สันตะสำนักเปิดเผยคำขวัญวันสันติภาพสากล2025 (Vatican reveals theme for 2025 World Day of Peace)

     “โปรดอภัยแก่เรา โปรดประทานสันติสุขแก่เรา” เป็นหัวข้อที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเลือกไว้สำหรับ “วันสันติภาพสากล” ครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2025

     “สันติภาพที่แท้จริงเท่านั้น จะสามารถเติบโตได้จากการกลับใจอย่างแท้จริงในทุกระดับ ทั้งในระดับบุคคล ระดับท้องถิ่น และระดับสากล” จากแถลงการณ์ในหัวข้อวันสันติภาพสากล 2025

     จากแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2024 สมณกระทรวงเพื่อการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม (Dicastery for Promoting Integral Human Development) กล่าวว่า “สันติภาพไม่เพียงมาจากการสิ้นสุดของความขัดแย้งเท่านั้น แต่ยังมาจากความเป็นจริงใหม่ที่บาดแผลได้รับการเยียวยา และศักดิ์ศรีของแต่ละคนได้รับการยอมรับ”

     วันสันติภาพโลก ตรงกับวันที่ 1 มกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันสมโภชพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า นับตั้งแต่ก่อตั้งวันสันติภาพสากลครั้งแรกในปี 1967 โดยนักบุญพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 หลังจากนั้นพระสันตะปาปาทุกพระองค์ ได้ออกสาส์นวันสันติภาพสากลในหัวข้อที่สอดคล้องกับ สหประชาชาติ สิทธิมนุษยชน การทูต และการพัฒนาเศรษฐกิจ

     หัวข้อที่พระสันตปาปาฟรังซิส ทรงเลือกไว้สำหรับวันสันติภาพสากลประจำปี 2025 คือ “โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้า โปรดประทานสันติสุขแก่เรา” ซึ่งสอดคล้องกับ “ความเข้าใจในพระคัมภีร์และของพระศาสนจักรในปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลี 2025” ที่จะมาถึง

ความหวังและการให้อภัยเป็นหัวใจของปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลี (Hope and forgiveness at the heart of the Jubilee)

     ในแถลงการณ์ สมณสภาฯ กล่าวว่า หัวข้อนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสมณลิขิตเวียนของพระสันตะปาปาฟรังซิส “เลาดาโต ซี” (Laudato sí) และ “เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน (Fratelli tutti) “และเหนือสิ่งอื่นใดคือ แนวคิดเรื่องความหวังและการให้อภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของปีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเวลาสำหรับการกลับใจ ไม่ใช่เป็นการประณาม แต่เป็นการสร้างความปรองดองและสันติสุขแทน”

     สมณสภาฯ กล่าวต่อไปว่า “เมื่อพิจารณาความเป็นจริงของความขัดแย้งและบาปทางสังคม ที่สร้างความทุกข์ทรมานแก่มนุษยชาติในปัจจุบัน ในแง่ของความหวังที่มีอยู่ในธรรมประเพณีปีศักดิ์สิทธิ์ ของการอภัยบาปและการยกหนี้ ร่วมกับการไตร่ตรองงานเขียนของบรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจกัร ในเรื่องนี้ มีหลักการที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้น ซึ่งสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ สังคม เศรษฐกิจ ระบบนิเวศ และวัฒนธรรมที่จำเป็นอย่างมาก”