ขอให้เราปลูกฝังมิตรภาพและความปรองดองกันในฐานะผู้จาริกบนหนทางไปสู่พระเจ้า (Pope: May we cultivate friendship and harmony as pilgrims on our way to God)
- รายละเอียด
- หมวด: vatican news
- เขียนโดย Nuphan Thasmalee
- ฮิต: 305
ขอให้เราปลูกฝังมิตรภาพและความปรองดองกันในฐานะผู้จาริกบนหนทางไปสู่พระเจ้า (Pope: May we cultivate friendship and harmony as pilgrims on our way to God)
เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเสด็จไปเยือนมัสยิดอิสติกลัล (Istiqlal Mosque) ในกรุงจาการ์ตา เพื่อร่วมการประชุมศาสนสัมพันธ์ โดยทรงแสดงความเคารพต่อ “ของขวัญอันยิ่งใหญ่” ของบุคคลที่ทำงานด้านศาสนสัมพันธ์ การเคารพซึ่งกันและกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งเราทุกคนถูกเรียกมา
ดร.นะซารุดดิน อุมัร อิหม่ามใหญ่ (Grand Imam, Dr. Nasaruddin Umar) ได้พาพระสันตะปาปาฟรังซิสเยี่ยมชม " #อุโมงค์แห่งมิตรภาพ " (Tunnel of Friendship) ซึ่งเป็นทางเดินใต้ดินที่เชื่อมระหว่างมัสยิดอิสติกลัลกับอาสนวิหารอัสสัมชัญ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกันเพียงแค่ถนนสามเลนที่คั่นอยู่ตรงกลาง
จากนั้น ทั้งสองท่านได้ลงนามในปฏิญญาแห่งอิสติกลัลปี 2024 (Declaration of Istiqlal 2024) โดยมีใจความสำคัญว่า ค่านิยมร่วมกันของธรรมประเพณีทางศาสนาทั้งหมดจะได้รับการส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพในการ "เอาชนะวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงและความเฉยเมย" และส่งเสริมการคืนดีและสันติภาพ
ในคำปราศรัยของพระสันตะปาปาฟรังซิส พระองค์ทรงขอบคุณอิหม่ามใหญ่สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และทรงเตือนทุกคนว่า สถานที่สำหรับนมัสการและการละหมาดแห่งนี้ เป็น “ #บ้านอันยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติ ” ที่ผู้คนสามารถใช้เวลาคิดถึง “ความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด” ที่เรามีอยู่ในใจของเรา และต้องการ “แสวงหาการพบปะกับพระเจ้า และมีประสบการณ์แห่งความชื่นชมยินดีในมิตรภาพกับผู้อื่น”
ปลูกฝังการเสวนาและความปรองดอง (Cultivating dialogue and harmony)
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้แบ่งปัน “ของขวัญอันยิ่งใหญ่” ของชาวอินโดนีเซียในงานของพวกเขาเพื่อส่งเสริม “การเสวนา การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างศาสนาและความรู้สึกทางจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน” ประวัติศาสตร์ของมัสยิดเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพยายามเหล่านี้ โดยกล่าวถึงสถาปนิกคริสตชนในท้องถิ่นที่มีชื่อว่า ฟรีดริช ซิลาบัน (Friedrich Silaban) ที่เป็นผู้ชนะการแข่งขันออกแบบเพื่อสร้างมัสยิดแห่งนี้ ขอให้เราได้บ่มเพาะของขวัญนี้ในทุก ๆ วัน “เพื่อว่าประสบการณ์ทางศาสนาจะทำให้เราได้นึกถึงสังคมที่เป็นพี่น้องกันและสงบสุข”
การเผชิญหน้าและการเสวนา (Encounter and dialogue)
“อุโมงค์แห่งมิตรภาพ” ที่เชื่อมระหว่างมัสยิดและอาสนวิหาร ยังเป็น “สัญลักษณ์ที่มีความหมาย” เนื่องจากสักการะสถานทั้งสองแห่งนี้ ไม่เพียงแต่อยู่ตรงข้ามกันเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงถึงกันด้วย นั่นหมายถึง “การเผชิญหน้า การเสวนา... และประสบการณ์ที่แท้จริงของความเป็นพี่น้องกัน” ขอให้การเดินทางทางจิตวิญญาณของเราแต่ละคน “เดินตามหาพระเจ้าและมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เปิดกว้าง อันอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความรักซึ่งกันและกัน การปกป้องจากความเคร่งครัด การนับถือศาสนาตามตัวอักษรและสุดโต่ง ซึ่งเป็นอันตรายและไม่มีเหตุผล”
มองอย่างลึกซึ้งอยู่เสมอ (Always look deeply)
“สิ่งสำคัญประการหนึ่งในทุก ๆ ศาสนา คือการแสวงหาการพบปะกับพระเจ้า ความกระหายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทรงวางไว้ในหัวใจของเรา การแสวงหาความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่า และชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าความตายชนิดใด ๆ ซึ่ง กระตุ้นการเดินทางในชีวิตของเราและผลักดันให้เราก้าวออกจากตัวเองเพื่อเผชิญหน้ากับพระเจ้า”
ด้วยการมองอย่างลึกซึ้งลงไปในชีวิตของเรา เราสามารถซาบซึ้งได้ว่า ในแง่ของ "ความกระหายหาที่ไม่สิ้นสุด" ร่วมกัน เราสามารถค้นพบว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร? "ผู้แสวงบุญทุกคนกำลังเดินทางไปหาพระเจ้า เกินกว่าสิ่งที่จะทำให้เราแตกต่างกัน”
การปลูกฝังพันธสัญญาแห่งมิตรภาพ (Cultivating bonds of friendship)
ความสำคัญของการรักษาสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ อยู่ที่สิ่งที่ทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันท่ามกลางความร่ำรวยของความหลากหลายของเรา เหมือนกับที่เรากำลัง “แสวงหาความจริงร่วมกัน” เราสามารถเรียนรู้จากธรรมประเพณีทางศาสนาของกันและกันและเอามารวมกัน “เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษยชาติและจิตวิญญาณ” นอกจากนี้เรายังสามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันได้ เช่น การปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การช่วยเหลือผู้ยากจน การส่งเสริมสันติภาพ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม
การถูกเรียกมาเพื่อส่งเสริมความปรองดองทางศาสนา (Called to foster religious harmony)
“การส่งเสริมความปรองดองทางศาสนาเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ” เป็นการเรียกร้องร่วมกันของเรา ดังชื่อของปฏิญญาที่เราเพิ่งลงนาม เราสามารถร่วมกันตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ สงคราม ความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานมากมาย “น่าเสียดายที่บางครั้งเกิดจากการบิดเบือนทางศาสนา” ด้วยการส่งเสริมค่านิยมร่วมกันในธรรมประเพณีทางศาสนาอย่างมีประสิทธิผล เราสามารถทำงานเพื่อ “เอาชนะวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงและความเฉยเมย… และส่งเสริมการปรองดองและสันติภาพ”
“หากเป็นความจริงที่ว่า เราเป็นที่ตั้งของเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จงรู้ไว้ว่า สมบัติอันล้ำค่าที่สุด คือความมุ่งมั่นที่จะประสานความแตกต่างให้สอดคล้องกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน แทนที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง…ขอให้เราทุกคนช่วยกันฝันถึงอิสระเสรีภาพ สังคมที่เป็นพี่น้องกันและสงบสุข และมนุษยชาติ!”