มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED
HOT NEWS
สามเณราลัยนักบุญยอแซฟอำลาและต้อนรับ: วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ ได้มีพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสอำลา คุณพ่อทั้ง 2 ท่าน ที่ได้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ใหม่- คุณพ่อ ดิษพล รุ่งโรจน์วรวัฒนา- คุณพ่อ ณัฐพล เอี่ยมเศรษฐีและในขณะเดียวกันเป็นการต้อนรับ คุณพ่อ,สังฆนุกร และซิสเตอร์ ที่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ แห่งนี้ - คุณพ่อ ธนบูรณ์ พูนผล- คุณพ่อ พัฒน์พงษ์ แซ่ฟรุ้ง- สังฆนุกร ภัควัฒน์ หยึกประเสริฐ- ซิสเตอร์ วีรวรรณ กิจเจริญ- ซิสเตอร์ สุวารร เทวีพันธ์- ซิสเตอร์ สายทอง ธรรมสรณ์กุล ขอเชิญร่วมพิธีมิสซาสมโภชพระตรีเอกภาพ : ขอเชิญร่วมพิธีมิสซาสมโภชพระตรีเอกภาพ วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2024 เวลา 10.30น. อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์: วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2024 คุณพ่อประจักษ์ บุญเผ่า ได้มาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์(ศีลสมรส) ณ วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่  ประชุมศาสนาคริสต์5องค์การ: ในวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2024 เวลา 14.00 น. ณ ชั้น 10 อาคารสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย มุขนายกยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย/ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ เป็นประธานการประชุมศาสนาคริสต์ 5 องค์การ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมดังนี้ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้แก่ 1.บาทหลวงสุวัฒน์ เหลืองสอาด ผู้ช่วยเลขาธิการสภาประมุขฯ2.บาทหลวงสมเกียรติ บุญอนันตบุตร เลขาธิการคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อศาสนสัมพันธ์ฯ3.คุณวรินทร เหมะ เลขานุการฯ สภาคริสตจักรในประเทศไทย1.ศาสนาจารย์สุรศักดิ์ สกุลปั้นทรัพย์ ปลัดสำนักเลขาธิการสภาคริสตจักรฯ สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย1.ศาสนาจารย์ออมสิน เปสลสกุล นายทะเบียนสหกิจคริสเตียนฯ2.ศาสนาจารย์อนันต์ ดะนัย ประสานงานมิชชันนารีสหกิจฯมูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ 1.ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนาน อบรม Basic Bibliodrama Workshop: กลุ่มผู้หว่านรุ่นที่ 8 อบรม Basic Bibliodrama WorkshopDay I : Basic Bibliodrama Workshop (20 May 2024) สำหรับคอร์สผู้หว่าน 8 จัดโดยแผนกพระคัมภีร์ ฝ่ายงานอภิบาลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 12 ท่าน และมีสมทบจากซิสเตอร์และผู้ฝึกหัดคณะภคินีผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ 5 ท่าน ครูคำสอนจากวัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร 1 ท่าน รวมเป็น 18 ท่าน โดยมีคุณครูประภา วีระศิลป์ และคุณครูทัศนีย์ มธุรสสุวรรณ เป็น Facilitators และอาจารย์มนต์สิงห์ ไกรสมสุข กับคุณวิมลรัตน์ กิจบำรุง แผนกพระคัมภีร์เป็น ผู้ประสานงานฯ ตลอดการอบรมในคอร์สฯ *วันแรกเป็นการกล่าวต้อนรับด้วยบทเพลง Enas Methos Dance *แนะนำตัวผู้เข้ารับการอบรมฯ *ความสำคัญของงานพระคัมภีร์ (จากสมณสาสน์ Dei Verbum , Verbum Domini และ Evangelii Gaudium และ CBF-SEA) *ความเป็นมาของ Bibliodrama (Hand Picture) * Bible Enthronment * แผนที่ชีวิตของพระเยซูเจ้า (Life M

วันอาทิตย์มหาทรมาน

สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นด้วยวันอาทิตย์(ใบลาน)พระทรมานของพระเยซูเจ้า เริ่มต้นด้วยความชื่นชมยินดี ฉลองการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าของพระเยซูเจ้า (เป็นการทำนายล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์) การเข้าสู่กรุงยรูซาเล็มยังเป็นการทำนายล่วงหน้าถึงการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ของคริสตชน

     เราจะเห็นว่าสิ่งที่พระศาสนจักรเน้นในการฉลองพิธีกรรมในวันนี้ คือ การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า (บทนำของพระทรมานและภาพล่วงหน้าของการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า) และพระทรมานของพระคริสตเจ้า

ในหนังสือพิธีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์หน้า 5 ให้ความหมายของวันนี้ว่า “วันนี้ พระศาสนจักรระลึกถึงพระคริสตเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เพื่อธรรมล้ำลึกปัสกาจะได้สำเร็จไป”

โครงสร้างของพิธีกรรมในอาทิตย์ใบลานแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือ

1.พิธีระลึกถึงพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในฐานะกษัตริย์และพระแมสสิยาห์

2. พิธีมิสซาโดยเริ่มจากบทภาวนาของประธาน ภาคพระวาจาซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่พระทรมานของพระเยซูเจ้า (ใน
ปีA อ่านพระวรสารของนักบุญมัทธิว ปีB อ่านพระวรสารของนักบุญมาระโก ปีC อ่านพระวรสารของนักบุญลูกา) พิธีมิสซา
ตามปกติและจบด้วยการอวยพรอย่างสง่า

โครงสร้างของส่วนแรก พิธีระลึกถึงพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มมีดังนี้

อาภรณ์ที่พระสงฆ์ใส่เป็นสีแดง (เน้นที่พระทรมานและการเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า จะเห็นว่าสีแดงจะใช้อีกในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์) เพลงลำนำที่ร้องเน้นพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์และพระแมสสิยาห์(เพลงที่ 53)“โฮซันนาแด่โอรสของดาวิด ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามของพระเจ้า ข้าแต่พระราชาแห่งอิสราเอล”

     ต่อจากนั้นเป็นบทนำ บทภาวนาเสกใบลาน พระสงฆ์พรมน้ำเสกที่ใบลาน การอ่านพร ะวรสารเรื่องการเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าของพระเยซู(ในปีA อ่านพระวรสารของนักบุญมัทธิว ปีB อ่านพระวรสารของนักบุญมาระโกหรือพระวรสารของนักบุญยอห์น ปีC อ่านพระวร สารของนักบุญลูกา) หลังจากนั้นเป็นการแห่ ระหว่างที่แห่อ่านบทสดุดีที่ 24 และ47 และเพลงสรรเสริญพระคริสตกษัตริย์ จะเห็นว่าภาพพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ถูกเน้นอย่างชัดเจน

     ใบลานเป็นสิ่งคล้ายศีลไม่ใช่เครื่องรางที่มีอำนาจในตัวเอง แต่การที่คริสตชนเก็บใบลานไว้ที่บ้าน เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงคว ามเชื่อในพระเยซูเจ้า กษัตริย์และพระแมสสิยาห์ และในชัยชนะปัสกาของพระองค์

การแห่มีสองแบบ (จากหนังสือพิธีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์) คือ การแห่อย่างสง่า (ทำได้ครั้งเดียวในมิสซาใหญ่ของวัด) และการแห่อ ย่างธรรมดา

     ใบลานเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ พระเยซูเจ้าทรงประทับนั่งบนหลังลูกลา หมายถึงพระองค์เป็นสันติราชา ไม่ใช่กษัตริย์นักรบ(ที่ขี่รถม้าเข้ามา) ประชาชนชาวอิสราเอลมาต้อนรับกษัตริย์ คือ พระเยซูเจ้า และภาพของ การเป็นกษัตริย์ของพระองค์ชัดเจนที่สุดคือโดยพระทรมาน (ในภาควจนพิธีกรรม การอ่านพระทรมานของพระเยซูเจ้า)

     ดังนั้นการแห่ใบลานจึงเป็นหัวใจสำคัญของพิธีระลึกถึงพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรู ซาเล็ม เพราะการแห่ใบลานเป็นการแสดงว่าเรารับพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ของเรา และเราพร้อมที่จะร่วมการถวายบูชาของพระองค์บนไม้กางเขนในพิธีมิสซา

หลังจากแห่ใบลานแล้วพิธีกรรมเริ่มด้วยบทภาวนาของประธานทันที

บทอ่านที่ 1 จากหนังสือของประกาศกอิสยาห์ อสย 50:4-7 พูดถึงผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ยอมรับการทรมาน และพระเจ้าจะทรงเสด็จมาช่วยเหลือผู้รับใช้นั้น แน่นอน ผู้รับใช้นั้นหมายถึงพระเยซูเจ้า และถ้าเรามองแต่เพียงด้านความเจ็บปวดของพระเยซูเจ้าแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเรายังเข้าใจพระทรมานของพระองค์ไม่ครบ เพราะพระทรมานจะต้องนำไปสู่การกลับคืนพระชนมชีพอย่างรุ่งโรจน์เสมอ เราเห็นได้ชัดจากบทอ่านที่ 2 ในจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี ฟป 2:6-11 “พระองค์ทรงยอมรับแม้ความต าย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นอย่างสูงส่ง.... และเพื่อชนทุกชาติทุกภาษาจะได้ประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระ
เจ้าพระบิดา”


พระวรสารกล่าวถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า ขณะอ่านพระทรมาน เราคุกเข่าเมื่อถึงตอนที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ การคุกเข่าในแง่พิธีกรรมเป็นอากัปกริยาที่แสดงถึงการเป็นทุกข์ถึงบาปหรือการนมัสการแสดงความเคารพอย่างสูงสุด

บทนำขอบพระคุณกล่าวถึง “การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน ได้ชำระล้างข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นบาป การกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ท่าน ทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ชอบธรรม”

ภาพของการฉลองในพิธีกรรมวันนี้ แม้จะเน้นที่พระทรมานแต่ก็เป็นพระทรมานที่นำไปสู่การกลับคืนพระชนมชีพ คือ ชัยชนะของพระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ ผู้ปกครองในดวงใจของเราคริสตชน

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

 

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2016 วันอาทิตย์ใบลาน

 

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 50:4-7
     องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้ามีลิ้นเหมือนลิ้นของศิษย์ที่พระองค์ทรงสอนเพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพูดจาให้กำลังใจแก่ผู้เหน็ดเหนื่อยทุกๆเช้า พระองค์ทรงปลุกข้าพเจ้า ทรงปลุกหูข้าพเจ้าให้ฟังเหมือนศิษย์ที่พระองค์ทรงสอนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเปิดหูให้ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ไม่ต่อต้าน ไม่หันหลังหนีไปข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้โบยตีข้าพเจ้าและหันแก้มให้แก่ผู้ที่ดึงเคราข้าพเจ้าข้าพเจ้าไม่ซ่อนหน้าแก่ผู้สบประมาทและถ่มน้ำลายรดองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้าดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ต้องละอายข้าพเจ้าทำหน้าของข้าพเจ้าให้ด้านเหมือนหินข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะไม่อับอาย

 

 

 

เพลงสดุดี                                                                    สดด 22:7-8,18-19,22-23ก
     ก) ผู้ใดเห็นข้าพเจ้าก็เยาะเย้ย
เขายิ้มหยันและสั่นศีรษะ พลางพูดว่า
"เขาวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ให้พระองค์ทรงช่วยซิ
ถ้าพระองค์ทรงรักเขา ก็ให้พระองค์ทรงปลดปล่อยเขา”
     ข) เขานำเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามาแบ่งปันกัน
นำเสื้อยาวของข้าพเจ้ามาจับสลากกัน
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงอยู่ห่างจากข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นพลังของข้าพเจ้า โปรดเสด็จมาช่วยข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด
     ค) แล้วข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระองค์แก่บรรดาพี่น้อง
จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชากรที่มาชุมนุมกัน
ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระองค์เถิด
พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย จงถวายพระพระเกียรติแด่พระองค์
พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงเคารพยำเกรงพระองค์

 

 

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวฟีลิปปี           ฟป 2:6-11
     พี่น้อง แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้าพระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้นเป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหนแต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้นทรงรับสภาพดุจทาสเป็นมนุษย์ดุจเราทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตายเป็นความตายบนไม้กางเขนเพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่งและประทานพระนามให้แก่พระองค์พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้นเพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดินรวมทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าพระบิดา

 

 

 

พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าตามพระวรสารนักบุญลูกา          ลก 23:1-49
     ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น นำพระองค์ไปมอบให้ปีลาต เขาเหล่านั้นตั้งข้อกล่าวหาพระองค์โดยพูดว่า “เราพบคนคนนี้ยุยงประชาชนของเรา ห้ามเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์ กษัตริย์” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านพูดเองแล้ว”ปีลาตจึงพูดกับบรรดาหัวหน้าสมณะและประชาชนว่า “เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้”แต่พวกเขาย้ำอีกว่า “เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่”เมื่อปีลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่” เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอำนาจของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งในขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม
เมื่อกษัตริย์เฮโรดทอดพระเนตรเห็นพระเยซูเจ้า ก็ทรงยินดีมาก เพราะทรงได้ยินเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า มีพระประสงค์จะเห็นพระองค์มานานแล้ว และทรงหวังจะได้เห็นอัศจรรย์จากพระเยซูเจ้าบ้าง กษัตริย์เฮโรดตรัสถามพระเยซูเจ้าหลายเรื่อง แต่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงตอบแต่ประการใด บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมกันกล่าวหาพระเยซูเจ้าอย่างรุนแรง กษัตริย์เฮโรดพร้อมกับบรรดาทหารสบประมาทเยาะเย้ยพระเยซูเจ้า ให้พระองค์สวมเสื้อสีฉูดฉาดและส่งกลับไปมอบให้ปีลาต กษัตริย์เฮโรดและปีลาตซึ่งแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ก็กลับเป็นเพื่อนกัน
     ปีลาตเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะ บรรดาผู้นำและประชาชน แล้วพูดกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายนำชายผู้นี้มาหาเราในฐานะเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราไต่สวนเขาต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว แต่ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใดตามที่ท่านกล่าวหา กษัตริย์เฮโรดก็ไม่ทรงพบความผิดประการใดด้วย จึงทรงส่งเขากลับมาให้เราอีก ท่านก็เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดที่ควรจะมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น เราจะสั่งให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยไป”แต่ประชาชนร้องตะโกนพร้อมกันว่า “ฆ่าเขาเสีย ปล่อยบารับบัสให้เรา”บารับบัสผู้นี้ถูกจำคุกเพราะก่อการจลาจลในเมืองและฆ่าคน
     ปีลาต้องการปล่อยพระเยซูเจ้า จึงพูดกับประชาชนอีก แต่คนเหล่านั้นร้องตะโกนกลับมาว่า “เอาไปตรึงกางเขนเอาไปตรึงกางเขน”ปีลาตพูดกับประชาชนเป็นครั้งที่สามว่า “เขาทำผิดอะไร เราไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรที่ควรจะมีโทษถึงตาย ดังนั้น เราจะให้เฆี่ยนเขาและปล่อยไป”แต่ประชาชนยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป ขอให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน และเสียงของประชาชนดังขึ้นๆ
     ปีลาตจึงตัดสินให้เป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชน ปล่อยคนที่ถูกจำคุกเพราะก่อการจลาจลและฆ่าคน และมอบพระเยซูเจ้าให้เขาจัดการตามความพอใจ
ขณะที่บรรดาทหารนำพระองค์ออกไป พวกเขาเกณฑ์ชายคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีนซึ่งกำลังกลับจากชนบท วางไม้กางเขนบนบ่าของเขาให้แบกตามพระเยซูเจ้า ประชาชนจำนวนมากติดตามพระองค์ไปรวมทั้งสตรีกลุ่มหนึ่งซึ่งข้อน-อกคร่ำครวญถึงพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทางสตรีเหล่านี้ ตรัสว่า “ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้สงสารเราเลย แต่จงร้องไห้สงสารตนเองและลูกๆ เถิด เพราะวันนั้นจะมาถึง เมื่อประชาชนจะพูดว่า ‘หญิงที่เป็นหมัน ครรภ์ที่มิได้ให้กำเนิดบุตร และนมที่มิได้เลี้ยงลูกก็เป็นสุข’ เวลานั้นประชาชนจะพูดกับภูเขาว่า ‘จงถล่มลงมาทับเราเถิด’ และพูดกับเนินเขาว่า ‘จงกลบเราไว้เถิด’เพราะถ้าเขาทำกับไม้สดเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับไม้แห้ง” บรรดาทหารนำผู้ร้ายสองคนไปประหารพร้อมกับพระองค์ด้วย
เมื่อมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเนินหัวกะโหลก บรรดาทหารตรึงพระองค์ที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างขวาและอีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ทหารนำเสื้อผ้าของพระองค์ไปจับสลากแบ่งกัน
     ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร”แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ”มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า “ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว”
ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือจงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ”แต่อีกคนหนึ่งดุเขา กล่าวว่า “แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกันกับท่านผู้นี้ สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย”แล้วเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์”พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์”
     ขณะนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน ทั่วแผ่นดินมืดไปจนถึงเวลาบ่ายสามโมงเพราะดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็สิ้นพระชนม์
     เมื่อนายร้อยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พูดว่า ‘ชายคนนี้เป็นผู้ชอบธรรมแน่ทีเดียว’ ประชาชนที่มาชุมนุมกันดูเหตุการณ์นี้ เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ข้อน-อก พากันกลับไป ทุกคนที่รู้จักคุ้นเคยกับพระองค์ รวมทั้งบรรดาสตรีที่ติดตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีต่างยืนอยู่ห่างๆ คอยดูเหตุการณ์นี้

 

 

 

ข้อคิด
     พระจิตเจ้าดลใจประกาศกอีซายให้ทำนายว่าพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์จะรับทรมานและสิ้นพระชนม์อย่างไร. พระองค์ทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระบิดาโดยยอมรับการทรมานและความตายตายเพื่อช่วยให้มนุษยชาติได้รอด. ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมามนุษย์จึงมีฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ มนุษย์สามารถเรียกพระเจ้าว่าพระบิดา เรียกเพื่อนร่วมโลกว่าเป็นพี่น้องกัน

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown