มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันศุกร์ที่ 11มิถุนายน 2021 สมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา                            ฮชย 11:1,3-4,8ค-9
     เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกมาจากอียิปต์ เราสอนเอฟราอิมให้เดิน เราอุ้มเขาทั้งหลายไว้ แต่เขาไม่รู้ว่าเราเอาใจใส่เขา เราใช้เชือกแห่งมนุษยธรรม และใช้สายสะพายแห่งความรักจูงเขา เราเป็นเหมือนผู้ที่ยกทารกมาจูบแก้ม และก้มลงป้อนอาหารให้เขา
    ใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เราจะไม่มาด้วยความโกรธ

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส    อฟ 3:8-12,14-19
     ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบพระหรรษทานนี้ เพื่อประกาศให้คนต่างชาติรู้ถึงความไพบูลย์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการล้ำลึก ซึ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่ง เพื่อเทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจในสวรรค์ได้รู้ พระปรีชาญาณของพระเจ้าในรูปแบบต่าง ๆ ณ บัดนี้โดยทางพระศาสนจักรตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระทำให้สำเร็จไปในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ
     ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา ผู้ทรงเป็นที่มาของครอบครัวทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละกำลังแก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำนักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ เมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 19:31-37
     วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลอง ชาวยิวไม่ต้องการให้ศพค้างอยู่บนไม้กางเขนในวันสับบาโต เพราะวันสับบาโตวันนั้นเป็นวันฉลองยิ่งใหญ่ เขาจึงขออนุญาตปีลาตให้ทุบขาผู้ที่ถูกตรึงและนำศพไป บรรดาทหารทุบขาคนทั้งสองคนซึ่งถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ เมื่อทหารมาถึงพระเยซูเจ้าก็เห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงมิได้ทุบขาของพระองค์ แต่ทหารคนหนึ่งใช้หอกแทงด้านข้างพระวรกายของพระองค์ โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที ผู้ที่ได้เห็นก็เป็นพยาน คำพยานของเขาน่าเชื่อถือ เขารู้ว่าเขาพูดความจริง เพื่อท่านทั้งหลายจะเชื่อด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อข้อความในพระคัมภีร์เป็นจริงว่า กระดูกของเขาจะไม่หักแม้เพียงชิ้นเดียว และข้อความอีกตอนหนึ่งว่า เขาทั้งหลายจะมองดูผู้ที่เขาแทง

 

ข้อคิด
     ความศรัทธาภักดีต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า เป็นความสัมพันธ์รักของเรากับพระองค์ ภายใต้สัญลักษณ์ “หัวใจ” โดยมีรากฐานมาจากพระคัมภีร์ ดังบทอ่านแรก ประกาศกโฮเชยา เปรียบความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ เหมือนความรักของแม่ต่อทารก และพระวรสาร กล่าวว่า “ ทหารคนหนึ่งใช้หอกแทงด้างข้างพระวรกายของพระเยซูเจ้า โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที”
คำสัญญาประการหนึ่งใน 12 ข้อ คือ “เราจะให้มีสันติสุขในบ้านที่มีรูปพระหฤทัยของเรา”

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2021 ระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                             อสย 61:10-11
     ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า วิญญาณของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ประทานความรอดพ้นแก่ข้าพเจ้าเป็นเสมือนอาภรณ์ที่ทรงสวมให้ ประทานความชอบธรรมให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนเสื้อคลุม ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเจ้าบ่าวที่โพกศีรษะอย่างงดงาม เหมือนเจ้าสาวประดับตนด้วยเพชรนิลจินดา เพราะแผ่นดินบังเกิดพืชผล และสวนทำให้เมล็ดพืชงอกขึ้นฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เกิดความชอบธรรมและการสรรเสริญ ต่อหน้านานาชาติฉันนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 2:41-51
     โยเซฟพร้อมกับพระมารดาของพระเยซูเจ้าเคยขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกาทุกปี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา โยเซฟพร้อมกับพระมารดาก็ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มตามธรรมเนียมของเทศกาลนั้น เมื่อวันฉลองสิ้นสุดลง ทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มโดยที่บิดามารดาไม่รู้ เพราะคิดว่า พระองค์ทรงอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเดินทาง เมื่อเดินทางไปได้หนึ่งวันแล้ว โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและคนรู้จัก เมื่อไม่พบจึงกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหาพระองค์ที่นั่น
     ในวันที่สาม โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์พบพระองค์ในพระวิหารประทับนั่งอยู่ในหมู่อาจารย์ ทรงฟังและทรงไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในพระปรีชาที่ทรงแสดงในการตอบคำถาม เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์เห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงตรัสถามพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก” พระองค์ตรัสตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่พระองค์ตรัส
พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง พระมารดาทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย

 

ข้อคิด
     ต่อจากวันสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พระศาสนจักรคาทอลิกระลึกถึงดวงหฤทัยนิรมลของพระนางมารีย์ ดังบทอ่านจากพระวรสารวันนี้ ที่เล่าเรื่องพระเยซูเจ้า (อายุ 12 ปี ) หายไปอยู่ในพระวิหาร นักบุญโยเซฟกับพระมารดากังวลใจ ... “พระมารดาทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย”
พระมารดาผู้ให้กำเนิดพระเยซูเจ้า หัวใจของแม่พระ เปิด เต็มใจ พร้อม ยอมรับ และ ชื่นชมในพระบุตร ผู้ไถ่กู้เรา หัวใจของเราก็ต้องเลียนแบบแม่พระเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2021 สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง    2 คร 6:1-10
     พี่น้อง ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านทั้งหลาย อย่าเพียงแต่รับพระหรรษทานของพระองค์ไว้โดยไม่เกิดผล พระองค์ตรัสว่า “ในเวลาที่เหมาะสม เราได้รับฟังท่าน และในวันแห่งความรอดพ้น เราได้ช่วยเหลือท่าน” ขณะนี้คือเวลาที่เหมาะสม ขณะนี้คือวันแห่งความรอดพ้น เราไม่เป็นอุปสรรคกีดขวางทางของใคร เพื่อมิให้ใครตำหนิงานรับใช้ของเรา แต่เราแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าในทุกกรณีด้วยความอดทนอย่างมาก ในความทุกข์ยาก ความขัดสน ความคับแค้น การถูกโบยตี การถูกจองจำ การจลาจล ความเหน็ดเหนื่อยจากการงาน การอดนอน การอดอาหาร เราแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความรู้ ความเพียรอดทน ความใจดี ความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า ความรักที่ไม่เสแสร้ง ถ้อยคำสัตย์จริงและด้วยพระอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งมือซ้ายและมือขวา ทั้งยามมีเกียรติ และยามไร้เกียรติ ทั้งเมื่อถูกกล่าวร้ายและกล่าวดี เราถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่เราก็พูดความจริง เราถูกกล่าวหาว่าไม่มีใครรู้จัก แต่เราก็มีคนรู้จักมาก เหมือนกับคนกำลังจะตาย แต่เราก็ยังมีชีวิต เหมือนคนถูกลงโทษ แต่เราก็ไม่ถูกประหาร เหมือนกับเป็นคนมีความทุกข์ แต่ชื่นชมเสมอ เหมือนกับเป็นคนยากจน แต่เราก็ทำให้คนจำนวนมากมั่งมี เหมือนกับคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราก็มีทุกอย่าง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 5:38-42
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน”


ข้อคิด
     กฎตอบแทนแบบ”ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ในสมัยก่อน ถือว่ายุติธรรม เพื่อมิให้มีการแก้แค้นที่เกินเลย แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนบัญญัติใหม่ เกินกฎหมายที่ถือว่ามีอารยะธรรม คือกฎแห่งความรัก พระองค์ทรงขอเราให้ปฏิบัติเกินข้อจำกัดการตอบแทนแบบรุนแรง โดยไม่ตอบความชั่วด้วยความชั่ว แต่ด้วยความดี เพื่อเราจะได้ยุติวงจรของความชั่ว และการแก้แค้น เพื่ออาณาจักรแห่งความยุติธรรม ความรัก และสันติสุขจะเริ่มขึ้นได้

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2021 สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล                            อสค 17:22-24
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เราจะนำแขนงจากยอดต้นสนสีดาร์สูง เราจะหักแขนงอ่อนจากกิ่งที่อยู่บนยอด มาปลูกไว้บนยอดภูเขาสูงเด่น เราจะปลูกแขนงนี้ไว้บนภูเขาสูงของอิสราเอล แขนงนี้จะแตกกิ่งก้านและบังเกิดผล จะเป็นต้นสนสีดาร์ที่สง่างาม และนกทุกชนิดจะมาอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้นี้ สัตว์ปีกต่าง ๆ จะมาพักในร่มกิ่งของต้นไม้นี้ ต้นไม้ทุกต้นในทุ่งนาจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เราทำต้นไม้สูงให้ต่ำลง และยกต้นไม้ต่ำให้สูงขึ้น เราทำต้นไม้เขียวให้แห้งไป และทำต้นไม้แห้งให้แตกใบอ่อน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า พูดไว้แล้ว และเราจะทำ”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง     2 คร 5:6-10
     พี่น้อง เรามีความมั่นใจอยู่เสมอและทราบว่า เมื่อเรามีชีวิตอยู่ในร่างกาย เราก็ถูกเนรเทศห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตาแลเห็น เรามีความมั่นใจและปรารถนาที่จะถูกเนรเทศจากร่างกายมากกว่า เพื่อไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในร่างกายหรือถูกเนรเทศจากร่างกาย เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นที่พอพระทัย เพราะเราทุกคนจะต้องปรากฏเฉพาะพระบัลลังก์ของพระคริสตเจ้า เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งตอบแทนสมกับที่ได้กระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ในร่างกาย ขึ้นอยู่กับการกระทำนั้นว่าจะดีหรือชั่ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 4:26-34
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้ายังเปรียบเสมือนคนที่นำเมล็ดพืชไปหว่านในดิน เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวัน เมล็ดนั้นก็งอกงามเติบโตขึ้น เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่ทราบ ดินนั้นมีพลังให้เกิดผลในตนเอง ครั้งแรกก็เป็นลำต้น แล้วก็ออกรวง ต่อมาก็มีเมล็ดเต็มรวง เมื่อข้าวสุกเกิดผลแล้ว เขาก็ใช้คนไปเก็บเกี่ยวทันที เพราะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว’
     พระองค์ตรัสอีกว่า ‘เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร? หรือจะใช้อุปมาอะไรอธิบายเรื่องนี้? พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อหว่านในดิน ก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วแผ่นดิน แต่ครั้นได้หว่านแล้ว ก็งอกขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด มีกิ่งก้านใหญ่โตจนบรรดานกในอากาศมาพักอาศัยร่มเงาของมันได้’
พระองค์ตรัสเป็นอุปมาเช่นนี้อีกมากตามที่เขาเหล่านั้นสามารถฟังเข้าใจได้ พระองค์มิได้ตรัสแก่เขาโดยไม่ใช้อุปมา แต่เมื่อทรงอยู่เฉพาะกับบรรดาศิษย์ก็ทรงอธิบายทุกเรื่องให้แก่เขาเหล่านั้น


ข้อคิด
     อุปมาเรื่องพืชที่งอกงามขึ้นเอง และ อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดช่วยให้เราเข้าใจเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าว่าอยู่ใกล้ และเรียกร้องให้ปฏิบัติ ช่วยชาวบ้านให้เข้าใจได้ง่ายๆ ข้าวออกรวง ซึ่งต่อไปเป็นอาหาร พระเยซูเจ้าต้องการสื่อว่า พระเจ้าเป็นเหมือนชาวนาหลัก เราเป็นเพียงผู้ช่วย พระเจ้าทรงเป็นผู้ริเริ่ม เราต้องทำหน้าที่ของเรา เมื่อถึงเวลาที่ “เราทุกคนจะต้องไปปรากฏเฉพาะพระบัลลังก์ขององค์พระคริสตเจ้า” (2 คร 5:10) ถ้าเราดำเนินชีวิตแห่งความรัก ความยุติธรรม และเสรีภาพ รับรู้ในพระพรของพระเจ้าในชีวิตของเรา เราก็จะได้รับเชิญเข้าในพระอาณาจักรพระเจ้า

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2021 สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร 8:1-9
     พี่น้องทั้งหลาย เราใคร่จะให้ท่านรู้เรื่องพระหรรษทาน ซึ่งพระเจ้าประทานให้แก่พระศาสนจักรต่าง ๆ ในแคว้นมาซิโดเนีย แม้เขาต้องทนทุกข์แสนสาหัส เขาก็ยังมีความสุขอย่างยิ่ง แม้จะยากจนแสนเข็ญเขาก็ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างล้นเหลือ ข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่า เขาบริจาคด้วยความสมัครใจตามกำลังความสามารถ และเกินกำลังความสามารถอีกด้วย เขายังอ้อนวอนเราหลายครั้งให้เขามีสิทธิร่วมรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เขาทำยิ่งกว่าที่เราคาดหมายไว้ เขาถวายตนแด่พระเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตนให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราจึงขอร้องทิตัสให้จัดการกุศลนี้ต่อไปจนสำเร็จในหมู่ท่านทั้งหลายดังที่เขาได้เริ่มไว้แล้ว เมื่อท่านมีทุกสิ่งบริบูรณ์ คือความเชื่อ การพูด ความรู้ ความกระตือรือร้นและความรักที่ท่านมีต่อเรา ท่านก็ควรจะดีพร้อมในการกุศลนี้ด้วย ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้มิใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการเล่าถึงความกระตือรือร้นของผู้อื่นเพื่อพิสูจน์ว่าความรักของท่านนั้นมีจริง ท่านรู้แล้วถึงพระกรุณาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แม้ทรงร่ำรวย พระองค์ก็ยังทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 5:43-48
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าในพันธสัญญาใหม่ ทรงเมตตา ยุติธรรม ใจดี และให้ภัย พระองค์ทรงรักสิ่งสร้างทุกชนิด เป็นพิเศษทรงรักเรามนุษย์ผู้อ่อนแอ เป็นคนบาป เมื่อใครทำผิด เรามักแก้แค้น เอาคืน แต่พระเจ้า เมื่อเราร้องขอ พระองค์ก็ทรงเมตตา และให้อภัย พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เรามีเมตตา และให้อภัยต่อกัน ดังพระบิดาทรงเมตตา ใจดี และอภัย ความยุติธรรม และความชอบธรรมของพระเจ้า ก็คือ ความรัก นั่นเอง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown