พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรอดและเป็นแสงสว่างของเรา (Pope at Angelus: ‘Jesus is our salvation and our light’)

     เมื่อตอนเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 โอกาสฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำสวดบททูตสวรรค์แจ้งสาร และเทศน์สอนว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรอดของประชาชาติและทรงเป็นแสงสว่างของเรา โดยขอให้เราแสวงหาการพบปะกับพระเจ้าอย่างแท้จริง จากพระวรสารของลูกา (ลูกา 2:22-40) ซึ่งเล่าถึงพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ ได้นำพระกุมารเยซูเจ้าไปที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม และได้ฟังคำพยากรณ์ของผู้เฒ่าสิเมโอนและนางอันนาเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าที่นั่นว่า “การช่วยไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มให้รอดที่รอคอยมานานได้มาถึงแล้ว”

พระเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ (God is present among His people)

     การที่พวกเขายอมรับว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ปฏิบัติตามพระสัญญาของพระเจ้า ตอกย้ำความแปลกประหลาดใจในช่วงเวลานี้ว่า “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่ภายในกำแพงทั้งสี่ด้าน แต่ทรงดำเนินชีวิตอย่างมนุษย์ท่ามกลางมนุษย์” พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ ได้รับฟังผู้เฒ่าสิเมโอนทำนายเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าด้วยถ้อยคำสำคัญสามคำ คือ #ความรอด #แสงสว่าง และ #สัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรอด (Jesus is salvation)

     ประการแรก ผู้เฒ่าสิเมโอนประกาศว่าในเด็กคนนี้ ได้เปิดเผยความรอดสากลให้กับทุกคน ซึ่งเป็นความจริงอันน่าเกรงขามที่ตอกย้ำว่า ความรักแห่งการไถ่กู้ของพระเจ้านั้นรวมอยู่ในคน ๆ เดียวโดยสมบูรณ์

พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง (Jesus is light)

     ประการที่สอง พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง พระองค์ทรงส่องสว่างโลกเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ขจัดความมืดแห่งความทุกข์ทรมาน ความชั่วร้าย และความตาย ซึ่งยังคงส่งผลให้กับมนุษยชาติจนถึงทุกวันนี้

พระเยซูทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง (Jesus is a sign of contradiction)

     ในที่สุด พระเยซูเจ้าทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง เผยให้เห็นความจริงอันลึกซึ้งเกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์ อาศัยพระเยซูเจ้า ประวัติศาสตร์ถูกตัดสินด้วยมาตรฐานเดียวกัน นั่นก็คือ #ความรัก “พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยกฎเกณฑ์ที่ใช้ตัดสินประวัติศาสตร์และบทละครตลอดจนชีวิตของเราแต่ละคน กฎเกณฑ์นี้ก็คือความรัก ใครก็ตามที่รักก็จะมีชีวิต ใครที่เกลียดชังก็จะตาย” ขอให้ทุกคนตรวจสอบความคาดหวังทางจิตวิญญาณของตนเองโดยถามตัวเองว่า “ชีวิตฉันกำลังรออะไรอยู่? ความหวังสูงสุดของฉันคืออะไร? ใจของฉันปรารถนาที่จะเห็นพระพักตร์ของพระเจ้าหรือไม่? ฉันกำลังรอการปรากฏของแผนการแห่งความรอดสำหรับมนุษยชาติอยู่หรือเปล่า?” ขอให้ทุกคนอธิษฐานภาวนาร่วมกันต่อพระนางมารีย์ “ขอให้พระนางได้ร่วมเดินทางไปกับเราผ่านแสงสว่างและเงาแห่งประวัติศาสตร์ในการเดินทางของเราไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า”