วันที่ 4 - 8 เมษายน 2016 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จัดสัมมนาพระสงฆ์ประจำปี 2016 ณ บ้านผู้หว่าน หัวข้อ การสัมมนาครั้งนี้ "ชีวิตสงฆ์ เมตตาธรรม และการประกาศข่าวดีใหม่"

วันแรกของการสัมมนา 14.30น. เริ่มต้นด้วยวจนพิธีกรรมเปิดการสัมมนา โดยพระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศํักดิ์ โกวิทวาณิช ต่อด้วย ขอบฟ้าใหม่แห่งการประกาศข่าวดี (จากสมัชชา 2015)โดยมีคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร เป็นวิทยากร ส่วนหนึ่งคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกรได้กล่าวว่า หลังจากที่พ่อพิจารณาเพื่อการบรรยายครั้งนี้
พ่อคิดว่า ขอบฟ้าใหม่นั้น อันที่จริงๆ ทุกวันทุกเวลาเรามีแสงสว่าง ขอบฟ้าไม่ใช่สิ่งที่เราต้องวิ่่งไปหาเพื่อเรียกว่า "ขอบฟ้าใหม่" แต่ทว่า เมฆหมอกต่างหากที่เราต้องเคลียร์ จัดการให้เปิดทางให้แสงอรุณแห่งความรักนิรันดร์ของพระเจ้าสาดส่องเข้ามา เพราะพระองค์คือองค์อรุโณทัยแห่งชีวิต แสงสว่างนิรันดร...
ขอบฟ้าที่เราเห็นอยู่อันที่จริงคือการบดบังของแสงอาทิตย์ ต้องไม่ใช่ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม คือ พระคริสตเจ้า ต้องไม่ใช่พระองค์พระองค์ที่เคลื่อนโผล่ขึ้นส่องแสง เพราะทรงเป็นแสงสว่างแห่งรักมิรู้ดับ....
แต่เป็นเรา เป็นโลก ที่ต้องหมุนเคลื่อน รับชีวิตเปลี่ยนแปลงองศาและคุณภาพชีวิตที่ต้องขับเปลี่ยน เพื่อเบิกทาง เพื่อเปิดขอบฟ้า ต้องเปิดแผ่นดินแห่งผากแข็งกระด้างด้วยผลาญไถ เพื่อไถเมฆหมอกที่หนาทึบในชีวิตที่มืดดำหรือชีวิตที่เป็นสีเทาๆที่บดบังแสงแห่พระคริสตเจ้า....
ทั้งนี้เพื่อให้ขอบฟ้าได้เปิดออกเพื่อรับแสงงดงามแห่งอรุณยามเช้า ให้สาดสองเป็นคุณค่าและชีวิตแก่ชีวิตของเรา และของพระศาสนจักรอย่างแท้จริง...
แสงสว่างนั้น คือ "พระคริสตเจ้า" ความเมตตาธรรมและความรักไร้ขอบเขตที่พระศาสนจักรต้องเปิดหัวใจ ไถความกระด้างและอยู่ในเซฟโซนของตน เพื่อเปิดทางให้พี่น้องได้รับความเมตตา ความรัก และความหวัง และได้ปลอยภัยในพระคริสตเจ้าให้จงได้....
ขอบฟ้าที่ต้องเปิด คือ ชีวิตของเราที่ต้องกลับใจอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และนี่ คือ "ขอบฟ้าใหม่ที่เปิดเพื่อการประกาศข่าวดีด้วยชีวิตเป็นประจักษ์พยาน" อย่างแท้จริง

6 เมษายน 2016 เช้านี้คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม ได้เชิญอาจารย์สองท่าน คริสตชนใหม่ที่เพิ่งได้รับศีลล้างบาป... มาแบ่งปัน "ความเมตตา" จากประสบการณ์ที่อาจารย์ทั้งสองท่าน ที่ทั้งสองท่านได้พบพระเนตรแห่งเมตตาธรรมของพระเจ้า จนได้รับกระแสเรียกให้ตัดสินใจมารับศีลล้างบาป เข้ามาเป็นคริสตชนคาทอลิก
กระแสโลกที่อาจเบียดเบียนและบทบังครอบครัว ทำให้เด็กๆจำนวนมากต้องหลงผิดและหลุดไปจากศีลธรรมความดี จนที่สุด...เขาได้เข้ามาสู๋ความเป็นคริสตชนในนิกายหนึ่ง ชีวิตท่ี่อยู่กับโลกียนิยมมากๆ เมื่อโตขึ้น ได้รู้จักสังคมคาทอลิก ครู้คาทอลิกสอนดนตรีและได้แบ่งปันความรู้จักพระคริสตเจ้า ศาสนาและแบ่งปัน
ประสบการณ์ที่ทำให้อยากมาเรียนคำสอน...คือการได้สัมผัสพระเจ้า ได้พบความความจริงของกระแสโลก...ว่าต้องการคำตอบจากพระเจ้า
ประสบการณ์แห่งความใจดี ไม่บังคับ แต่เปิดใจ เปิดโอกาส มอบให้ และให้โอกาส สิ่งเหล่านี้ทำให้ได้พบพระเจ้า คนที่ช่วยเหลือ ให้ความช่วยเหลือ เป็นคาทอลิกหมดจริงๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ได้เห็นความเมตตา ความใจดีของพระเจ้าจริงๆ