มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 11 มกราคม 2017 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                    ฮบ 2:14-18
     พี่น้อง บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับมนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำลายมาร ผู้มีอำนาจเหนือความตายลงได้ เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัวตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัยใส่ต่อเชื้อสายของอับราฮัม จึงจำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดาพี่น้องทุกประการ เพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะที่เพียบพร้อมด้วยพระกรุณาและทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 1:29-39
     ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์พร้อมกับยากอบและยอห์น มารดาของภรรยาซีโมนกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน
เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีคนนำผู้ป่วยและผู้ถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่างๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์
วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำลังแสวงหาพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้” พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย

 

ข้อคิด

ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงมาบังเกิดเป็นมนุษย์
     1.มนุษย์อยู่ใต้อำนาจปีศาจและมนุษย์เองก็กลัวตาย ทั้งยังถูกรุมเร้าด้วยความทุกข์ทางร่างกายและจิตวิญญาณ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้.
     2.พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อชี้ทางสันติสุขด้วยการดำเนินชีวิต “รักและรับใช้ซึ่งกันและกัน” พระองค์ก็ประพฤติเป็นตัวอย่าง ดังบันทึกในพระวรสารประจำวันนี้
     3.เนื่องจากพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า แม้ตายไปแล้วก็กลับมีชีวิตใหม่ พระองค์ทรงสัญญาว่า “ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์จะมีชีวิตเป็นอมตะ”เช่นเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2017 ระลึกถึง บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง พระสงฆ์และมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโทธี ฉบับที่สอง    2 ทธ 2:1-13
     ลูกรัก ท่านจงรับพละกำลังจากพระหรรษทานซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู จงถ่ายทอดสิ่งที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าโดยมีหลายคนเป็นพยานแก่คนที่น่าเชื่อถือซึ่งจะสอนคนอื่นต่อไปได้
     จงร่วมทนทุกข์กับผู้อื่น เหมือนทหารที่ดีของพระคริสตเยซู ทหารทุกคนจะไม่เข้าไปเกี่ยวกับกิจการของพลเรือน เขามุ่งทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ นักกีฬาก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครได้ชัยชนะนอกจากจะได้แข่งขันตามกติกา ชาวนาที่ตรากตรำทำงานควรเป็นผู้ที่จะได้รับผลก่อนผู้อื่น จงพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานให้ท่านเข้าใจทุกๆ เรื่อง
จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย
     ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 15:9-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

 

ข้อคิด
(ข้อคิด จาก บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโทธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 2:1-13 / บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:9-17)

บุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกสรร จะต้องประพฤติตนอย่างไร
     1.ถือบัญญัติของพระเจ้า รู้จักรักและรับใช้ผู้อื่นตามอย่างพระเยซูเจ้า.
     2.ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น.
     3.ถวายชีวิตทั้งหมดแด่พระเจ้าเพื่อทำตามน้ำพระทัย.

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2017 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                    ฮบ 4:12-16
     พี่น้อง พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบ สองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้ จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆ ซ่อนเร้นไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซึ่งเราจะต้องทูลถวายรายงาน
     ในเมื่อเรามีมหาสมณะยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งผ่านเข้าสู่สวรรค์แล้ว คือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้า เราจงยึดมั่นอยู่ในการแสดงความเชื่อของเราเถิด เพราะเหตุว่าเราไม่มีมหาสมณะที่ร่วมทุกข์กับเราผู้อ่อนแอไม่ได้ แต่เรามีมหาสมณะผู้ทรงผ่านการผจญทุกอย่างเหมือนกับเรา ยกเว้นบาป ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                มก 2:13-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปริมฝั่งทะเลสาบอีก ประชาชนต่างมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขา ขณะที่ทรงพระดำเนินไป พระองค์ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อเลวี บุตรของอัลเฟอัสกำลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของเลวี คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เพราะมีหลายคนติดตามพระองค์มา บรรดาธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสีเห็นพระองค์เสวยร่วมกับคนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านกินอาหารกับคนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป”

 

ข้อคิด
     (ข้อคิด จาก บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:12-16 / บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 2:13-17)

ผู้ปรารถนาจะมีความเชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ จะต้องทำอย่างไร?
     1. อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ ในนั้นมีข้อคำสอนมากมายสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน
     2. พระคัมภีร์ เตือนสอนผู้อ่านให้กลับใจ และประพฤติตนตามแบบพระเยซูเจ้า
     3.เหมือนกับ เลวี ที่ร่วมงานเลี้ยงกับพระองค์... ในสมัยนี้มีกิจศรัทธามากมายที่พระศาสนจักรกำหนดไว้ พิธีกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์เรากับพระยิ่งใกล้ชิดขึ้น
     4.ในที่สุด เราจะมีความแน่ใจว่าพระเยซูเจ้าทรงอยู่ใกล้เรา อยู่ในตัวของเราเอง ทรงประทานพระจิตเจ้าช่วยเหลือเราให้เข้าใจหนทางของพระเจ้า

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2017 น.ฮีลารี พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                      ฮบ 4:1-5,11
     พี่น้อง ทั้งๆ ที่มีพระสัญญาว่าจะให้เข้าไปในที่พักผ่อนกับพระองค์ แต่เราก็ต้องกลัวว่า อาจมีบางคนที่ไปไม่ถึง ความจริง เราได้รับข่าวดีเช่นเดียวกับเขาเหล่านั้น แต่พระวาจาที่ได้ยินนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะเขาไม่มีความเชื่อเหมือนกับผู้ที่ฟัง แต่เราผู้มีความเชื่อเข้าไปในที่พักผ่อนได้ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราปฏิญาณขณะที่กำลังโกรธว่า เขาเหล่านั้นจะไม่มีวันเข้าไปในที่พักผ่อนของเรา และงานของพระเจ้าก็สำเร็จไปแล้วตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก เพราะพระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งเกี่ยวกับวันที่เจ็ดว่า “พระเจ้าทรงพักผ่อนจากการงานทุกอย่างในวันที่เจ็ด เรื่องนี้พระองค์ยังตรัสอีกว่า เขาเหล่านั้นจะมิได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเรา
     ดังนั้น เราจงรีบเข้าสู่ที่พักผ่อนนั้นเถิด เพื่อจะได้ไม่มีใครพลาดพลั้งตามแบบอย่างความดื้อรั้นในครั้งกระโน้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 2:1-12
     ต่อมาอีกสองสามวัน พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อเป็นที่รู้กันว่าพระองค์ประทับอยู่ในบ้าน ประชาชนจำนวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งที่ประตู พระองค์ประทานพระโอวาทสอนประชาชนเหล่านั้น ชายสี่คนหามคนอัมพาตคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ แต่เขานำคนอัมพาตนั้นฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงพระองค์ไม่ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่พระองค์ประทับอยู่ แล้วหย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ลงมาทางช่องนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของคนเหล่านี้จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ที่นั่นมีธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ด้วย เขาคิดในใจว่า “ทำไมคนนี้จึงพูดเช่นนี้ เขากล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาด้วยพระจิตของพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคนอัมพาตว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดิน” พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นแบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและพูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย”

ข้อคิด
(ข้อคิด จาก บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:1-5,11
/ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 2:1-12)

คนพิการสามารถทำทุกอย่างได้...ถ้าทำตามเงื่อนไขดังนี้
     1.ทุกคนจะมีความบกพร่องบางอย่างทางร่างกายและจิตใจ...ทุกคนมีบาปไม่มากก็น้อย
ตัวเราเองต้องอยากรับการรักษาจากความบกพร่อง และมีความเชื่อจริง ว่าพระเจ้าจะทรงช่วยได้
     2.สรรหาคนใกล้ชิดให้นำพาไปพบพระเยซูเจ้า ทุกวันนี้พระองค์อยู่ใกล้ชิดเรามากกว่าสมัยก่อน เพราะพระองค์ทรงกลับฟื้นคืนชีพแล้ว
     3. ความเชื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยผลักดันเราให้มุ่งมั่น เดินทางพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกับเพื่อนพี่น้องของเรา…วิทยาศาสตร์สมัยนี้ทำให้มนุษย์รู้จักพึ่งพากันและกัน มากกว่าพึ่งอัศจรรย์แต่อย่างเดียว

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2017 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                อสย 49:3,5-6
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง       1 คร 1:1-3
     จากเปาโล ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระองค์ และจากโสสเธเนสพี่น้องของเรา
     ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าที่อยู่ ณ เมืองโครินธ์ ถึงผู้ที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเยซู คือได้รับเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับทุกคนในทุกสถานที่ ทุกคนซึ่งเรียกหาพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของเขาและของเราด้วย
ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 1:29-34
     วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า “บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”

 

ข้อคิด
(ข้อคิด จาก บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 49:3,5-6 / บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:1-3 / บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:29-34)

พัฒนาการทางความเชื่อเป็นอย่างไร
ความเชื่อคือความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรากับพระเยซูเจ้าดังนี้
     1.เรามั่นใจว่าชีวิตและจิตวิญญาณของเรามาจากพระเจ้า โดยผ่านทางพ่อแม่ พ่อแม่เองต้องให้ความเคารพต่อชีวิตของลูก จะล่วงละเมิดมิได้
     2.พระเจ้าได้ทรงกำหนดภาระหน้าที่ให้กับชีวิตเราแต่ละคนเป็นเฉพาะพิเศษ แตกต่างกัน แต่มีวัตถุประสงค์เดียวคือให้เรารักและรับใช้กันและกัน
     3.ชีวิตของบุคคลที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ย่อมเป็นที่ประทับใจแก่คนรอบข้าง เขากลายเป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นแสงสว่างให้ผู้เดินตาม เขาเป็นลูกพระเจ้าจริงๆ.

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown