มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2022 น.ปีโอที่ 5 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 6:1-7
     เวลานั้น ศิษย์มีจำนวนมากขึ้น บรรดาศิษย์ที่พูดภาษากรีกไม่พอใจศิษย์ที่พูดภาษาฮีบรู เพราะในการแจกทานประจำวัน บรรดาแม่ม่ายของตนถูกละเลยมิได้รับแจก
     อัครสาวกสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์มาประชุม กล่าวว่า “ไม่สมควรที่เราจะละทิ้งการประกาศพระวาจาของพระเจ้าเพื่อไปแจกอาหาร พี่น้องทั้งหลาย จงเลือกบุรุษเจ็ดคนจากกลุ่มของท่านทั้งหลาย เป็นคนที่มีชื่อเสียงดี เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าและปรีชาญาณ แล้วเราจะแต่งตั้งเขาให้ทำหน้าที่นี้ ส่วนเราจะอุทิศตนอธิษฐานภาวนาและประกาศพระวาจา ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนบุรุษผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า ฟีลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และนิโคลัสชาวอันทิโอกผู้กลับใจมานับถือศาสนายิว เขานำคนทั้งเจ็ดคนมาอยู่ต่อหน้าบรรดาอัครสาวกซึ่งอธิษฐานภาวนาและปกมือเหนือเขา
พระวาจาของพระเจ้าแพร่หลายยิ่งขึ้น ศิษย์มีจำนวนมากขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม บรรดาสมณะหลายคนยอมรับความเชื่อด้วย

 

สดด 33:1-3,4-5,18-19

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                             ยน 6:16-21
     เมื่อถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์ต่างลงไปยังทะเลสาบ และลงเรือข้ามฟากไปทางเมืองคาเปอรนาอุม ขณะนั้นมืดแล้ว พระเยซูเจ้าก็ยังไม่เสด็จมากับเขา ทะเลปั่นป่วนเพราะลมพัดจัด บรรดาศิษย์กรรเชียงเรือไปได้ราวสี่หรือห้ากิโลเมตร เห็นพระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินบนทะเลเข้ามาใกล้เรือ ก็ตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “เป็นเราเอง อย่ากลัวเลย” บรรดาศิษย์รับพระองค์ลงเรือด้วยความเต็มใจ ทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่เขามุ่งจะไป

 

ข้อคิด
     พระเยซูเสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิฐานขณะที่เหล่าสาวกพายเรือข้ามทะเลสาบ พระองค์ไม่ได้ทรงละเลยพวกเขา แต่เฝ้ามองดูพวกเขาด้วยความห่วงใย ตลอดเวลาที่พวกเขากำลังต่อสู้ดิ้นรนกับคลื่นลมพายุ พระองค์ทรงมองดูพวกเขาอยู่พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าถูกจารึกไว้ในดวงใจของพระองค์ แม้ว่าพวกลูกจะหลงลืมพระองค์ในการดิ้นรนเพื่อจะเอาชีวิตรอด ขอพระองค์อย่าลืมพวกลูก
พระดำรัสของพระเยซูเกี่ยวกับความกลัวเหล่านี้ อาจจะเป็นคำเตือนใจในชีวิตของเราในความวิตกกังวลต่างๆในชีวิต พระองค์ทรงตรัสกับเรา “เป็นเราเอง อย่ากลัวเลย” เป็นคำที่พระเยซูตรัสกับเราแต่ละคนตลอดเวลา “ทำไมเหล่าสาวกออกเดินทางล่วงหน้าโดยไม่รอให้พระเยซูเสด็จมาด้วย?” หลายครั้งที่พวกเราใช้ชีวิตแบบนั้นโดยพึ่งพาตัวเราเอง หลงลืมพระเจ้า และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฉันทำเช่นนั้น?
      พระเยซูเจ้าให้ภาพสะท้อนเทศกาลปัสกาอีกครั้งด้วยการข้ามทะเลอย่างอัศจรรย์ เมื่อเหล่าสาวกต้องการให้พระองค์อยู่กับเขาในการเดินทาง พายุรอบๆพวกเขาสงบลงและไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย พวกลูกขอให้พระองค์ประทับอยู่และควบคุมพายุรอบตัวลูกหรือในตัวลูก ซึ่งบางครั้งคุกคาม ลูกบรรดาสาวกมักเดินทางไปกับพระเยซู เมื่อพวกเขาเดินทางคนเดียวบนทะเลที่ปั่นป่วน พวกเขาตระหนักว่าพระเยซูยังทรงอยู่กับพวกเขา พวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพระองค์ และจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยอยู่คนเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ต้องดิ้นรนหรือสับสน

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2022 ระลึกถึง น.กาธารีนาแห่งซีเอนา พรหมจารีและนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 5:34-42
     ขณะนั้น อาจารย์กฎหมายชาวฟาริสีคนหนึ่งชื่อกามาลิเอล เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ยืนขึ้นในสภาซันเฮดรินและขอให้นำบรรดาอัครสาวกออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวแก่บรรดาสมาชิกสภาว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย ท่านจะทำอะไรกับคนเหล่านี้ ก็จงคิดให้ดีเสียก่อน เมื่อไม่นานมานี้ คนคนหนึ่งชื่อเทวดัสตั้งตนเป็นผู้วิเศษ คนประมาณสี่ร้อยคนติดตามเขา แต่เมื่อเขาถูกฆ่า ทุกคนที่ติดตามเขาก็กระจัดกระจายไปจนหมดสิ้น
     หลังจากนั้น ในสมัยสำรวจจำนวนประชาชน ก็มียูดาสชาวกาลิลีชักจูงประชาชนให้มาติดตามตน แต่เขาก็ถูกฆ่าด้วย ทุกคนที่ติดตามเขาก็กระจัดกระจายไป บัดนี้ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายว่า จงเลิกสนใจคนเหล่านี้และปล่อยเขาไปเถิด เพราะถ้าแผนการและกิจการของเขามาจากมนุษย์ แผนการและกิจการนั้นก็จะสลายไปเอง แต่ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเขาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ท่านจะกลับเป็นผู้ต่อสู้กับพระเจ้าเสียเอง”
ทุกคนเห็นด้วยกับกามาลิเอล จึงส่งคนไปเรียกบรรดาอัครสาวกเข้ามา สั่งให้เฆี่ยนและกำชับมิให้พูดในพระนามพระเยซูเจ้า แล้วปล่อยตัวไป บรรดาอัครสาวกออกจากสภาซันเฮดริน มีความยินดีที่ได้รับเกียรติที่ถูกสบประมาทเพราะพระนามพระเยซูเจ้า
ทุกๆ วัน เขาทั้งหลายสั่งสอนและประกาศข่าวดีอย่างต่อเนื่องทั้งในพระวิหารและตามบ้านว่าพระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า

 

สดด 27:1,4,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 6:1-15
     หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลีหรือทิเบเรียส ประชาชนจำนวนมากตามพระองค์ไป เพราะเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำแก่ผู้เจ็บป่วย พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขา ประทับที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะนั้นใกล้จะถึงวันฉลองปัสกาของชาวยิว
      พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้า จึงตรัสกับฟีลิปว่า “พวกเราจะซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน” พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรงทำประการใด ฟีลิปทูลตอบว่า “ขนมปังราคาสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ยังไม่พอ” ศิษย์อีกคนหนึ่ง คือ อันดรูว์น้องของซีโมนเปโตรทูลว่า “เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว ขนมปังและปลาเพียงเท่านี้จะพออะไรสำหรับคนจำนวนมากเช่นนี้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงบอกประชาชนให้นั่งลงเถิด” ที่นั่นมีหญ้าขึ้นอยู่ทั่วไป เขาจึงนั่งลง นับจำนวนผู้ชายได้ถึงห้าพันคน พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึ้น ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ พระองค์ทรงกระทำเช่นเดียวกันกับปลา เมื่อคนทั้งหลายอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงเก็บเศษขนมปังที่เหลือ อย่าให้สิ่งใดสูญไปเปล่าๆ” บรรดาศิษย์จึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือนั้นได้สิบสองกระบุง เมื่อคนทั้งหลายเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำก็พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นประกาศกแท้ซึ่งจะต้องมาในโลก” พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าคนเหล่านั้นจะใช้กำลังบังคับพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ จึงเสด็จไปบนภูเขาตามลำพังอีกครั้งหนึ่ง


ข้อคิด
     แม้ว่าเราจะเข้าสู่เทศกาลปัสกามาแล้ว แต่การระลึกถึงข่าวดีแห่งค่ำคืนที่พระองค์ทรงรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับสานุศิษย์ของพระองค์เป็นความชื่นชมยินดี ค่ำคืนนั้นเป็นการเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเทศกาลปัสกาใหม่ อีกทั้งความหมายใหม่ของขนมปังและเหล้าองุ่น และเครื่องหอมของการรับใช้อย่างน่าอัศจรรย์ของการล้างเท้าสาวกของพระองค์
ในการรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายในคืนก่อนสิ้นพระชนม์ พระเยซูทรงสอนและให้แบบอย่าง เป็นการสอนที่เต็มไปด้วยอำนาจชัดเจน และปราศจากคำพูด คือ “การลงมือทำ” พระวาจาของพระเยซูเป็นสิ่งสำคัญนี่ คือการกระทำและพฤติกรรมของพระองค์เองที่เราถูกเรียกให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์

วันพุธที่ 27 เมษายน 2022 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 5:17-26
     มหาสมณะและทุกคนที่อยู่กับเขาคือกลุ่มชาวสะดูสี มีความอิจฉาอย่างยิ่ง จึงจับกุมบรรดาอัครสาวกและจองจำไว้ในคุกสาธารณะ
     เวลากลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดประตูคุก นำบรรดาอัครสาวกออกไป สั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่นี้ให้ประชาชนฟังเถิด” เมื่อบรรดาอัครสาวกได้ฟังดังนั้น ก็เข้าไปในพระวิหารตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มสั่งสอนที่นั่น
     เมื่อมหาสมณะและทุกคนที่อยู่กับเขามาถึง ก็เรียกประชุมสภาซันเฮดรินและบรรดาผู้อาวุโสทุกคนของอิสราเอล แล้วให้พนักงานไปที่คุกนำตัวบรรดาอัครสาวกออกมา แต่เมื่อพนักงานไปถึง ก็ไม่พบบรรดาอัครสาวกอยู่ในคุกแล้ว จึงกลับมารายงานว่า “พวกเราพบคุกปิดไว้อย่างแน่นหนาและคนเฝ้าก็ยืนรักษาการณ์อยู่ที่ประตู แต่เมื่อเราเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบผู้ใดเลยสักคน” เมื่อนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาหัวหน้าสมณะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ต่างรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้นเอง มีคนหนึ่งมาบอกว่า “ดูซิ คนเหล่านั้นที่ท่านทั้งหลายจองจำไว้ในคุก กำลังยืนสั่งสอนประชาชนอยู่ในพระวิหาร” นายทหารรักษาพระวิหารพร้อมกับนายทหารยามจึงไปนำบรรดาอัครสาวกมาโดยไม่ใช้กำลัง เพราะเกรงประชาชนจะขว้างด้วยก้อนหิน

 

สดด 34:1-2,3-4,5-6,7-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                              ยน 3:16-21
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือ ความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่ว ย่อมเกลียดความสว่างและไม่เข้าใกล้ความสว่าง เกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริง ย่อมเข้าใกล้ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า”


ข้อคิด
     ชายคนนี้ไปเอาความฉลาดรอบรู้เหล่านี้มาจากไหน? นี่คือสิ่งที่พวกเขาสอบถาม พระองค์ทรงเรียนรู้จากชีวิตที่นาซาเร็ธกับโยเซฟและมารีย์ โดยท่านทั้งสองได้อบรมสั่งสอนพระองค์ภายใต้การนำทางของพระจิต : สวดภาวนาด้วยกัน ไปที่ศาลาธรรม และตั้งใจฟังพระวาจาของพระเจ้าทุกสัปดาห์ และท่านสวดภาวนาเป็นเวลานานหลายชั่วโมงในตอนกลางคืนและตอนเช้าร่วมกับพ่อแม่ แต่พวกเขากลับไม่ยอมรับพระองค์ ถูกปฏิเสธและถูกตัดออกจากสังคมไปอย่างรวดเร็ว “พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับ” (ยน 1:11) ประสบการณ์ที่ถูกปฏิเสธ จากประสบการณ์เช่นนั้นหรือที่พระองค์จะตรัสกับเหล่าสาวกในเวลาต่อมาว่า “และหากที่ใดไม่ต้อนรับเจ้า ขณะที่เจ้าเดินออกไป จงปัดฝุ่นออกจากใต้ฝ่าเท้าเพื่อเป็นเป้าหมายสำคัญแก่พวกเขา” มีช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องก้าวต่อไป ปล่อยวางความผิดหวัง ความล้มเหลวที่ดูเหมือนล้มเหลว แต่แท้จริงแล้วเป็นชัยชนะของพระอาณาจักรพระเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2022 น.หลุยส์ มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต พระสงฆ์ น.เปโตร ชาเนล พระสงฆ์และมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 5:27-33
     ในครั้งนั้น เขานำบรรดาอัครสาวกมายังสภาซันเฮดริน มหาสมณะจึงกล่าวหาว่า “เรากำชับท่านทั้งหลายอย่างแข็งขันแล้ว ไม่ให้สอนโดยออกนามนี้ แต่ท่านยังขืนนำคำสอนของตนมาแพร่ไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม และต้องการให้โลหิตของคนคนนี้ตกอยู่กับเรา” เปโตรและบรรดาอัครสาวกตอบว่า “เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าที่ท่านทั้งหลายประหารชีวิตโดยตรึงบนไม้กางเขนนั้นกลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้าทรงยกพระองค์ท่านขึ้นประทับเบื้องขวาในฐานะเป็นหัวหน้าและผู้กอบกู้ เพื่อให้อิสราเอลกลับใจและรับการอภัยบาป เราทั้งหลายเป็นพยานในเรื่องนี้ และพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานแก่ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์ก็ทรงเป็นพยานด้วย”
เมื่อได้ฟังดังนี้ ทุกคนในสภาซันเฮดรินรู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก อยากจะฆ่าบรรดาอัครสาวก

 

สดด 34:1,8,16-18,19-20

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                              ยน 3:31-36
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า“ผู้ที่มาจากเบื้องบนย่อมอยู่เหนือทุกคน ผู้ที่มาจากแผ่นดินนี้ ย่อมเป็นของแผ่นดินนี้ และพูดอย่างคนของแผ่นดินนี้ ผู้ที่มาจากสวรรค์ย่อมอยู่เหนือทุกคน เขาเป็นพยานถึงสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน แต่ไม่มีใครยอมรับคำพยานยืนยันของเขา ผู้ที่รับคำพยานยืนยันของเขา ก็รับรองว่าพระเจ้าทรงสัตย์จริง ผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมานั้นย่อมกล่าวพระวาจาของพระเจ้า เพราะพระเจ้าประทานพระจิตเจ้าให้เขาอย่างไม่จำกัด พระบิดาทรงรักพระบุตร และทรงมอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบุตร ผู้ใดมีความเชื่อในพระบุตร ย่อมมีชีวิตนิรันดร ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระบุตร จะไม่พบชีวิตนั้น การลงโทษของพระเจ้ากำลังอยู่เหนือเขาแล้ว”

 

ข้อคิด
     “เพราะผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมานั้นย่อมกล่าวพระวาจาของพระเจ้า เพราะพระเจ้าประทานพระจิตเจ้าให้เขาอย่างไม่จำกัด” (ยน 3:34) ถ้าเราต้องการทราบว่ามนุษย์จะเป็นอย่างไรหากทุกสิ่งที่พวกเขาทำภายใต้การนำของพระจิตเจ้า เราต้องดูที่พระเยซูเจ้าเท่านั้น ในความสัมพันธ์ทั้งหมดของพระองค์ : การเชื่อฟังพระบิดาของพระเยซูเจ้าในฐานะชายหนุ่มในพระวิหาร อาศัยอยู่ภายใต้อำนาจของพ่อแม่ของเขาในนาซาเร็ธ การเปิดกว้างให้กับคนเก็บภาษีที่ผู้คนทั่วไปถือว่าเป็นคนบาป และการให้อภัยโจรที่กลับใจบนไม้กางเขน
     ให้เราทุกคนสวดภาวนาวอนขอการนำทางจากองค์พระจิตเจ้า เพื่อการดลใจ เพื่อความเข้มแข็งในการติดตามพระคริสตเจ้า พระจิตของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์มาสู่เราอีกครั้ง...มาเถิด พระจิตของพระผู้สร้าง...” พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรารับพระจิตเพียงใด แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆแก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” (ลก 11:13) จงขอของประทานจากพระเจ้าในวันนี้ คือองค์พระจิตเจ้า!

วันอังคารที่ 26 เมษายน 2022 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 4:32-37
      กลุ่มผู้มีความเชื่อดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่ทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม
บรรดาอัครสาวกยังคงเป็นพยานยืนยันถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ และทุกคนได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง
     ในกลุ่มของเขาไม่มีใครขัดสน ผู้ใดมีที่ดินหรือบ้านก็ขายและมอบเงินที่ได้ให้บรรดาอัครสาวก เพื่อแจกจ่ายให้ผู้มีความเชื่อแต่ละคนตามความต้องการ
     ชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ บรรดาอัครสาวกเรียกเขาว่า บารนาบัส ซึ่งแปลว่า บุตรแห่งการให้กำลังใจ เขาเป็นคนเผ่าเลวีชาวเกาะไซปรัส เขามีที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเขาขาย นำเงินมามอบให้บรรดาอัครสาวกด้วย

 

สดด 93:1-2กข,2ค-4,5

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                             ยน 3:7-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “อย่าประหลาดใจถ้าเราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องเกิดใหม่จากเบื้องบน ลมย่อมพัดไปในที่ที่ลมต้องการ ท่านได้ยินเสียงลมพัด แต่ไม่รู้ว่า ลมพัดมาจากไหน และจะพัดไปไหน ทุกคนที่เกิดจากพระจิตเจ้าก็เป็นเช่นนี้”
     นิโคเดมัสทูลถามพระองค์ว่า “เหตุการณ์เช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไร”
     พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านเป็นอาจารย์ของชาวอิสราเอล ท่านไม่รู้เรื่องเหล่านี้หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เรากำลังพูดถึงเรื่องที่เรารู้ และเป็นพยานถึงเรื่องที่เราเห็น แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมรับคำยืนยันของเรา ถ้าท่านทั้งหลายไม่เชื่อ เมื่อเราพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับโลกนี้ ท่านจะเชื่อได้อย่างไร เมื่อเราจะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสวรรค์ ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร”


ข้อคิด
     “ลมย่อมพัดไปในที่ที่ลมต้องการ ท่านได้ยินเสียงลมพัด แต่ไม่รู้ว่า ลมพัดมาจากไหน และจะพัดไปไหน ทุกคนที่เกิดจากพระจิตเจ้าก็เป็นเช่นนี้” เราจะต้องวางใจในพระจิตเจ้าเช่นกัน ในช่วงเวลาที่ดูสับสนและวุ่นวาย พระจิตของพระเจ้าทำให้เราอัศจรรย์ใจด้วยการดลใจ ซึ่งบ่อยครั้งที่เราไม่อาจอธิบายได้ : ให้เราสวดอ้อนวอนให้น้อมรับต่อการประทับอยู่ขององค์พระจิตเจ้าในชีวิตเรา และสามารถที่จะวางใจต่อการดลใจนี้
    “โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร” ทันใดนั้น พระเยซูทรงอ้างอย่างใหญ่หลวงว่าเขาเป็นใคร ใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์เมื่อถูกยกขึ้นบนไม้กางเขนจะมีชีวิตนิรันดร์ ขอให้พระเยซูเสริมสร้างศรัทธาของเราในพระองค์และในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่จะให้ชีวิตที่สมบูรณ์แก่เรา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown