มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2017 ระลึกถึง น.อักแนส พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                     ฮบ 9:2-3,11-14
     พี่น้อง กระโจมถูกสร้างขึ้นดังนี้ ห้องแรกมีคันประทีป โต๊ะและขนมปังถวาย ห้องนี้เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เบื้องหลังม่านมีห้องที่สองซึ่งเรียกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
     พระคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะผู้นำพระพรต่างๆ ที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานมาให้ พระองค์เสด็จผ่านกระโจมที่ยิ่งใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่า ทั้งมิใช่กระโจมที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือมิใช่กระโจมซึ่งเป็นสิ่งสร้างของโลกนี้ พระองค์เสด็จเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเพียงครั้งเดียวตลอดไป สิ่งที่พระองค์ทรงนำไปด้วยมิใช่เลือดแพะและเลือดลูกโค แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงกระทำให้การไถ่กู้นิรันดรสำเร็จ ถ้าการประพรมบุคคลที่มีมลทินด้วยเลือดแพะ เลือดลูกโค รวมกับเถ้าของโคเพศเมีย ยังทำให้บุคคลนั้นบริสุทธิ์ร่วมศาสนพิธีได้ พระโลหิตของพระคริสตเจ้า ย่อมทำได้มากกว่านั้น พระคริสตเจ้าทรงถวายพระองค์โดยปราศจากตำหนิมลทินแด่พระเจ้าเดชะพระจิตเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดร พระโลหิตชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์จากกิจการที่ตายแล้วเพื่อจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงชีวิต

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 3:20-21
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ประชาชนมาชุมนุมกันอีกจนพระองค์ไม่อาจเสวย และบรรดาศิษย์ก็ไม่อาจกินอาหารได้ เมื่อพระประยูรญาติของพระองค์ได้ยินเช่นนี้ ก็ออกไปควบคุมพระองค์ไว้ เพราะคิดว่าทรงเสียพระสติ

 

ข้อคิด
     พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะนำพระพรต่างๆที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานมาให้ วันนี้ญาติๆของพระองค์รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นการทุ่มเททำงานของพระองค์ ในฐานะบุตรหัวปีของครอบครัวที่ควรที่จะอยู่ช่วยงานอาชีพของครอบครัวกลับมาทำหน้าที่เป็นนักเทศน์ผู้จาริกไปยังที่ต่างๆ แต่พระองค์ทรงกลับทิ้งความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตครอบครัว มารับใช้และกระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า แล้วท่านล่ะพร้อมที่จะสละชีวิตส่วนตัวเพื่อรับใช้พระเจ้าบ้างหรือไม่

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2017 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 8:23ข-9:3
     ในอดีต พระองค์ทรงทำให้แผ่นดินเศบูลุนและแผ่นดินนัฟทาลีตกต่ำ แต่ในอนาคตจะทรงบันดาลให้หนทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถึงแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นดินแดนของชนต่างชาติมีความรุ่งเรือง
ประชากรที่เดินในความมืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในแผ่นดินมืดมิด ความสว่างส่องแสงมาเหนือเขา พระองค์ทรงเพิ่มจำนวนประชากร ทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะยินดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ดั่งความชื่นบานในฤดูเก็บเกี่ยว ดั่งความยินดีเมื่อเขาแบ่งของเชลยให้แก่กัน เพราะว่าแอกอันเป็นภาระของเขา ท่อนไม้ที่เขาต้องแบก ไม้ตะพดของผู้กดขี่ พระองค์ทรงหักเสียอย่างที่ทรงเคยกระทำกับชาวมีเดียน

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 1:10-13,17
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้ท่านปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจิตใจและความเห็นตรงกัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จากคนในครอบครัวของคะโลเอว่า ท่านทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน ข้าพเจ้าหมายความว่าดังนี้ ท่านต่างก็พูดว่า “ฉันเป็นพวกของเปาโล” “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” “ฉันเป็นพวกของเคฟาส” “ฉันเป็นพวกของพระคริสตเจ้า” มีการแบ่งแยกในองค์พระคริสตเจ้าหรือ เปาโลถูกตรึงกางเขนเพื่อท่านหรือ ท่านได้รับพิธีล้างบาปในนามของเปาโลหรือ
     พระคริสตเจ้ามิได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาทำพิธีล้างบาป แต่ทรงส่งมาประกาศข่าวดีมิใช่ด้วยการใช้โวหารอันชาญฉลาด ด้วยเกรงว่าจะทำให้ไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าเสื่อมประสิทธิภาพ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 4:12-23
     เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์ เป็นความจริงว่า
“ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี
เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน
แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติ
ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด
ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่
ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตาย
แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว”
นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”
ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที
เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป
พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน


ข้อคิด
     ข่าวดีของพระเจ้ายังคงเป็นข่าวที่นำความยินดีและให้ความหวังแก่ชีวิตของมนุษย์ตลอดมา เริ่มตั้งแต่การประกาศเทศนาของประกาศกอิสยาห์ที่เชิญชวนให้ประชาชนหันมาเชื่อศรัทธาในพระเจ้า เพราะอาศัยความเชื่อนี้เองจะเป็นดั่งแสงสว่างที่นำทางในการดำเนินชีวิตของพวกเขา ความชัดเจนในคำสอนนี้ปรากฏอยู่ในชีวิตของพระเยซูเจ้าเองที่ไม่ว่าจะเสด็จไปที่ใดก็ทรงประกอบแต่คุณงามความดี ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน และบรรดาอัครสาวกก็ได้สืบทอดพันธกิจนี้โดยตักเตือนให้ประชาชนรักกันและกัน ไม่แตกแยกกัน เราแต่ละคนก็เช่นกันจะต้องเป็นผู้สืบทอดงานประกาศข่าวดีและนำคำสอนนี้มาปฏิบัติในชีวิต

วันอังคารที่ 24 มกราคม 2017 ระลึกถึง น.ฟรังซิส เดอซาลส์ พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                    ฮบ 10:1-10
     พี่น้อง เนื่องจากธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาและไม่ใช่ภาพจริงของพระพรที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ จึงไม่อาจทำให้ผู้มาเฝ้าพระเจ้าบรรลุถึงความบริบูรณ์ได้ แม้จะถวายเครื่องบูชาเดียวกันตลอดปีอย่างต่อเนื่องทุกปี มิฉะนั้น การถวายบูชาแบบนี้คงจะต้องยุติลง ในเมื่อผู้นมัสการได้รับการชำระล้างครั้งหนึ่งเพื่อให้บริสุทธิ์ตลอดไปแล้ว เขาคงจะไม่สำนึกว่าตนยังมีบาปอีก แต่การถวายบูชาเหล่านี้ยังเตือนให้สำนึกถึงบาปอยู่ทุกปี เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะชำระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชาและของถวายอื่นใด พระองค์จึงทรงเตรียมร่างกายไว้ให้ข้าพเจ้า พระองค์ไม่พอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”
     พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มีพระประสงค์และไม่พอพระทัยในเครื่องบูชา ของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ทั้งๆ ที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ พระคริสตเจ้าจึงทรงยกเลิกการถวายบูชาแบบเดิมและทรงตั้งการถวายบูชาแบบใหม่ขึ้นแทน โดยพระประสงค์นี้เองเราทั้งหลายได้รับความศักดิ์สิทธิ์ เดชะการถวายพระวรกายของพระองค์เป็นการบูชาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำแต่เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                มก 3:31-35
     เวลานั้น พระมารดาและพระประยูรญาติของพระเยซูเจ้ามาถึง ยืนรออยู่ข้างนอก ส่งคนเข้าไปทูลพระองค์ ประชาชนกำลังนั่งล้อมพระองค์อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องชายหญิงของท่านกำลังตามหาท่าน คอยอยู่ข้างนอก” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครเป็นมารดาและพี่น้องของเรา” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรผู้ที่นั่งเป็นวงล้อมอยู่ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา ผู้ใดทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา”

 

ข้อคิด
     วันนี้เราได้เห็นความหมายของครอบครัวขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า ผู้ใดทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา ในช่วงชีวิตของเราชีวิตฝ่ายจิตมีความสำคัญมากกว่าชีวิตฝ่ายธรรมชาติ ชีวิตฝ่ายธรรมชาติมาจากโลกและจะผ่านพ้นไป แต่ชีวิตฝ่ายจิตจะคงอยู่ลอดไป เมื่อเราได้รับพระเยซูเจ้าเข้ามาในหัวใจของเรา เราก็ได้กลับกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพระเจ้า ความรักจากครอบครัวของพระเจ้าช่วยทำให้ครอบครัวตามธรรมชาติฝ่ายโลกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2017 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                       ฮบ 9:15,24-28
     พี่น้อง ดังนั้น พระคริสตเจ้าทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับเรียกเป็นทายาทกองมรดกนิรันดรได้รับตามพระสัญญา เพราะพระองค์ทรงยอมรับความตายเพื่อลบล้างการล่วงละเมิดตามเงื่อนไขของพันธสัญญาเดิมแล้ว
พระคริสตเจ้ามิได้เสด็จเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ที่มือมนุษย์สร้าง ซึ่งเป็นภาพจำลองของสถานศักดิ์สิทธิ์แท้ แต่พระองค์เสด็จเข้าสู่สวรรค์ ทั้งนี้เพื่อจะทรงปรากฏอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแทนเรา มิใช่เพื่อถวายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังเช่นมหาสมณะต้องเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำทุกปีพร้อมกับนำเลือดซึ่งไม่ใช่เลือดของตนเข้าไปด้วย มิฉะนั้น พระคริสตเจ้าคงจะต้องทรงรับการทรมานครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา ตรงกันข้ามพระองค์ทรงปรากฏพระองค์เพียงครั้งเดียว ณ บัดนี้ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายเพื่อลบล้างบาปโดยบูชาพระองค์ มนุษย์ถูกกำหนดให้ตายเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นจะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น พระองค์ทรงถวายพระองค์เพียงครั้งเดียว เพื่อทรงลบล้างบาปของคนจำนวนมาก พระองค์จะทรงปรากฏพระองค์เป็นครั้งที่สองโดยไม่ทรงเกี่ยวข้องกับบาปอีก แต่เพื่อทรงนำความรอดพ้นมาประทานแก่ผู้ที่รอคอยพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 3:22-30
     เวลานั้น บรรดาธรรมาจารย์ที่มาจากกรุงเยรูซาเล็มพูดว่า “เขามีปีศาจเบเอลเซบูลสิงอยู่” และ “ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” พระองค์จึงทรงเรียกเขาเหล่านั้นเข้ามาพบ ตรัสเป็นอุปมาว่า “ซาตานจะขับซาตานได้อย่างไร ถ้าอาณาจักรหนึ่งแตกแยก อาณาจักรนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าครอบครัวหนึ่งแตกแยก ครอบครัวนั้นก็ตั้งมั่นอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าซาตานลุกขึ้นต่อสู้กันเองและแตกแยก มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องถึงจุดจบ ไม่มีใครเข้าไปในบ้านของคนเข้มแข็งและปล้นเอาทรัพย์ของเขาได้ ถ้าไม่มัดคนเข้มแข็งนั้นไว้ก่อน เมื่อนั้นแหละจึงจะเข้าปล้นบ้านได้
     เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะรับการอภัยบาปทุกประการรวมทั้งคำดูหมิ่นพระเจ้าที่ได้พูดออกไป แต่ใครที่พูดดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย เขามีความผิดตลอดนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพราะมีผู้พูดว่า “คนนี้มีปีศาจสิงอยู่”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าทรงประทานพระจิตเจ้าลงมาในโลกเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ เป็นพระนามเดียวที่ใช้เพื่อการให้อภัยบาปและประทานความรอด การปฏิเสธพยาน ก็เท่ากับเป็นการดูถูกเหยียดยามพระเจ้าเอง จะมีมนุษย์คนใดที่สามารถยกโทษบาปของตนเองและผู้อื่นได้ และบาปของเราจะได้รับการอภัยได้อย่างไรถ้าเราไม่ยอมรับอำนาจการยกบาปจากพระเจ้า

วันพุธที่ 25 มกราคม 2017 ฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล อัครสาวก

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                กจ 22:3-16
     เวลานั้น เปาโลจึงกล่าวกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ผู้ที่ดำเนินตามวิถีทางนี้ เคยถูกข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิงจองจำไว้ในคุก ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น นำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ
     เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม’
ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’
     พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่’ คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า
     แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร’
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เจ้าทำ’ แสงนั้นสว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิ่งใด ผู้ร่วมเดินทางกับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส
ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เป็นที่เคารพนับถือของชาวยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับมองเห็นเถิด’ และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา
อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกสรรท่านให้รู้พระประสงค์ของพระองค์ ให้เห็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงชอบธรรมและได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะท่านจะเป็นพยานของพระองค์ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินแก่มนุษย์ทุกคน บัดนี้ท่านรออะไรอยู่อีก จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาปและเรียกขานพระนามพระองค์ชำระล้างบาปของท่านเถิด’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 16:15-18
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์กับอัครสาวกสิบเอ็ดคน ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”

 

ข้อคิด
     หน้าที่การประกาศข่าวดีเป็นของเราทุกคน เราสามารถกระทำได้โดยการเป็นประจักษ์พยานที่ดีในการดำเนินชีวิตและการพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อ นักบุญเปาโลเองครั้งหนึ่งเคยรังเกลียดพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ของพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงมองเห็นพลังภายในของท่าน ได้เลือกท่าน และอาศัยอานาเนียช่วยสอนคำสอนให้ ท่านจึงได้รับศีลล้างบาปและกลับมาเป็นผู้ประกาศข่าวดีที่เข้มแข็ง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown