มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2017 สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร 9:6-11
    พี่น้อง พึงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย ผู้ที่หว่านเมล็ดพืชมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนจงให้ตามที่ตั้งใจไว้ มิใช่ให้โดยนึกเสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าประทานพระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ และยังมีเหลือเฟือสำหรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เขาเอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่ตลอดนิรันดร”
พระองค์ผู้ประทานเมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและประทานอาหารเลี้ยงชีวิตจะทรงจัดหาและทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่านด้วย ท่านจะมั่งคั่งบริบูรณ์ทุกประการ เพื่อจะแจกจ่ายได้อย่างใจกว้าง ทานบริจาคของท่านซึ่งเราจะจัดแจกนี้จะทำให้มีการขอบพระคุณพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 6:1-6,16-18
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ดังนั้น เมื่อท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนที่บรรดาคนหน้าซื่อใจคดมักทำในศาลาธรรมและตามถนนเพื่อจะได้รับคำสรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำเหน็จให้ท่าน”
     “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำเหน็จให้ท่าน”
“เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร จงอย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีล อดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำเหน็จให้ท่าน”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราว่า อย่าปฏิบัติศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น เพราะได้รับบำเหน็จรางวัลแล้วจากมนุษย์ บาปสู่รู้ จองหอง อวดตัว เป็นบาปแรกในบาปต้นเจ็ดประการ มีผู้กล่าวว่าบาปสู่รู้ จองหอง อวดตัวนี้ตายหลังเราตายแล้วหลายนาที พระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่กู้โลก ต้องใช้โทษบาปของอาดัมเอวาและของเราแต่ละคน โดยยอมสุภาพถ่อมคน นอบน้อมเชื่อฟังในทุกสิ่ง โดยสละน้ำพระทัยของพระองค์เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระบิดา ทรงเรียกพระองค์เป็นบุตรมนุษย์ แม้เป็นบุตรพระเจ้า หลีกหนีเกี่ยรติยศชื่อเสียงต่างๆ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2017 น.เปาโล แห่งโนลา พระสังฆราช น.ยอห์น ฟิชเชอร์ และ น.โทมัส โมร์ มรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร 11:1-11
     พี่น้อง ขอให้ท่านอดทนต่อความโง่เขลาของข้าพเจ้าสักเล็กน้อย แต่ความจริงท่านก็อดทนอยู่แล้ว ข้าพเจ้าหวงแหนท่านทั้งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน เพราะข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียว เพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสตเจ้า แต่ข้าพเจ้าเกรงว่างูหลอกลวงนางเอวาด้วยกลอุบายของมันฉันใด ความคิดของท่านอาจถูกหลอกลวงให้หันไปจากความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ต่อพระคริสตเจ้าฉันนั้น เพราะถ้าผู้ใดมาประกาศพระเยซูเจ้าอีกองค์หนึ่ง แตกต่างไปจากองค์ที่เราได้ประกาศ หรือถ้าท่านได้รับพระจิตเจ้าอีกองค์หนึ่งซึ่งต่างไปจากองค์ที่ท่านได้รับ หรือรับข่าวดีแตกต่างไปจากข่าวดีที่ท่านได้รับ ท่านก็ยอมรับได้อย่างง่ายดาย ข้าพเจ้าคิดว่า ตนเองไม่ด้อยไปกว่าบรรดาอัครสาวกชั้นพิเศษเหล่านั้นแม้แต่น้อย แม้ข้าพเจ้าจะพูดไม่เก่ง ข้าพเจ้าก็มีความรู้ดี เราแสดงความจริงข้อนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ท่านทั้งหลายแล้วในทุกกรณี
     เมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวดีของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลายโดยไม่คิดค่าจ้าง ข้าพเจ้าทำผิดหรือที่ถ่อมตนเพื่อยกย่องท่าน ข้าพเจ้าปล้นพระศาสนจักรอื่นๆ ยอมรับค่าจ้างจากเขาเพื่อมารับใช้ท่าน เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลายและมีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระให้ผู้ใด เพราะบรรดาพี่น้องที่มาจากแคว้นมาซิโดเนียจุนเจือข้าพเจ้าตามความต้องการ ข้าพเจ้าพยายามที่จะไม่เป็นภาระแก่ท่านในทุกๆ เรื่อง และจะพยายามทำเช่นนี้ต่อไป ความจริงของพระคริสตเจ้าอยู่ในข้าพเจ้าแน่นอนฉันใด จะไม่มีผู้ใดห้ามข้าพเจ้ามิให้โอ้อวดตนเองในเรื่องนี้ในดินแดนแคว้นอาคายาได้ฉันนั้น เพราะเหตุใด เพราะข้าพเจ้ามิได้รักท่านกระนั้นหรือ พระเจ้าทรงทราบดีว่าข้าพเจ้ารักท่าน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 6:7-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซ้ำเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูดมากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้
     ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’”
“เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าบุตรพระเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นบุตรมนุษย์ เพื่อทำให้เรามนุษย์เกิดใหม่เป็นบุตรพระเจ้า สามารถเรียกพระเจ้าเป็นพระบิดา บทข้าแต่พระบิดาสมัยกรุงศรีอยุธยาใช้คำว่า “พ่อเราเจ้าข้า...” ดูมีความหมายลึกซึ้ง ใกล้ชิดสนิทสนม เป็นกันเองมากกว่าคำ “บิดา” ฉะนั้น เมื่อเราสวดบทภาวนานี้ ให้เรารู้สึกว่า พระเจ้ากับเราเป็นพ่อลูกสนิทกันจริงๆ และเรามนุษย์ก็เป็นพี่น้องร่วมพ่อเดียวกัน ขอพ่อของเราโปรดให้เราเป็นลูกที่ดีของพระองค์เหมือนพระเยซูเจ้าและแม่พระ ทำตามพระประสงค์ของพระองค์เหนือสิ่งใด

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2017 สมโภชนักบุญยอห์น บัปติสต์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 49:1-6
     ดินแดนชายทะเลและเกาะทั้งหลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ประชาชนที่อยู่สุดแดนไกล จงตั้งใจฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าเกิด ทรงขานชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ทรงทำให้ปากข้าพเจ้าเป็นเสมือนดาบคม ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์ของพระองค์ ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนลูกศรแหลมคม และทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งเก็บลูกศรของพระองค์
     พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” แต่ข้าพเจ้ากลับคิดว่า “ข้าพเจ้าได้ทำงานเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเสียแรงไปเปล่าๆ ไร้ประโยชน์”
ถึงกระนั้น รางวัลของข้าพเจ้าอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าก็อยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
     พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                กจ 13:22-26
     เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอล ดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า “เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ” จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 1:57-66,80
     เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง
เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้น จิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล

 

ข้อคิด
     เมื่อรับศีลล้างบาป เราคริสตชนได้รับเรียกให้เป็นประกาศก ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงของพระเจ้า เหมือนยอห์นบัปติสต์ หน้าที่ประกาศกคือ ประกาศความดี ประณามความชั่ว แม้ต้องเสี่ยงชีวิต ในสังคมโลกของเรา ยังมีสิ่งไม่ดี ไม่งาม ไม่ถูกต้องมากมาย ชาวโลกก็ประพฤติไม่ดี ไม่ถูกต้องตามกัน แทนที่จะต่อต้านหรือประณาม เราคริสตชนต้องมีจุดยืน เจริญชีวิตตามพระวรสาร สวนกระแสสังคม เป็นมโนธรรมของสังคม ต่อต้านสังคม และช่วยเปลี่ยนแปลงสังคม

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2017 สมโภชพระหฤทัยพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ                             ฉธบ 7:6-11
     ครั้งนั้น โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “ท่านเป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทรงเลือกท่านไว้เป็นประชากรของพระองค์ เป็นสมบัติพิเศษจากประชากรทั้งหมดบนแผ่นดิน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความผูกพันกับท่านและเลือกสรรท่าน มิใช่เพราะท่านเป็นชนชาติที่มีจำนวนประชากรมากกว่าชนชาติอื่นๆ ท่านเป็นเพียงชนชาติที่เล็กที่สุดในหมู่ประชาชาติ แต่เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงรักท่าน และทรงต้องการจะรักษาพระสัญญาที่ทรงสาบานไว้กับบรรพบุรุษของท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์นำท่านออกมา และทรงปลดปล่อยท่านให้พ้นจากการเป็นทาสและพ้นจากอำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ จงรู้เถิดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าโดยแท้จริง ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์ ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้ที่รักและปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน แต่พระองค์ทรงลงโทษและทำลายผู้ที่เกลียดชังพระองค์ทันที พระองค์ไม่ทรงรีรอที่จะลงโทษเขาโดยตรง ดังนั้น ท่านจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ ข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ที่ข้าพเจ้ามอบให้ท่านในวันนี้อย่างเคร่งครัด”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน 4:7-16
     ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราดำรงอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานั่นเอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้ว่า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์ มาเป็นพระผู้ไถ่โลก ผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา และเขาย่อมอยู่ในพระเจ้า เรารู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดดำรงอยู่ในความรัก ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 11:25-30 
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้
ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าทรงรักและซื่อสัตย์ต่ออิสราเอล ชาติเลือกสรรเสมอ แม้อิสราเอลไม่ซื่อสัตย์ ทำบาป กราบไหว้รูปปฏิมา พระเยซูเจ้าทรงรักและซื่อสัตย์ต่ออิสราเอลใหม่ คือพระศาสนจักรหรือเราคริสตชนซึ่งก็ไม่ซื่อสัตย์ ทำบาป... เมื่อสามร้อยกว่าปีมาแล้ว พระเยซูเจ้าปรากฏมาหานักบุญมาร์การิตา มารีย์ อาลาก๊อกให้เห็นดวงพระทัยมีกางเขนปัก มีไฟลุก มีมงกุฎหนามล้อมรอบ มีแผล มีเลือดหยด มีเสียงต่อว่ามนุษย์ “ว่าไม่รักตอบ... สิ่งที่ได้รับตอบก็คือ ความอกตัญญู ใจเย็นเฉย การสบประมาท การทุราจารย์...” วันฉลองพระหฤทัยเป็นวันชดเชยบาป ชดเชยความรักที่ยังขาด ให้เราช่วยเติมเต็ม

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2017 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                              ยรม 20:10-13
     ประกาศกเยเรมีย์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหลายคนซุบซิบว่า ‘ความหวาดกลัวอยู่โดยรอบมาแล้ว จงกล่าวหาเขา พวกเราจงกล่าวหาเขาเถิด’ มิตรสหายทุกคนของข้าพเจ้า คอยเฝ้าดูความล่มจมของข้าพเจ้า พูดว่า ‘เขาคงจะยอมถูกหลอกลวง แล้วเราจะเอาชนะเขาได้ และจะแก้แค้นเขา’
     แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ข้างข้าพเจ้าเหมือนนักรบทรงพลัง ดังนั้น ผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุดล้ม จะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ เขาจะต้องอับอายมาก เพราะไม่ประสบความสำเร็จ ความอัปยศอดสูของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันถูกลืม ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระองค์ทรงทดสอบผู้ชอบธรรม ทรงสำรวจใจและจิต ขอโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ทรงลงโทษเขา เพราะข้าพเจ้าได้ทูลเสนอคดีของข้าพเจ้าให้ทรงทราบแล้ว จงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสน ให้พ้นมือของผู้ทำความชั่วร้าย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม       รม 5:12-15
     พี่น้อง บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง
     แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่า ถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 10:26-33
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เราบอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน
     อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้นดินโดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว ดังนั้น อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก
ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ด้วย”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “อย่ากลัวมนุษย์ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้” บรรดามรณสักขียอมรับพระคริสตเจ้าต่อหน้ามนุษย์ ไม่กลัวตาย แม้ถูกเบียดเบียน ถูกฆ่าแต่กาย ยอมสละชีวิตนี้เพื่อได้ชีวิตนิรันดรในสวรรค์ ให้เรากลัวพระเจ้าที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศในนรก โดยไม่ทำบาปขัดเคืองพระทัยพระองค์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown