มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

ไม่มีอุโมงค์ฝังศพใดที่จะระงับความยินดีแห่งชีวิตได้ (‘With Jesus no tomb will suppress the joy of life’)

 

ไม่มีอุโมงค์ฝังศพใดที่จะระงับความยินดีแห่งชีวิตได้ (‘With Jesus no tomb will suppress the joy of life’)

     เมื่อเย็นวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ 30 มีนาคม 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นประธานในพิธีตื่นเฝ้าปัสกา ณ พระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชิญชวนให้เรา “เงยหน้าขึ้น” ไปที่พระเยซูเจ้า พระเจ้าแห่งชีวิต และทรงเตือนเราว่าการต้อนรับพระองค์ ไม่มีความล้มเหลวใดที่จะทำให้เราสิ้นหวังได้ นอกจากนั้นแล้วพระองค์ยังทรงโปรดศีลล้างบาปและศีลกำลังให้กับผู้ใหญ่ จำนวน 8 คน คือ ชาวอิตาลี 4 คน, ชาวเกาหลีใต้ 2 คน, ชาวญี่ปุ่น 1 คน, และชาวแอลเบเนีย 1 คน

 

ใครจะเป็นผู้กลิ้งหินออกจากอุโมงค์?  (“Who will roll away the stone from the tomb?”)

     ในบทเทศน์ของพระองค์ได้ทรงไตร่ตรองถึงเรื่องราวในพระวรสารเกี่ยวกับบรรดาสตรีที่ไปยังอุโมงค์ว่างเปล่าของพระเยซูเจ้า โดยมีช่วงเวลาสำคัญ 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนนั้นคือ

 

ประการแรก ในตอนแรกบรรดาสตรีโศกเศร้ากับคำถามที่ว่า “ ใครจะเป็นผู้กลิ้งหินออกจากหลุมศพ?”

     “หินก้อนนั้น อุปสรรคอันท่วมท้น เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่สตรีรู้สึกในใจ มันแสดงถึงการสิ้นสุดของความหวังของพวกเขา ซึ่งบัดนี้ถูกบดบังด้วยความลึกลับที่คลุมเครือและน่าเศร้า ซึ่งทำให้ความฝันของพวกเขาสิ้นสุดลง”

 

หลุมฝังศพที่เราพบในชีวิตของเรา (The tombstones we encounter in our lives)

     บางครั้งในชีวิต เราก็ประสบกับความรู้สึกจมอยู่กับความโศกเศร้าและความสิ้นหวังเช่นกัน “เราพบกับหลุมศพเหล่านี้ ในความว่างเปล่าที่ถูกทิ้งไว้โดยการตายของคนที่เรารัก ในความล้มเหลวและความกลัวที่ขัดขวางเราไม่ให้บรรลุผลสำเร็จ ดีที่เราตั้งใจทำ ในรูปแบบการหมกมุ่นอยู่กับตนเองทุกรูปแบบที่ขัดขวางแรงกระตุ้นของเราต่อความมีน้ำใจและความรักที่จริงใจ ในกำแพงยางแห่งความเห็นแก่ตัวและความเฉยเมย ที่รั้งเราไว้ไม่ให้พยายามสร้างเมืองที่ยุติธรรมและมีมนุษยธรรมมากขึ้น และสังคมในความปรารถนาของเราเพื่อสันติภาพที่ถูกทำลายด้วยความเกลียดชังอันโหดร้ายและความโหดร้ายของสงคราม”

 

ชัยชนะของชีวิตเหนือความตาย (The victory of life over death)

 

ประการที่สอง “ เงยหน้าขึ้น”

     เช่นเดียวกับบรรดาสตรีที่แบกความมืดมิดนี้ไว้ในใจ บอกเราถึงบางสิ่งที่พิเศษมาก เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเธอเห็นว่าก้อนหินหนักนั้นถูกกลิ้งกลับไปแล้ว เผยให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า “ชัยชนะแห่งชีวิตเหนือความตาย ชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด การเกิดใหม่ของความหวังท่ามกลางซากปรักหักพังของความล้มเหลว”

 

ให้เราเงยหน้าขึ้นมองพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นองค์ปัสกาของเรา (Let us look up to Jesus, our Pasch)

     ขอให้เราได้ “เงยหน้าขึ้นมอง” พระองค์ “ถ้าเรายอมให้พระเยซูเจ้าทรงจูงมือเรา ไม่มีประสบการณ์แห่งความล้มเหลวหรือความโศกเศร้า ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด ก็จะไม่มีคำสุดท้ายเกี่ยวกับความหมายนี้ และชะตากรรมชีวิตของเรา “หากเรายอมให้ตนเองได้รับการเลี้ยงดูโดยพระเจ้าผู้กลับฟื้นคืนพระชนมชีพ ไม่มีความพ่ายแพ้ ไม่มีความทุกข์ทรมาน ไม่มีความตายใด ที่จะสามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของเราไปสู่ความบริบูรณ์แห่งชีวิตได้”

     โดยการต้อนรับพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็น “องค์ปัสกาของเรา” “พระเจ้าแห่งชีวิต” เข้ามาในชีวิตของเรา และตรัสว่า “ใช่” ต่อพระองค์ “ไม่มีหินใดมาขวางทางสู่หัวใจของเรา ไม่มีหลุมฝังศพใดที่จะระงับความสุขของ ชีวิตไม่มีความล้มเหลวใดที่จะทำให้เราสิ้นหวัง” “ให้เราเงยหน้าดูพระองค์ พระเจ้าผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ และมุ่งหน้าต่อไปด้วยความมั่นใจว่า ท่ามกลางฉากหลังที่คลุมเครือ ของความหวังที่ล้มเหลวและความตายของเรา ชีวิตนิรันดรที่พระองค์เสด็จมานั้นยังปรากฏอยู่แม้ในเวลานี้ ท่ามกลางพวกเรา”

     “บุรุษแห่งความโศกเศร้าไม่ได้อยู่ในคุกอีกต่อไปแล้ว เขาได้เปิดช่องโหว่บนกำแพงแล้ว เขากำลังรีบไปพบคุณ ในความมืดมิด ให้มีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีอย่างไม่คาดคิดดังกึกก้อง พระองค์ทรงพระชนมชีพอยู่ พระองค์ทรงกลับเป็นขึ้นมาแล้ว!”

 

 

 

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown