• พระสันตะปาปาเสด็จถึงสนามบิน เอ็นริเก โอลายา ช้าไปชั่วโมงครึ่งจากกำหนดการเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี
แต่ไม่ว่าจากการรอคอยหรือฝน ก็ไม่ทำให้วิญญาณของชาวโคลัมเบียนับล้านวุ่นวาย พวกเขาคอยพระองค์อย่างสงบอยู่ที่นั่นแล้ว

• ก่อนเริ่มพิธีมิสซา พระองค์ทรงขอโทษต่อความล่าช้า

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“โชคไม่ดี มีความล่าช้ามากมายในการเดินทาง และทำให้พวกลูกต้องรอคอย
ขอบใจสำหรับความอดทน ความพากเพียร และกำลังใจ”

• พระองค์ทรงเน้นบทเทศน์ไปที่เรื่อง ความสำคัญของการเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูเจ้า ทรงอธิบายว่าพวกเขาเป็นแบบอย่างในการติดตามพระเยซูเจ้า
เพราะพวกเขามิได้ยึดติดกับกฎเกณฑ์ที่ตายตัวแต่ติดตามพระเยซูเจ้าไปอย่างอิสระ

• พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแสดงแนวทางของการเป็นศิษย์ที่ดี คือให้ไปถึงแก่นสาระ มีการฟื้นฟูและครอบคลุมทุกส่วนร่วมกัน

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“ไปให้ถึงซึ่งแก่นสาระแท้ มิได้หมายถึงฝ่าฝืนกฎข้ออื่นๆ ซึ่งเราตั้งมั่นอยู่ เพราะว่าพระเยซูเจ้ามิได้เสด็จมาลบล้างกฎหมายแต่เสด็จมาทำให้มันสมบูรณ์ครบครัน

ในประเทศโคลัมเบียมีสถานการณ์ต่างๆ ที่เรียกร้องให้ดำเนินรูปแบบชีวิตเช่นลูกศิษย์ของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะความรักของพระองค์แทนที่จะเป็นความรุนแรง
มีการกลับคืนดีและสันติภาพ”

• พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่าพระศาสนจักรจะต้องตั้งมั่นในการฟื้นฟูอยู่เสมอ และเปิดออกสำหรับทุกคน ให้มากที่สุดสำหรับคนดีเท่าๆ ให้กับคนชั่ว

พระองค์ทรงเตือนทุกคนว่า ไม่มีใครสามารถไปหยุดใครจากการแสวงหาพระเยซูเจ้าได้

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“พระศาสนจักรมิใช่จุดตรวจด่านเก็บภาษี แต่ต้องเปิดประตูไว้เพราะดวงพระทัยของพระเจ้ามิใช่เพียงแต่เปิดไว้เท่านั้นแต่เปิดกว้างอย่างที่สุด
เพราะความรักของพระองค์ก่อเกิดมาจากความเจ็บปวด เราไม่อาจเป็นคริสตชนที่ปักป้าย ‘ไม่ได้‘ เอาไว้บนไม้กางเขน”

• พระองค์ทรงยกตัวอย่างเป็นพิเศษของ นักบุญเปโตร คลาแวร์ มิสชันนารีคณะเยซูอิต ผู้อุทิศชีวิตของตนช่วยเหลือพวกทาส

• พระองค์ทรงเชื้อเชิญชาวโคลัมเบียให้อุทิศตนเองด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง ในการอบรมมิสชันนารี ซึ่งจะพบความเป็นจริงโดยปราศจากวิสัยทัศน์แคบๆ
ที่ได้รับต่อๆ กันมา แต่ด้วยสายตาและหัวใจแบบของพระเยซูเจ้า
.
• พระสังฆราชแห่งเมเดลลิน แสดงความชื่นชมยินดีในการเสด็จมาของพระสันตะปาปา โดยการถวายภาพพระมารดาพรหมจารีย์แห่งคริสตชน องค์อุปถัมภ์เมือง
แด่พระสันตะปาปาในตอนท้าย