มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

ขอให้ปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลีช่วยให้ประชากรของพระเจ้ามีความหวัง ("May the Jubilee help the People of God live hope")

 

ขอให้ปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลีช่วยให้ประชากรของพระเจ้ามีความหวัง ("May the Jubilee help the People of God live hope")

     เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปราศรัยกับสมาชิกของสมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสาร (Dicastery for Evangelization) แผนกคำถามต่าง ๆ พื้นฐานเกี่ยวกับการประกาศพระวรสาร โอกาสประชุมใหญ่ประจำปี ถึงปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลีแห่งความหวังที่กำลังจะมาถึง โดยละเรียกร้องให้มีการส่งเสริม "จิตวิญญาณแห่งความเมตตา" เพื่อเอาชนะลัทธิฆราวาสนิยม (secularism) “เมื่อการประกาศข่าวดีดำเนินการโดยการเจิมและรูปแบบแห่งความเมตตา ก็จะได้รับการรับฟังที่ดีขึ้น และหัวใจก็เปิดกว้างมากขึ้นต่อการกลับใจ”

 

การประกาศพระวรสารด้วยคำพูดทางโลก (Evangelization in a secularized word)

     พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเริ่มสุนทรพจน์ของพระองค์ ซึ่งอ่านโดยมงซินญอร์ฟิลิปโป เชียมปาเนลลี (Monsignor Filippo Ciampanelli) โดยไตร่ตรองถึงความจำเป็นในแนวทางใหม่ในการประกาศพระวรสารในโลกแห่งวัตถุนิยม และปัจเจกนิยมของเรา พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ลัทธิฆราวาสนิยมได้ก่อให้เกิด “ความยากลำบากมากมาย” ซึ่งรวมถึง “ตั้งแต่การสูญเสียความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคริสตชน ไปจนถึงการเพิกเฉยต่อความศรัทธาและการมีส่วนร่วมในชุมชน” ผลกระทบด้านลบเหล่านี้ ได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นโดยวัฒนธรรมดิจิทัลใหม่

     ซึ่ง “ยังนำมาซึ่งวิสัยทัศน์ของมนุษย์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาหากอ้างถึงการแสวงหาความจริงที่มีอยู่ในทุกคน” (ความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากจนไม่สามารถมีจุดรวมร่วมกันได้ในบางเรื่อง)“ประเด็นสำคัญตรงหน้าเราก็คือ การเข้าใจวิธีเอาชนะความร้าวฉานที่เกิดขึ้นในการถ่ายทอดความเชื่อ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพกับครอบครัวและกับศูนย์ฝึกอบรมต่าง ๆ” “เพื่อที่จะถ่ายทอดได้ ความเชื่อในพระเจ้าผู้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการประกาศพระวรสาร จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์สำคัญในครอบครัวและชุมชนคริสตชนในการเผชิญหน้ากับพระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิต หากปราศจากการพบปะกัน ทั้งที่เกิดขึ้นจริงและมีอยู่จริง เราก็จะตกอยู่ภายใต้การล่อลวงให้ความเชื่อเป็นเพียงทฤษฎี และไม่ใช่ประจักษ์พยานของชีวิตเสมอ”

     ในเรื่องนี้ พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยินดีกับสารบบใหม่สำหรับคำสอนคำสอนที่ออกในปี 2020 โดยสภาสันตะสำนักเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ (Pontifical Council for Promoting the New Evangelization) ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่ “ถูกต้อง” และมีประสิทธิภาพ “ไม่เพียงแต่สำหรับการฟื้นฟูวิธีการสอนคำสอนเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด “สำหรับ การมีส่วนร่วมของชุมชนคริสตชนโดยรวม”

 

บทบาทสำคัญของครูคำสอน (Crucial role of catechists)

     โดยเน้นถึงบทบาทที่สำคัญของครูคำสอน “บรรดาบิชอปจะสามารถเลี้ยงดู และติดตามกระแสเรียกในพันธกิจนี้” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่คนหนุ่มสาว “เพื่อว่าช่องว่างระหว่างรุ่นจะลดลงและการถ่ายทอดความเชื่ออาจไม่ปรากฏเป็นงานที่มอบหมายให้คนแก่เท่านั้น” “ข้าพเจ้าขอแนะนำให้พวกคุณ ค้นหาวิธีที่จะทำให้คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก เป็นที่รู้จัก ศึกษา และมีคุณค่าต่อไป เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใหม่ ๆ ที่ปรากฏออกมาในทศวรรษที่ผ่านมา”

 

การส่งเสริมจิตตารมณ์แห่งความเมตตา ("Promotion a "spituality of mercy")

     “จิตวิญญาณแห่งความเมตตา” เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของงานประกาศพระวรสาร “ความเมตตาของพระเจ้าไม่เคยขาด และเราถูกเรียกให้เป็นพยานต่อพระเมตตา และเพื่อให้พระเมตตาดังกล่าวเผยแพร่ใน เส้นเลือดในร่างกายของพระศาสนจักร” ในเรื่องนี้ พระสันตะปาปาฟรังซิสชี้ให้เห็นถึงงานอันล้ำค่า ที่ดำเนินการโดยมิชชันนารีแห่งความเมตตาตามประกาศเรื่อง “พระพักตร์แห่งความเมตตา” (Misericordiae vultus) ของพระองค์ในปี 2015 ตามด้วยปีศักดิ์สิทธิ์พิเศษแห่งความเมตตาในปี 2016 “ด้วยการรับใช้อย่างใจกว้างของศีลอภัยบาป ที่จะให้พระสงฆ์ทุกคนค้นพบพระหรรษทาน และความยินดีอีกครั้ง ในการเป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจของพระเจ้าผู้ให้อภัยเสมออย่างไร้ขีดจำกัด”

 

จำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวัง (Need for prayer to prepare for the Jubilee of Hope)

     ในที่สุด พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงไตร่ตรองถึง การเตรียมปีศักดิ์สิทธิ์ยูบีลีแห่งความหวังปี 2025 ซึ่งพระองค์จะทรงประกาศอย่างเป็นทางการในพระสมณสาส์นที่จะออกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าว่า “ข้าพเจ้าหวังว่าข้อความเหล่านั้นจะสามารถช่วยให้ผู้คนจำนวนมาก ได้ไตร่ตรองและเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อพบกับความหวังอย่างแท้จริง ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าต้องการมันมาก!” ขอขอบคุณสมณสภาสำหรับความพยายามในการต้อนรับผู้แสวงบุญ หลายล้านคนที่จะหลั่งไหลมายังกรุงโรมในปีหน้า พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปิดท้ายด้วยการนึกถึงความสำคัญของการอธิษฐานภาวนา

     เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่กำหนดให้ปี 2024 เป็นปีแห่งการอธิษฐานภาวนา “เราจำเป็นต้องค้นพบการอธิษฐานภาวนาอีกครั้งว่า เป็นประสบการณ์ในการประทับอยู่ของพระเจ้า เป็นความรู้สึกที่พระองค์เข้าใจ ต้อนรับ และรักเรา” “พี่น้องทั้งหลาย เรามาเริ่มอธิษฐานภาวนาให้มากขึ้น อธิษฐานให้ดียิ่งขึ้น ในโรงเรียนของพระนางมารีย์และของนักบุญทั้งหลาย”

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown