พระสันตะปาปาทรงจบการสอนคำสอนเรื่องศีลล้างบาป ร่วมกับผู้มาเข้าเฝ้าที่กระตือรือร้น

พระองค์ทรงหยุด ทักทายกับกลุ่มที่มาจากเมืองเอาโสเนีย ประเทศอาร์เจนตินา

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“พ่อเคยอยู่ที่เมืองเอาโสเนีย ในปี’59 ตอนนั้นพ่อเพิ่งอายุ 22 เอง”

• ช่วงสอนคำสอน พระสันตะปาปาตรัสถึงความสำคัญของเสื้อขาวที่เราสวมเมื่อรับศีลศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ตรัสว่านี้แสดงถึงชีวิตใหม่ที่เราสิ่งสร้างสะท้อนพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า

พระองค์ยังทรงอธิบายสัญลักษณ์ของเทียนที่รับในพิธีล้างบาป ว่าจุดมาจากเปลวไฟแห่งเทียนปัสกา

ทรงอธิบายว่าไฟแห่งความเชื่อถูกส่งผ่านมาจากพ่อแม่ทูนหัวของเด็กที่รับศีลล้างบาป พระองค์ทรงสอนว่าเราต้องรักษาเปลวไฟนี้และเติมเต็มไฟนี้ให้ลุกอยู่ตลอดไป”

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“เป็นหน้าที่ของบิดามารดาและพ่อแม่ทูนหัว ที่จะใส่ใจและเติมเต็มเปลวไฟแห่งพระหรรษทานแก่ลูกน้อยของเขา ช่วยเขาให้รักษาความเชื่อ การศึกษาแบบคริสตชนนั้นเหมาะสมกับเด็กๆ การศึกษาแบบคริสตชนเหมาะสมกับเด็กๆ”

• พระสันตะปาปาทรงแสดงความเจ็บปวดของพระองค์ เกี่ยวกับสงครามในปัจจุบัน ทรงพูดสิ่งนี้เมื่อทรงทักทายกับทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่สอง

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“พร้อมกับความเศร้าใจ พ่อยังจำสงครามที่เกิดขึ้นได้ในศตวรรษที่ผ่านมา มีสองครั้งใหญ่ๆ ถึงกระนั้นเราก็ไม่เข็ดหลาบจดจำ ขอพระเจ้าทรงช่วยเราด้วย”

• แต่พระสันตะปาปาก็มิได้ทรงหยุดเพียงเท่านั้น ในตอนท้ายของการเข้าเฝ้าทั่วไป พระองค์ทรงส่งเสียงร้องขอสันติภาพเพื่อแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“พ่อรู้สึกกังวลและเจ็บปวด จากการเพิ่มระดับความตรึงเครียดความขัดแย้งในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และตะวันออกกลาง และเกลียวคลื่นความรุนแรงเพิ่มขึ้นผลักดันให้ออกห่างจากหนทางแห่งสันติ การเสวนา และการต่อรอง
.
พ่อขอแสดงความรู้สึกเจ็บปวดต่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และพ่อขอเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนที่ทุกข์ทรมาน ในคำภาวนาของพ่อ

พ่อขอกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า การใช้ความรุนแรงไม่เคยนำมาซึ่งสันติภาพ

สงครามเรียกหาสงคราม ความรุนแรงเรียกหาความรุนแรง”

• พระสันตะปาปาฟรังซิสเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งและทุกหมู่คณะระดับชาติ ได้รื้อฟื้นคำสัญญาว่าจะเสวนาและยึดสันติภาพมาก่อนอื่นใดหมด

ช่วงท้ายของการเรียกร้อง พระองค์ทรงนำภาวนาบทวันทามารีย์พร้อมกันกับผู้แสวงบุญ เพื่อวอนขอพระเจ้าตามจุดประสงค์ที่กล่าวมานั้น