มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2020 ระลึกถึง น.ยุสติน มรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง      2 ปต 1:1-7
      ซีโมน เปโตร ผู้รับใช้และอัครสาวกของพระเยซูคริสตเจ้า ถึงท่านทั้งหลายผู้ได้รับความเชื่อล้ำค่าเท่าเทียมกับความเชื่อซึ่งเราได้รับจากความเที่ยงธรรมของพระเยซูคริสต์พระเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา
ขอพระหรรษทานและสันติจงมีแด่ท่านอย่างสมบูรณ์ เพราะได้รู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
     ด้วยพระอานุภาพในฐานะพระเจ้า พระคริสตเจ้าประทานทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เรามีชีวิตอย่างเลื่อมใสศรัทธา เพราะเรารู้จักพระองค์ผู้ทรงเรียกเราอาศัยพระสิริรุ่งโรจน์ และพระฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์จึงประทานพระพรยิ่งใหญ่ล้ำค่าให้เราตามที่ทรงสัญญาไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หลุดพ้นจากความเสื่อมที่มาจากราคตัณหาในโลก เข้ามามีส่วนร่วมในพระธรรมชาติของพระเจ้า ดังนั้น ท่านทั้งหลาย จงพยายามทุกวิถีทางที่จะใช้คุณธรรมเพิ่มพูนความเชื่อของท่าน ใช้ความรู้เพิ่มพูนคุณธรรม ใช้การรู้จักบังคับตนเพิ่มพูนความรู้ ใช้ความอดทนเพิ่มพูนการรู้จักบังคับตน ใช้ความเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มพูนความอดทน ใช้มิตรภาพฉันพี่น้องเพิ่มพูนความเลื่อมใสศรัทธา ใช้ความรักเพิ่มพูนมิตรภาพฉันพี่น้อง

 

สดด 91:1-2,14-16

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 12:1-12
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาให้บรรดาผู้นำชาวยิวฟังว่า “ชายคนหนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำรั้วล้อม ขุดบ่อย่ำผลองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อถึงเวลากำหนด เขาก็ใช้ผู้รับใช้คนหนึ่งไปหาคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิตของสวน แต่คนเช่าสวนจับผู้รับใช้คนนั้นทุบตี แล้วไล่กลับไปมือเปล่า เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง คนเช่าสวนตีหัวและด่าว่าผู้รับใช้คนนี้อย่างหยาบคาย เจ้าของสวนส่งผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง คนเช่าสวนก็ฆ่าเขา เจ้าของสวนยังส่งผู้รับใช้คนอื่นไปอีกหลายคน ก็ถูกคนเช่าสวนทุบตีบ้าง ฆ่าเสียบ้าง เจ้าของสวนยังมีคนเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง คือบุตรสุดที่รัก เขาจึงส่งบุตรไปเป็นคนสุดท้าย โดยคิดว่า ‘พวกนั้นคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นพูดกันว่า ‘คนคนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’ แล้วเขาก็จับบุตรของเจ้าของสวนฆ่า ทิ้งศพไว้นอกสวน เจ้าของสวนจะทำอย่างไร เขาจะมาทำลายคนเช่าสวนเหล่านั้น แล้วยกสวนให้คนอื่นเช่า ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า
‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น
ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น
เป็นที่น่าอัศจรรย์กับเรายิ่งนัก’”
บรรดาผู้นำชาวยิวพยายามจับกุมพระองค์ เพราะรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบถึงเขา แต่เขายังเกรงประชาชนอยู่จึงผละจากพระองค์ไป

 

ข้อคิด
    หลายครั้ง เราคริสตชนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมลูกของพระเป็นเจ้าถึงต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ทำไมต้องป่วยด้วยโรคร้ายแรง ทำไมต้องยากจน ทำไมต้องพบเจอกับคู่สมรสที่ไม่ซื่อสัตย์ ทำไมต้องถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน และอื่นๆ อีกมากมาย เราไม่พบคำตอบต่อคำถามถึงเรื่องความทุกข์ทรมานที่เป็นรหัสธรรมนี้ แต่เราพบความจริงที่ว่า การประกาศข่าวดีด้วยการเผชิญหน้ากับข่าวร้ายในชีวิตอย่างซื่อสัตย์ด้วยใจสุภาพและอดทนนั้น เป็นอีกหนทางหนึ่งที่เราสามารถเลียนแบบอย่างองค์พระเยซูเจ้าที่พระวรสารในวันนี้อุปมาถึง เหมือนกับที่นักบุญยุสตินได้เลียนแบบอย่างพระองค์ด้วยเช่นกันในการเผชิญหน้าและยอมรับความทุกข์ทรมานในชีวิต แม้กระทั่งความตาย ให้เราวิงวอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้า ให้เราสามารถเป็นคริสตชนที่สามารถมีพระหรรษทานเพียงพอที่จะแบกกางเขนในชีวิตประจำวันของเรา

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2020 น.มาร์แชลลิน และ น.เปโตร มรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง      2 ปต 3:12-15ก,17-18
     ท่านที่รักทั้งหลาย จงรอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ จงคิดเถิดว่า ความอดกลั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรอดพ้นของเรา
     ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อท่านรู้ล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จงระมัดระวังอย่าปล่อยตัวไปตามความหลงผิดของคนอธรรม และสูญเสียความมั่นคงของท่านไป จงเจริญขึ้นในพระหรรษทานและในความรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันและตลอดนิรันดร อาเมน

 

สดด 90:2-4,10-11,14 และ 16

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                มก 12:13-17
     ต่อมา เขาได้ส่งชาวฟาริสีและคนบางคนที่เป็นผู้นิยมกษัตริย์เฮโรดมาพบพระเยซูเจ้า หมายจะจับผิดพระวาจาของพระองค์ คนเหล่านั้นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกเรารู้ว่า ท่านเป็นคนเที่ยงตรง ไม่ลำเอียง ท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่จะเสียภาษีแก่ซีซาร์ เราต้องเสียภาษีหรือไม่ต้องเสียภาษี” พระองค์ทรงทราบความเจ้าเล่ห์ของเขา จึงตรัสว่า “มาทดสอบเราทำไม เอาเงินเหรียญมาให้เราดูสักเหรียญหนึ่งซิ” เขาก็นำเงินเหรียญหนึ่งมาถวาย พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาก็ตอบว่า “เป็นของซีซาร์” พระองค์จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” คนเหล่านั้นต่างประหลาดใจในพระองค์

 

ข้อคิด
     คำถามลวงของคนที่ถูกส่งมาโดยชาวฟาริสีและผู้ที่นิยมกษัตริย์เฮโรดนั้นทำให้เราเข้าใจถึงความรักของพระเป็นเจ้าที่มีต่อเรา คำตอบของพระเยซูเจ้าที่ว่า "ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด" ทำให้เราตระหนักในความจริงที่ว่า เราแต่ละคนถูกสร้างมาโดยมีภาพลักษณ์ของพระเจ้า และเราแต่ละคนนั้นเป็นของพระองค์ นี่คือความจริงที่หลายๆ ครั้งเราลืมไป เราแต่ละคนเป็นของพระเป็นเจ้า ดังนั้น จงมีความรักในการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับการเป็นลูกของพระจงมีความเชื่อเพียงพอเวลาพบเจอกับอุปสรรคว่า พระหรรษทานของพระจะมีให้กับเราอย่างเพียงพอที่จะทำให้เราผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ และจงมีความหวังเสมอว่าสักวันเราแต่ละคนที่เป็นลูกของพระจะกลับไปหาพระองค์

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2020 สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง      2 ทธ 2:8-15
     พี่น้อง จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย
ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้
ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์
ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์
ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา
ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป
เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
จงเตือนทุกคนให้ระลึกถึงเรื่องนี้และจงกำชับเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า อย่าโต้เถียงกันเรื่องถ้อยคำ เพราะไม่มีประโยชน์ใดนอกจากความพินาศของผู้ฟัง ท่านจงขวนขวายที่จะแสดงตนว่าพระเจ้าทรงรับรองท่านแล้ว เป็นคนงานที่ไม่ต้องอายใคร เป็นผู้สั่งสอนพระวาจาแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

 

สดด 25:4-6,7,8-10

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 12:28-34
      เวลานั้น ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ได้ฟังการโต้เถียงเรื่องนี้ และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบได้ดี จึงทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกกว่าบทบัญญัติข้ออื่นๆ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้” ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียงพระองค์เดียวและนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นเลย การจะรักพระองค์สุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย

 

ข้อคิด
     ท่ามกลางกฎข้อบังคับต่างๆ เป็นจำนวนพันข้อของชาวยิวมีการถกเถียงกันว่า กฎข้อใดสำคัญที่สุด อาจารย์สอนศาสนาหลายๆ คนก็ให้คำตอบที่แตกต่างกัน บ้างก็ว่ากฎของการชำระตนสำคัญกว่า บ้างก็ว่ากฎของการทำทานสำคัญกว่าหลายๆ ครั้งเป็นเรื่องยากที่จะจำแนกว่าอะไรสำคัญกว่ากัน เพราะเราคิดว่าสิ่งนี้ก็ดีสิ่งนั้นก็ดี แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นตัวอย่างสำหรับเราในวันนี้คือให้เราละทิ้งสิ่งที่ดี เพื่อสิ่งที่ดีที่สุด และสำหรับพระองค์ สิ่งที่ดีที่สุดคือ การดำเนินชีวิตด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์ให้เราวิงวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้า ได้โปรดประทานปรีชาญาณพื่อให้เราสามารถแยกแยะและรู้ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตและวิญญาณของเรา

วันพุธที่ 3 มิถุนายน 2020 ระลึกถึง น.ชาร์ล ลวงก้า และเพื่อนมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง      2 ทธ 1:1-3,6-12
จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซูโดยพระประสงค์ของพระเจ้าตามพระสัญญาที่จะประทานชีวิตให้เราในพระคริสตเยซู
ถึงทิโมธีลูกรัก
     ขอพระหรรษทาน พระเมตตาและสันติจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตกับท่านเถิด
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่ข้าพเจ้าปรนนิบัติรับใช้ด้วยมโนธรรมบริสุทธิ์เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านอยู่เสมอในการอธิษฐานทั้งวันทั้งคืน
ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำของท่านเพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับพระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น และทรงเรียกเราให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เราทำ แต่เพราะพระประสงค์และพระหรรษทานของพระองค์ พระองค์ประทานพระหรรษทานนี้แก่เราแล้วในพระคริสตเยซูก่อนกาลเวลา แต่บัดนี้ทรงเปิดเผยโดยการสำแดงพระองค์ของพระผู้ไถ่คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงทำลายความตาย และทรงนำชีวิตและความไม่รู้จักตายให้ปรากฏอย่างชัดแจ้งโดยทางข่าวดี ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศ เป็นอัครสาวกและเป็นครู เพื่อประกาศข่าวดีนี้
     ข้าพเจ้ากำลังทนทุกข์ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกอาย เพราะรู้ว่าข้าพเจ้ามอบความวางใจไว้กับผู้ใด และมั่นใจว่าพระองค์จะทรงรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ารับมอบไว้ได้จนกว่าจะถึงวันนั้น

 

สดด 123:1-2

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 12:18-27
      ต่อมา ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย ทิ้งภรรยาไว้โดยไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับเอาหญิงนั้นมาเป็นภรรยา เพื่อจะได้สืบสกุลของพี่ชาย ยังมีพี่น้องเจ็ดคน คนแรกมีภรรยาแล้วตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สองก็รับนางเป็นภรรยาแล้วตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สามก็เช่นเดียวกัน ทั้งเจ็ดคนไม่มีบุตรเลย ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายไปด้วย เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพในวันกลับคืนชีพ หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา”
     พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านคิดผิดไปแล้วมิใช่หรือ ท่านไม่เข้าใจพระคัมภีร์และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า เมื่อผู้ตายจะกลับคืนชีพนั้น จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ ส่วนเรื่องผู้ตายกลับคืนชีพนั้น ท่านไม่ได้อ่านหนังสือของโมเสสตอนที่กล่าวถึงพุ่มไม้หรือว่า พระเจ้าตรัสกับเขาอย่างไร พระองค์ตรัสว่า ‘เราคือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น ท่านคิดผิดไปมากทีเดียว”

 

ข้อคิด
     ในปี ค.ศ. 1886-1887 ที่ประเทศอูกันดา ทวีปแอฟริกา น.ชาร์ลส์ ลวงก้า และอีกหลายๆ คนได้ถูกคำสั่งของกษัตริย์มวังกาจับบุคคลที่เชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าทรมาน ท่านและคนอื่นๆ ถูกทรมานก่อนที่จะถูกเผาให้ตาย ที่นำสังเกตคือ บุคคลต่งๆ เหล่านี้ ไม่ได้มีเฉพาะพระสงฆ์หรือนักบวช แต่เป็นฆราวาสที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เป็นวัยที่ยังมีอนาคต เป็นวัยที่ยังมีความหวัง แต่อนาคตและความหวังของบรรดานักบุญมรณสักขีเหล่านี้ ไม่ได้หยุดอยู่ที่ในโลกนี้ แต่เป็นอนาคตและความหวังที่อยู่ในความรักของพระในโลกหน้าในโอกาสที่เราระลึกถึงบรรดานักบุญมรณสักขีเหล่านี้ ขอให้เราภาวนาวิงวอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้าให้เราดำเนินชีวิตโดยมีเป้าหมายไม่ใช่เฉพาะในโลกนี้เท่านั้น แต่ในโลกหน้าในเมืองสวรรค์ที่เป็นบ้านแท้นิรันดรเป็นที่ที่บรรดาผู้ล่วงหลับจะกลับคืนชีพไปอยู่กับพระเจ้า

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2020 ระลึกถึง น.บอนีฟาส พระสังฆราชและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง      2 ทธ 3:10-17
     ลูกรัก ท่านติดตามเรื่องของข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิด รู้คำสอน ความประพฤติ ความตั้งใจ ความเชื่อ ความพากเพียร ความรัก ความอดทน การเบียดเบียน ความทุกข์เช่นที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่เมืองอันทิโอก อิโคนิยุมและลิสตรา ท่านรู้เรื่องการเบียดเบียนที่ข้าพเจ้าได้รับ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นได้ทุกครั้ง ทุกคนที่ต้องการดำเนินชีวิตด้วยความเคารพเลื่อมใสพระคริสตเยซู จะถูกเบียดเบียนอย่างแน่นอน ส่วนคนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะยิ่งเลวร้ายลง ทั้งหลอกลวงคนอื่นและถูกหลอกลวงด้วย
      จงมั่นคงในคำสอนที่ท่านได้เรียนและมีความเชื่อมั่น ท่านก็รู้ว่าท่านเรียนรู้จากผู้ใด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กท่านรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยท่านให้มีความเฉลียวฉลาดเพื่อรับความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง

 

สดด 119:157,160,161,165-166,167-168

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 12:35-37
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในพระวิหาร ตรัสถามว่า “บรรดาธรรมาจารย์พูดได้อย่างไรว่าพระคริสต์เป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิด เพราะกษัตริย์ดาวิดเอง เมื่อได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า ได้ตรัสว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า เชิญประทับนั่งเบื้องขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน อยู่ใต้เท้าของท่าน เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเรียกพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระคริสต์จะทรงเป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิดได้อย่างไร” ประชาชนจำนวนมากฟังพระองค์ด้วยความพอใจ

ข้อคิด
     นักบุญบอนีฟาสเกิดที่ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 673 ท่านได้เข้าอารามคณะเบเนดิกต์ และหลังจากนั้นท่านได้รับผิดชอบงานของคณะฯ ด้วยการสอนหนังสือ และด้วยบุคลิกของท่าน ท่านสามารถดึงดูดใจให้หลายๆ คนเข้ามาสนใจในคริสตศาสนา ในปี ค.ศ. 718 ท่านได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรี ที่2 ให้ประกาศพระวรสารที่ประเทศเยอรมัน งานแพร่ธรรมของท่านดำเนินไปด้วยดี พร้อมๆ กับการปองร้ายจากศัตรูทางความเชื่อ ในที่สุด ปี ค.ศ. 754 ท่านได้ถูกลอบฆ่าจากกลุ่มคนต่างศาสนา และนี่คือตัวอย่างสำหรับเราคริสตชน เหมือนกับคำสอนที่นักบุญเปาโลได้แนะนำทิโมธี เกี่ยวกับความทุกข์และการเบียดเบียนว่า เป็นสิ่งที่ผู้เชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าต้องเผชิญอย่างแน่นอน แต่ขอให้มีความเชื่อและมั่นใจว่า พระหรรษทานของพระเจ้าจะมีอย่างเพียงพอเสมอ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown