พระสุภาพถ่อมตน ที่แม้ได้รับเกียรติให้เป็นพระมารดาของพระผู้ไถ่ ก็ยังไปเยี่ยมว่าที่มารดาของนักบุญยอห์นปัปติสต์และอยู่รับใช้เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่นางเอลีซาเบธมีความทุกข์ยากลำบากและต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด สิ่งหนึ่งที่ทั้งแม่พระและนางเอลีซาเบธมีเหมือนกัน คือ ความเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมที่จะสนองพระบัญชาของพระองค์
ถ้าเราพร้อมที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้า พระองค์ก็ใช้เราให้ทำกิจการที่ยิ่งใหญ่

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2022 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 19:1-8
     ขณะที่อปอลโลยังอยู่ที่เมืองโครินธ์ เปาโลเดินทางผ่านที่ราบสูงมาถึงเมืองเอเฟซัส พบศิษย์บางคน จึงถามว่า “เมื่อท่านทั้งหลายมีความเชื่อนั้น ท่านได้รับพระจิตเจ้าหรือไม่”
เขาตอบว่า “พวกเรายังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไปว่ามีพระจิตเจ้า”
เปาโลจึงถามว่า “แล้วท่านได้รับพิธีล้างแบบใด”
เขาตอบว่า “พิธีล้างของยอห์น”
     เปาโลจึงกล่าวว่า “ยอห์นทำพิธีล้างแสดงการกลับใจ โดยบอกประชาชนให้เชื่อผู้ที่จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซูเจ้า” เมื่อเขาเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ก็ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เปาโลปกมือเหนือเขา พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาประทับอยู่ด้วย เขาจึงพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจและกล่าวคำทำนาย คนกลุ่มนี้มีประมาณสิบสองคน
เปาโลเข้าไปในศาลาธรรมและเทศน์สอนอย่างกล้าหาญตลอดเวลาสามเดือน ใช้เหตุผลหว่านล้อมผู้ฟังให้เชื่อเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า

 

สดด 68:1-2,3-4,5-6ก

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                              ยน 16:29-33
     เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ใช่แล้ว บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างชัดแจ้ง มิได้ใช้อุปมาใดๆ บัดนี้พวกเรารู้ว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำเป็นที่ใครจะทูลถามพระองค์อีก ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า”
     พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ จะถึงเวลา และเวลานั้นก็มาถึงแล้วที่ท่านทั้งหลายจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และจะทิ้งเราไว้คนเดียว แต่เราไม่อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว”

 

ข้อคิด
     เมื่อนักบุญเปาโลพวกคนที่ได้รับพิธีล้างของยอห์นแล้ว ท่านก็สอนคำสอนและล้างบาปให้ จากนั้นก็โปรดศีลกำลังให้ด้วย ท่านปกมือเพื่อเชิญพระจิตเสด็จมาประทับอยู่กับเขา เพื่อเขาจะเป็นคริสตชนสมบูรณ์ พระจิตเจ้าจะอยู่กับคริสตชนและดลใจเขาให้เป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าด้วยตัวอย่างชีวิต
     ในพระวรสาร ศิษย์ของพระเยซูเจ้ารู้สึกสับสน เมื่อพระองค์บอกว่า พวกเขาจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง แล้วทิ้งพระองค์ไว้คนเดียว ในโลกนี้เขาจะมีความทุกข์ยาก แต่ไม่ให้ท้อแท้ใจ เพราะพระองค์ชนะโลกแล้ว วันนี้เราต้องถามตนเองว่า เราพร้อมที่จะดำรงชีวิตในความเชื่ออย่างกล้าหาญไหม เป็นต้นเวลามีการทดลอง พระเยซูเจ้าตรัสว่าพระองค์จะอยู่กับเราตลอดไปทั้งในเวลาที่เรามีความสุขหรือความทุกข์

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2022 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 18:23-28
     หลังจากอยู่ในเมืองอันทิโอกระยะหนึ่ง เปาโลออกจากที่นั่น เดินทางไปทั่วแคว้นกาลาเทียและฟรีเจีย เพื่อทำให้บรรดาศิษย์มีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น
     ในช่วงเวลานั้น ชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ชาวเมืองอเล็กซานเดรีย มาที่เมืองเอเฟซัส เขารอบรู้พระคัมภีร์ มีวาทศิลป์ ได้รับการสั่งสอนเรื่องวิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า มีจิตใจกระตือรือร้นมากในการพูดและการสอนเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าอย่างถูกต้อง แต่รู้จักเพียงพิธีล้างของยอห์นเท่านั้น เขาเริ่มเทศน์สอนอย่างกล้าหาญในศาลาธรรม ปริสซิลลาและอาควิลาได้ฟัง จึงเชิญเขาไปที่บ้านและอธิบายให้เขาเข้าใจวิถีทางของพระเจ้าอย่างละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น
     อปอลโลต้องการไปยังแคว้นอาคายา บรรดาพี่น้องก็ให้กำลังใจและเขียนจดหมายถึงบรรดาศิษย์ที่นั่นให้ต้อนรับเขา เมื่อไปถึง อปอลโลให้ความช่วยเหลืออย่างมากแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้มีความเชื่อ เขาตอบโต้อย่างแข็งขันกับชาวยิวต่อหน้าคนทั้งหลาย โดยอ้างข้อความจากพระคัมภีร์พิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า

 

สดด 47:1-2,8-9

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                              ยน 16:23ข-28
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานให้ท่านในนามของเรา จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ เราใช้อุปมาบอกเรื่องเหล่านี้กับท่าน จะถึงเวลาที่เราจะไม่ใช้อุปมาพูดกับท่านอีก แต่จะบอกถึงพระบิดาของเราให้ท่านรู้อย่างชัดแจ้ง วันนั้น ท่านจะขอในนามของเรา เราไม่บอกท่านว่า เราจะขอพระบิดาเพื่อท่าน พระบิดาทรงรักท่าน เพราะท่านรักเรา และเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดา เข้ามาในโลกนี้ บัดนี้ เรากำลังจะละโลกนี้กลับไปเฝ้าพระบิดาอีก”

 

ข้อคิด
     เปาโลแปลกใจที่พบว่าอปอลโลมีความรู้พระคัมภีร์ มีวาทศิลป์ มีจิตใจกระตือรือร้นในการสอนเรื่องพระเยซูเจ้าอย่างถูกต้อง แต่ยังขาดอย่างเดียวคือรู้จักพิธีล้างของยอห์นเท่านั้น อปอลโลจึงรับศีลล้างบาปและเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของเปาโล
ในพระวรสาร คำภาวนาเป็นส่วนสมบูรณ์ของชีวิตคริสตชน พระเยซูเจ้าสัญญากับศิษย์ว่า เมื่อเราภาวนาไปหาพระบิดาในพระนามของพระองค์ พระบิดาจะรับฟังเสมอ พระศาสนจักรจึงจบบทภาวนาแต่ละบทด้วยคำว่า “ทั้งนี้ อาศัยพระบารมีพระคริสตเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย”

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2022 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 1:1-11
     เธโอฟีลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรก ข้าพเจ้าเล่าถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำและทรงสั่งสอน เริ่มตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถึงวันที่พระองค์ทรงได้รับการยกขึ้นสวรรค์ หลังจากที่ทรงแนะนำสั่งสอนบรรดาอัครสาวกที่ทรงเลือกสรรโดยทางพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกเหล่านั้น และทรงพิสูจน์ด้วยวิธีการต่างๆ ว่า หลังจากทรงรับทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ตลอดเวลาสี่สิบวันที่พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่เขาทั้งหลาย ทรงกล่าวถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ขณะที่ทรงร่วมโต๊ะกับเขา พระองค์ทรงกำชับว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่จงคอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้ ดังที่ท่านได้ยินจากเรา ยอห์นทำพิธีล้างด้วยน้ำ แต่ภายในไม่กี่วัน ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า”
     ผู้ที่มาชุมนุมกับพระเยซูเจ้าทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงสถาปนาอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งในเวลานี้หรือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ธุระของท่านที่จะรู้วันเวลาที่พระบิดาทรงกำหนดไว้โดยอำนาจของพระองค์ แต่พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน
     เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย เมฆบังพระองค์จากสายตาของเขา เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าขณะที่พระองค์ทรงจากไป ทันใดนั้นมีชายสองคนสวมเสื้อขาวปรากฏแก่เขา กล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ท่านทั้งหลายยืนแหงนมองท้องฟ้าอยู่ทำไม พระเยซูเจ้าพระองค์นี้ที่เสด็จสู่สวรรค์ จะเสด็จกลับมาเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงจากไปสู่สวรรค์”

 

เพลงสดุดี                                                               สดด 47:1-2,5-6,7-8
     ก) ประชากรทั้งหลาย จงปรบมือเถิด
จงเปล่งเสียงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยความยินดี
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสูงสุดทรงน่าเกรงขาม
ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือทั่วแผ่นดิน
     ข) พระเจ้าเสด็จขึ้นขณะที่มีเสียงโห่ร้องถวายชัย
องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปขณะที่มีเสียงเป่าเขาสัตว์
จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า จงร้องเพลงเถิด
จงร้องเพลงถวายกษัตริย์ของเรา จงร้องเพลง
      ค) เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ปกครองทั่วแผ่นดิน
จงร้องเพลงไพเราะถวายพระองค์เถิด
พระเจ้าทรงปกครองเหนือนานาชาติ
พระเจ้าประทับอยู่บนพระบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

 

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                   ฮบ 9:24-28
     พี่น้อง พระคริสตเจ้ามิได้เสด็จเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ที่มือมนุษย์สร้าง ซึ่งเป็นภาพจำลองของสถานศักดิ์สิทธิ์แท้ แต่พระองค์เสด็จเข้าสู่สวรรค์ ทั้งนี้เพื่อจะทรงปรากฏอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแทนเรา มิใช่เพื่อถวายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังเช่นมหาสมณะต้องเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำทุกปีพร้อมกับนำเลือดซึ่งไม่ใช่เลือดของตนเข้าไปด้วย มิฉะนั้น พระคริสตเจ้าคงจะต้องทรงรับการทรมานครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา ตรงกันข้าม พระองค์ทรงปรากฏพระองค์เพียงครั้งเดียว ณ บัดนี้ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายเพื่อลบล้างบาปโดยบูชาพระองค์ มนุษย์ถูกกำหนดให้ตายเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นจะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น พระองค์ทรงถวายพระองค์เพียงครั้งเดียว เพื่อทรงลบล้างบาปของคนจำนวนมาก พระองค์จะทรงปรากฏพระองค์เป็นครั้งที่สองโดยไม่ทรงเกี่ยวข้องกับบาปอีก แต่เพื่อทรงนำความรอดพ้นมาประทานแก่ผู้ที่รอคอยพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 24:46-53
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้
      บัดนี้ เรากำลังจะส่งพระผู้ที่พระบิดาทรงสัญญาไว้มาเหนือท่านทั้งหลาย เพราะฉะนั้นท่านจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพปกคลุมจากเบื้องบน”
     พระองค์ทรงนำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพร และขณะที่ทรงอวยพระพรนั้น พระองค์ทรงแยกไปจากเขา และทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์ บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์ แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า

 

ข้อคิด
     การที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์นี้ได้สิ้นสุดการประทับอยู่กับเราในโลก แต่เป็นจุดเริ่มต้น เป็นคำมั่นสัญญา และความหวัง เมฆเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราต้องจำพระวาจาของพระองค์ว่า “พวกเจ้าต้องเป็นพยานถึงเรา”
การที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ไม่ใช่การปิดฉาก แต่เป็นการเปิดฉากของการประทับทรงอำนาจของพระองค์ในพระศาสนจักร เพราะพระองค์สัญญาว่า “เราอยู่กับท่านเสมอไปจนถึงวันสิ้นพิภพ” (มธ 28: 20) เราคริสตชนจึงดำรงชีวิตต่อหน้าพระองค์และประกาศพระองค์ตลอดชีวิตของเราว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้าของสวรรค์และแผ่นดินและพระองค์ปรารถนาจะช่วยทุกคนให้รอดพ้น

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2022 น.ออกัสตินแห่งแคนเตอร์เบอรี่ พระสังฆราช

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 18:9-18
     คืนหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เปาโลในนิมิตว่า “อย่ากลัว จงพูดต่อไป อย่าเงียบเลย เพราะเราอยู่กับท่าน ไม่มีใครกล้าทำร้ายท่าน เพราะหลายคนในเมืองนี้เป็นประชากรของเราแล้ว” เปาโลพักอยู่ที่นั่นและสั่งสอนพระวาจาของพระเจ้าแก่ชาวเมืองนั้นเป็นเวลาหนึ่งปีหกเดือน
     ขณะที่กัลลิโอเป็นผู้ว่าราชการแคว้นอาคายา ชาวยิวช่วยกันจู่โจมจับเปาโลและนำเขาไปขึ้นศาล กล่าวฟ้องว่า “ชายผู้นี้ชักชวนประชาชนให้นมัสการพระเจ้าอย่างผิดกฎหมาย”
     เปาโลกำลังจะกล่าวตอบ กัลลิโอก็พูดกับชาวยิวว่า “ชาวยิวเอ๋ย ถ้าเป็นเรื่องอาชญากรรมหรือการฉ้อฉลเลวร้าย ข้าพเจ้ายินดีจะรับฟังคำร้องของท่านอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพียงปัญหาเรื่องคำสอน เรื่องถ้อยคำ เรื่องชื่อ และเรื่องธรรมบัญญัติของท่าน ท่านจงไปจัดการกันเองเถิด ข้าพเจ้าไม่ต้องการเป็นผู้พิพากษาตัดสินในเรื่องเช่นนี้” กัลลิโอจึงสั่งชาวยิวเหล่านั้นให้ออกไปจากศาล ทุกคนจับโสสเธเนสหัวหน้าศาลาธรรม และโบยตีต่อหน้าศาล แต่กัลลิโอมิได้สนใจเลย
     เปาโลพักอยู่ในเมืองโครินธ์อีกหลายวัน กล่าวลาบรรดาพี่น้อง แล่นเรือไปยังแคว้นซีเรียพร้อมกับปริสซิลลาและอาควิลา ก่อนออกเรือที่เมืองเคนเครีย เปาโลโกนศีรษะ เพราะได้บนขอไว้

 

สดด 47:1-2,3-4,5-7

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                            ยน 16:20-23ก
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้คร่ำครวญ แต่โลกจะยินดี ท่านจะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี หญิงที่กำลังจะคลอดบุตรย่อมมีความทุกข์ เพราะถึงเวลาของนางแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็จำความทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป เพราะความยินดีที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมาในโลก ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน บัดนี้ท่านมีความทุกข์ แต่เราจะเห็นท่านอีก และใจของท่านจะยินดี ไม่มีใครนำความยินดีไปจากท่านได้ วันนั้น ท่านทั้งหลายจะไม่ถามอะไรจากเราอีก”


ข้อคิด
     ช่วงนี้ เปาโลมีความยินดีที่พระเจ้าตรัสกับท่านในนิมิตว่า “อย่ากลัว จงพูดต่อไป เพราะเราอยู่กับเจ้า หลายคนในเมืองนี้เป็นประชากรของเราแล้ว” แต่แล้วท่านถูกจับในข้อหาว่า ชักชวนประชาชนให้นมัสการพระเจ้าอย่างผิดกฎหมาย เจ้าเมืองเห็นว่าเป็นการกล่าวหาที่ไร้สาระ ชาวเมืองจึงจับหัวหน้าศาลาธรรมมาเฆี่ยนแทน เปาโลไว้ใจในพระเจ้าว่า พระองค์จะช่วยให้ท่านชนะความกลัว และท่านเทศน์สอนต่อที่เมืองโครินธ์อีกปีครึ่ง
     ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสถึงอนาคตว่า ศิษย์จะร้องไห้ในเวลาที่โลกยินดี แต่ความเศร้าโศกของเขาจะเปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อได้เห็นพระเยซูเจ้าในสวรรค์ เราควรพบความยินดีในพระวาจานี้ด้วยเช่นกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown