มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

พระคริสตเจ้าคือสมอเรือแห่งความหวังของเรา (Liturgy of the Lord’s Passion: 'Christ is the anchor of our hope')

 

พระคริสตเจ้าคือสมอเรือแห่งความหวังของเรา (Liturgy of the Lord’s Passion: 'Christ is the anchor of our hope')

     พิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ณ พระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน พระคาร์ดินัลคลอดิโอ กูเกโรตติ (Cardinal Claudio Gugerotti) สมณมนตรีแห่งสมณสภาเพื่อพระศาสนจักรตะวันออก เป็นประธานในพิธีระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าในฐานะผู้แทนของพระสันตะปาปาฟรังซิส และคุณพ่อโรแบร์โต ปาโซลินี คณะกาปูชิน (Fr. Roberto Pasolini, OFM Cap) ผู้เทศน์ประจำสันตะสำนักวาติกันเป็นผู้เทศน์ โดยเน้นว่า "พระคริสตเจ้าคือสมอเรือแห่งความหวังของเรา "พิธีกรรมซึ่งประกอบไปด้วย 3 ภาค คือ 1) การอ่านพระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าจากพระวรสารของนักบุญยอห์นและบทภาวนาเพื่อมวลชน 2) การนมัสการไม้กางเขน และ 3) การรับศีลมหาสนิท

 

ชัยชนะที่ขัดแย้ง (Paradoxical victory)

     หัวใจของสำคัญของตรีวารปัสกา (Easter Triduum) นั้น ได้ซ่อนพระธรรมล้ำลึกแห่งวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ระหว่างสีขาวของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์และวันอาทิตย์ปัสกา พิธีกรรมของวันนี้เปลี่ยนเป็น "สีแดง" "เชื้อเชิญให้เราไตร่ตรองถึงความรักสูงสุดที่เปิดเผยในพระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า" นี่ไม่ใช่วันที่พ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะที่ขัดแย้งกัน

 

ความลึกล้ำแห่งไม้กางเขน (The 'intelligence of the Cross')

     นี่เป็น “ความลึกล้ำของไม้กางเขน” ในสมัยที่ปัญญาประดิษฐ์และปัญญาทำนายครอบงำความคิดของเรา ไม้กางเขนได้เสนอปัญญาในรูปแบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่คำนวณหรือแข่งขัน แต่เพียงรักและให้ #ปัญญาประเภทนี้ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ แต่เป็นปัญญาส่วนบุคคลอย่างลึกซึ้งและเปิดรับพระเจ้า ในโลกที่ถูกหล่อหลอมด้วยการคำนวณของคอมพิวเตอร์ (algorithm) ไม้กางเขนได้ฟื้นฟูอิสรภาพที่แท้จริง นั่นคือ #อิสรภาพในการรัก แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม ในจดหมายถึงชาวฮีบรู ซึ่งเราอ่านว่า “ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ คร่ำครวญ และร่ำไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้าทรงฟังเพราะความเคารพยำเกรงของพระเยซูเจ้า” (ฮีบรู 5:7)

     เมื่อมองอย่างผิวเผินเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ เพราะบางคนอาจสงสัยว่าพระเจ้าจะ “ทรงได้ยิน” พระเยซูได้อย่างไร? ในเมื่อพระองค์ยังคงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน “พระธรรมล้ำลึกอยู่ที่คำตอบของพระบิดา ไม่ใช่ด้วยการช่วยให้พระบุตรไม่ต้องทนทุกข์ แต่ด้วยการประทานพลังให้พระองค์ยอมรับความทุกข์อย่างเสรี การ “ละทิ้งอย่างสิ้นเชิง” (total abandonment) นี้คือการที่พระคริสตเจ้ายอมรับพระประสงค์ของพระบิดาด้วยความไว้วางใจ แม้ว่าจะนำไปสู่ความมืดมนก็ตาม”

 

สามชั่วเวลา (Three moments)

     สามช่วงเวลาในพระมหาทรมานที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความไว้วางใจนี้
1) #ในสวนเกทเสมนี (in Gethsemane) เมื่อพระองค์เผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาจับกุมพระองค์ พระองค์ก้าวออกมาข้างหน้า และตรัสว่า “เราเป็น” (เทียบ ยอห์น 18:4–6) นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นความคิดริเริ่มที่กล้าหาญ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น” (ยอห์น 10:18) ช่วงเวลานี้ พระองค์แสดงให้เราเห็นว่าแม้ในยามทุกข์ยาก เราก็สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้ “ในยามที่เราเจ็บป่วย วิกฤต และผิดหวัง เรายังสามารถเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ แต่เพื่อให้ยังคงเป็นอิสระและหยั่งรากในความเชื่อ”

2) จากไม้กางเขนที่พระเยซูตรัสว่า “ #เรากระหาย ” (ยอห์น 19:28) ความกระหายนี้ที่เผยให้เห็นถึงความเปราะบางของพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสว่า “พระองค์ทรงขอสิ่งที่พระองค์ไม่สามารถประทานให้พระองค์เองได้” และทรงแสดงให้เราเห็นว่า #ความรักไม่ได้หมายถึงการให้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการรับด้วย ”


3) คำพูดสุดท้ายของพระเยซูที่ว่า “ #สำเร็จบริบูรณ์แล้ว ” (ยอห์น 19:30) นี่ไม่ใช่เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง แต่เป็นการประกาศการสำเร็จสมบูรณ์ “พระเยซูเจ้าทรงมอบทุกสิ่ง ชีวิต และพระวิญญาณของพระองค์ โดยไม่มีเงื่อนไข
“ในการกระทำครั้งสุดท้ายนี้” พระเยซูเจ้า “ทรงเผยให้เห็นว่า อิสรภาพและความหมายที่แท้จริง ไม่ได้มาจากความเข้มแข็งหรือการควบคุม #แต่มาจากการยอมจำนน ”

 

มอบความไว้วางใจแก่ตัวเราเอง (Entrusting ourselves)

     ด้วยความคิดนี้ ในการเตรียมตัวสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวัง พระสันตะปาปาฟรังซิสจึงได้เตือนเราว่าพระเยซูเจ้าคือ “สมอเรือแห่งความหวังของเรา” (ฮีบรู 6:19) ความหวังนั้นยากที่จะยึดไว้ได้เมื่อเราทุกข์ยาก “คำเชื้อเชิญในวันนี้ คือให้ปฏิบัติตามคำเตือนใจในฮีบรูที่ว่า “ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ” (ฮีบรู 4:16) ดังนั้น เราเข้ามาที่กางเขนไม่ใช่เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เพื่อ “วางใจในพระธรรมล้ำลึกของมัน—และให้การวางใจนั้นหล่อหลอมชีวิตของเรา” ด้วยเหตุนี้ ให้เราเข้าร่วมในพิธีกรรมบูชาอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ เมื่อเราเข้าใกล้ไม้กางเขนในวันนี้ อย่าทำเป็นแค่เพียงพิธีกรรมภายนอก แต่ให้ตัดสินใจ “เราเลือกที่จะฝากตัวเองไว้กับวิธีที่พระเจ้าเลือกเพื่อช่วยโลก ไม่ใช่ด้วยการขจัดความทุกข์ แต่ด้วยการก้าวผ่านความทุกข์ไปกับเรา”

 

พระวาจาแห่งความหวังและการปลอบโยน (Words of hope and comfort)

     ไม้กางเขนไม่ได้สัญญาถึงการปลอบโยน แต่สัญญาถึงความรัก “เราอาจรู้สึกไม่พร้อม และกำลังของเราอาจน้อย แต่พระจิตเจ้าจะทรงเติมเต็มจิตใจของเรา ด้วยพลังอันอ่อนโยนของความรักอันศักดิ์สิทธิ์” ดังนั้น “เราจึงสามารถรักเพื่อน ๆ รักครอบครัวของเรา และรักได้แม้แต่คนที่ทำให้เราเจ็บปวด เพราะเราได้รับความรักจากพระองค์ก่อน (1 ยอห์น 4:19)”

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown