มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2022 สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                         กดว. 6:22-27 

     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า"ท่านทั้งหลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่าขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่านขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่านขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ"สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเราจะอวยพรเขาทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย          กท. 4:4-7
พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือ พระเจ้าทรงส่งพระจิต
ของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า "อับบา พระบิดาเจ้าข้า" ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า

 

พระวรสาร                                                               ลก 2:16-21
     ขณะนั้น พวกคนเลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซูเป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ชองพระมารดา

 

ข้อคิด

     ประชากรของพระเจ้ารอคอยพระเมสสิยาห์และส่งทอดความหวังกันมาหลายชั่วอายุคน พร้อมกันนั้นก็สร้างภาพลักษณ์พระเมสสิยาห์ตามที่ต้องการ แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาต่างจากภาพลักษณ์ที่กำหนดกันไว้ เลยไม่มีใครได้ต้อนรับพระองค์ มีเฉพาะคนเลี้ยงแกะที่ชื่อๆ และไม่คิดจะสร้างภาพลักษณ์ ใครเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดให้ได้ต้อนรับพระองคั ทันทีที่ได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ พวกเขาไม่คิดหน้าคิดหลัง พากันออกเดินทางไปนมัสการพระองค์และเมื่อได้นมัสการพระองค์แล้ว พวกเขาก็เที่ยวป่าวประกาศพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ตามที่พวกเขาได้พบเห็น นั่นคือเงื่อนไขแรกของการพบกับพระเจ้า พบพระองค์อย่างที่ทรงเป็น ไม่ใช่อย่างที่คิดหรืออย่างที่ตนเองต้องการ

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2022 สมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                             อสย. 60:1-6 
     กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้าเพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า ดูซิ ความมืดปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอแสงเหนือเจ้า ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า นานาชาติจะเดินมาหาความสว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะทรงพระดำเนินมาสู่ความสดใสที่ทอแสงเหนือเจ้า

     จงเงยหน้าขึ้นมองไปโดยรอบเถิด เขาเหล่านั้นทุกคนมาชุมนุมกันและเดินมาพบเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้ามาจากที่ไกล บุตรหญิงของเจ้าก็ถูกอุ้มมาด้วย เมื่อเจ้าเห็นดังนี้ก็จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า ฝูงอูฐจะมาอยู่เต็มถนนของเจ้า รวมทั้งคาราวานอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ ทุกคนจะมาจากเชบา นำทองคำและกำยานมาด้วย และจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส     อฟ. 3:2-3ก, 5-6
     พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกนี้ เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผยธรรมล้ำลึกนี้ พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี

 

พระวรสาร                                                               มธ. 2:1-12
     ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออก เดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย” เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า “เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”

     ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่ง นำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร

     เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้านพบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น

 

ข้อคิด

     ในอดีตพระเจ้าทรงเผยพระองค์ผ่านทางบุคคลที่ทรงเลือกสรรให้เป็นสื่อกลาง จนกระทั่งพระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงเผยพระเจ้าให้มนุษย์ด้วยชีวิต ด้วยคำพูด ด้วยการกระทำของพระองค์อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่แรกเริ่มพระองค์ทรงเผยให้รู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของมนุษย์ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา การมาของโหราจารย์เพื่อนมัสการพระผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นการทำลายกำแพงที่ปิดกั้นระหว่างมนุษย์ในทุกรูปแบบที่มนุษย์สร้างกันขึ้นมา อันเกิดจากความแตกต่างและความขัดแยังทางเผ่าพันธุ์ ภาษา สีผิว และความเชื่อการสมโภชวันนี้จึงเป็นการย้ำเตือนคริสตชนให้สานต่อการเผยแสดงของพระเจ้าให้แก่ทุกคนด้วยชีวิต คำพูดและการกระทำเช่นเดียวกัน

วันอังคารที่ 4 มกราคม 2022 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน. 4:7-10 
     ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรักย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรักย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา เพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า

 

พระวรสาร                                                                มก. 6:34-44
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็นประชาชนมากมาย ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง เนื่องจากเป็นเวลาเย็นมากแล้ว บรรดาศิษย์จึงเข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยวและเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปซื้ออาหารกินตามชนบทและตามหมู่บ้านรอบๆ นี้เถิด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด”

     บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “พวกเราจะต้องไปซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญมาให้เขากินหรือ” พระองค์ตรัสว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน ไปดูซิ”

     บรรดาศิษย์ไปดูแล้วกลับมารายงานว่า “มีขนมปังอยู่ห้าก้อนกับปลาสองตัว” พระองค์จึงทรงสั่งให้ทุกคนนั่งลงเป็นกลุ่มๆ ตามพื้นหญ้าสีเขียว เขาก็นั่งลงเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละหนึ่งร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง พระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า แล้วทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งยังทรงแบ่งปลาสองตัว แจกจ่ายให้ทุกคนด้วย ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษขนมปังและปลาที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุงเต็ม จำนวนคนที่กินขนมปังครั้งนั้นมีผู้ชายถึงห้าพันคน

 

ข้อคิด

     ต่อหน้าสถานการณ์คับขันของการที่มีผู้คนนับพันนับหมื่นที่ต้องจัดหาอาหารให้กิน สาวกใช้ตรรกะมนุษย์ในความพยายามโยนความรับผิดชอบให้พันตัว เริ่มจากการทูลเสนอให้พระเยซูเจ้าส่งผู้คนไปหาอาหารและที่พักตามรายทาง ซึ่งเป็นเรื่องลำบากและแทบจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อคำนึงถึงคนจำนวนมาก ต่างเพศต่างวัย และแม้จะพยายามทำเช่นนั้น ก็คงต้องแย่งกันซื้อแย่งกันหาอาหารตามร้านไม่กี่แห่ง แถมในช่วงเวลาเช่นนั้นร้านรวงคงไม่มีอาหารเหลือให้จำหน่ายอีกต่างหาก และแม้จะมีก็คงไม่เพียงพอ ต่างกับตรรกะของพระเยซูเจ้าพระองค์ทรงเริ่มแบ่งอาหารเท่าที่มี แม้เล็กน้อย ทรงต้องการจะบอกโดยนัยว่า ตราบใดที่ยังใช้ตรรกะมนุษย์ คนขัดสนก็ยังจะมีอยู่

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2022 พระนามศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ยน 3:22-4:6 
     ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราวอนขอสิ่งใด เราย่อมจะได้รับสิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราปฏิบัติตามบทบัญญัติ และกระทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย นี่เป็นบทบัญญัติของพระองค์ คือ ให้เราเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกันดังที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในผู้นั้น เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเราจากพระจิตเจ้าซึ่งพระองค์ประทานให้เรา

     ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อการดลใจทุกประการ แต่จงทดสอบการดลใจต่างๆ ก่อนว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะมีประกาศกเทียมอยู่ทั่วไปในโลก ท่านทั้งหลายรู้จักการดลใจของพระเจ้าโดยวิธีนี้ คือ การดลใจใดที่ยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ ก็เป็นการดลใจที่มาจากพระเจ้า และการดลใจใดที่ไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นการดลใจของผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า ซึ่งท่านได้ฟังว่ากำลังมา และบัดนี้อยู่ในโลกแล้ว

     ลูกที่รักทั้งหลาย ท่านมาจากพระเจ้า และชนะประกาศกเทียมเหล่านั้นแล้ว เพราะพระองค์ผู้สถิตอยู่ในท่าน ทรงยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก คือผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า เขาเหล่านั้นมาจากโลก ดังนั้น จึงพูดตามวิถีโลก และโลกย่อมฟังเขา แต่เรามาจากพระเจ้า ผู้ที่รู้จักพระเจ้าย่อมฟังเรา ส่วนผู้ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ย่อมไม่ฟังเรา เราจึงรู้จักการดลใจที่เป็นความจริง และการดลใจที่เป็นความหลงผิด

 

พระวรสาร                                                               มธ 4:12-17, 23-25
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า“ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเลฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตาย
แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว”

     นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน กิตติศัพท์เกี่ยวกับพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้นซีเรีย ประชาชนจึงนำผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ผู้ที่ถูกความทุกข์เบียดเบียน ผู้ถูกปีศาจสิง ผู้เป็นลมบ้าหมู และผู้ที่เป็นง่อยมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคนเหล่านั้นให้หายจากโรคและความเจ็บไข้ ประชาชนมากมายจากแคว้นกาลิลี จากทศบุรี จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นยูเดีย และจากฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดนต่างติดตามพระองค์

 

ข้อคิด
      พระเยซูเจ้าเริ่มและกระทำพันธกิจของพระองค์ที่กาลิลีซึ่งรายล้อมด้วยเมืองต่างชาติและเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ พระองค์เสด็จไปที่แคว้นยูเดียเป็นครั้งเป็นคราวเมื่อต้องไปที่พระวิหารและสิ้นพระชนม์ที่เยรูซาเล็มหลังจากทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วก็ทรงนัดพบสาวกที่กาลิลี เป็นการตอกย้ำว่าพระองค์มาเพื่อประกาศข่าวดีแก่ทุกคน เป็นข่าวดีเกี่ยวกับพระอาณาจักรสวรรค์ ทรงเชิญชวนทุกคนให้เข้าอยู่ในพระอาณาจักรสวรรค์ เริ่มต้นด้วยการกลับใจซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าชีวิตที่แต่ละคนดำเนินอยู่ยังไม่น่าพอใจ จึงต้องเปลี่ยนชีวิตให้สอดคล้องกับพระอาณาจักรสรรค์ด้วยการเปิดใจให้พระเจ้าทรงปกครอง พระเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก ชีวิตที่อยู่ในพระอาณาจักรคือชีวิตที่มีความรักเป็นใหญ่

วันพุธที่ 5 มกราคม 2022 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน 4:11-18 
     ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราดำรงอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานั่นเอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้ว่า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นพระผู้ไถ่โลก

     ผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา และเขาย่อมอยู่ในพระเจ้า เรารู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดดำรงอยู่ในความรัก ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา

ความรักสมบูรณ์อยู่ในเรา เพื่อให้เรามีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะพระองค์ทรงเป็นอย่างไร เราในโลกนี้ย่อมเป็นอย่างนั้นด้วย ไม่มีความกลัวในความรัก

ความรักที่สมบูรณ์ย่อมขจัดความกลัว เพราะความกลัวคือความคาดหมายว่า จะถูกลงโทษ ความรักของผู้มีความกลัวจึงยังไม่สมบูรณ์

 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก      มก 6:45-52

     เวลานั้น เมื่อคนทั้งหลายรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามฟากล่วงหน้าไปที่เมืองเบธไซดา ขณะที่พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงอำลาจากเขาแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขา เพื่อทรงอธิษฐานภาวนา

     ครั้นถึงเวลาค่ำ เรืออยู่กลางทะเลสาบ พระองค์ทรงอยู่บนฝั่งตามลำพัง พระองค์ทรงเห็นว่าบรรดาศิษย์ต้องกรรเชียงเรืออย่างเหน็ดเหนื่อย เพราะเรือทวนลม ครั้นถึงเวลาประมาณยามที่สี่ พระองค์ทรงพระดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ ทรงตั้งพระทัยจะผ่านเขาไป

     บรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงพระดำเนินอยู่บนทะเล ก็คิดว่าเป็นผี จึงส่งเสียงร้องอื้ออึง เพราะทุกคนได้แลเห็นพระองค์ จึงตกใจกลัว แต่ทันใดนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” แล้วพระองค์เสด็จไปหาเขาในเรือ และลมก็หยุด บรรดาศิษย์รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องขนมปัง ใจของเขายังแข็งกระด้างอยู่

 

ข้อคิด

     เหตุการณ์การเลี้ยงอาหารคนจำนวนมากที่น่าจะเป็นปัญหาตามมุมมองของศิษย์ จบลงด้วยดีเกินการคาดคิดของศิษย์ และในขณะที่พวกเขายังงงงวยกับสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตา พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้พวกเขาลงเรือล่วงหน้าพระองค์ไป เหมือนจะให้พวกเขามีเวลาไตร่ตรองกันบนเรือ การที่พวกเขาต้องพายเรือทวนลมเป็นการบ่งบอกโดยนัยว่าตราบใดที่พวกเขายังยึดมั่นถือมั่นในความคิดเห็นและตรรกะของตนเอง พวกเขาจะไม่มีวันเข้าใจการกระทำของพระองค์ เมื่อทรงเห็นว่าพวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก พระองค์เสด็จมาหาพวกเขา ทรงพระดำเนินอยู่บนทะเล เหมือนกับทรงร่วมปัญหากับพวกเขา เพียงแค่ให้พวกเขาเปิดใจรับพระองค์ ลมแห่งความสับสนก็หยุด ปัญหามีทางออก

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown