มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

5. พระทรมานและการกลับคืนพระชนมชีพ (บทที่14-16)

บทที่ 14

การวางแผนกำจัดพระเยซูเจ้า

14 1สองวันก่อนจะถึงวันปัสกาและเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ บรรดามหาสมณะและธรรมาจารย์คิดหาอุบายเพื่อจับกุมพระเยซูเจ้า จะได้ฆ่าเสีย

2เขาพูดกันว่า 'อย่าทำในวันฉลองเลย มิฉะนั้น ประชาชนจะก่อการจลาจล'


การเจิมที่เบธานี

3พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี ในบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน ขณะที่กำลังประทับที่โต๊ะอาหาร หญิงคนหนึ่งถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงเข้ามา นางทุบขวดหินขาวแตก และเทน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์

4คนที่นั่นบางคนพูดกันอย่างไม่พอใจว่า 'ทำไมจึงทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่าๆ?

5น้ำมันหอมนี้อาจจะขายได้เงินมากกว่าสามร้อยเหรียญ แล้วเอาเงินไปให้คนยากจน' เขาเหล่านั้นบ่นว่านาง

6พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า 'ปล่อยนางเถิด ทำให้นางยุ่งยากใจทำไม? นางได้ทำกิจการดีต่อเรา 7

ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ ท่านจะทำดีแก่เขาเมื่อไรก็ได้ แต่ท่านจะไม่มีเราอยู่กับท่านเสมอไป

8นางได้ทำสิ่งที่นางสามารถทำได้แล้ว นางชโลมกายของเราล่วงหน้าก่อนจะถึงเวลาฝังศพ

9เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ที่ใดในโลกที่มีการประกาศข่าวดีจะมีการกล่าวถึงสิ่งที่นางได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง'


ยูดาสทรยศต่อพระเยซูเจ้า

10ยูดาส อิสคาริโอท หนึ่งในบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคน ได้ไปพบบรรดามหาสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูเจ้าให้

11เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินดังนี้ก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส ยูดาส จึงคอยหาโอกาสที่จะมอบพระองค์

 

การเตรียมงานเลี้ยงปัสกา

12วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เมื่อเขาฆ่าลูกแกะปัสกา บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า 'พระองค์ทรงพระ-ประสงค์ให้เราจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาที่ไหน?'

13พระองค์จึงทรงใช้ศิษย์สองคนไป สั่งเขาว่า'จงเข้าไปในกรุง แล้วจะพบชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่ จงตามเขาไป

14เขาเข้าไปที่ไหน จงถามเจ้าของบ้านว่า "พระอาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ ไหน?"

15เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนมีพรมปูไว้เรียบร้อย จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ'

16ศิษย์ทั้งสองคนได้ออกเดินทางเข้าไปในกรุง พบสิ่งต่างๆดังที่พระองค์ได้ทรงบอกไว้ จึงได้เตรียมปัสกา

 

พระเยซูเจ้าทรงทำนายถึงการทรยศของยูดาส

17ครั้นถึงเวลาค่ำ พระองค์เสด็จมาพร้อมกับบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคน

18ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งที่โต๊ะและรับประทานอาหารอยู่นั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านคนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คือคนหนึ่งที่กำลังรับประทานอาหารร่วมกับเรา'

19บรรดาอัครสาวกรู้สึกสลดใจ และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า 'เป็นข้าพเจ้าหรือ?'

20พระองค์ตรัสว่า 'เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ คือคนที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา

21เพราะบุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในพระคัมภีร์ วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาก็จะดีกว่า'


พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท

22ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง กล่าวถวายพระพร ทรงบิออก ยื่นให้เขา เหล่านั้น ตรัสว่า 'จงรับเถิด นี่คือกายของเรา'

23แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย กล่าวขอบพระคุณ ทรงยื่นให้เขาและทุกคนได้ดื่มจากถ้วยนั้น

24พระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'นี่คือโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก

25เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นใด จนกว่าจะถึงวันที่เราจะดื่มเหล้าองุ่นใหม่ ในพระอาณาจักรของพระเจ้า'


พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์

26เมื่อขับร้องเพลงสดุดีแล้ว ทุกคนออกจากห้องเพื่อไปยังภูเขามะกอกเทศ

27พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า 'ท่านทุกคนจะทอดทิ้งเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะตีผู้เลี้ยงแกะและแกะจะกระจัดกระจายไป

28แต่เมื่อเรากลับคืนชีพแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน'

29เปโตรทูลว่า 'แม้ทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย'

30พระ-เยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนนี้เอง ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง'

31แต่เปโตร ทูลทัดทานอย่างแข็งขันยิ่งขึ้นว่า 'ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย' อัคร-สาวกทุกคนต่างกล่าวเช่นเดียวกัน

ภายในสวนเกทเสมนี

32พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงสถานที่แห่งหนึ่งชื่อ "เกทเสมนี" พระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะที่เราไปอธิษฐานภาวนา'

33แล้วทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์

34พระองค์ทรงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า 'ใจเราเป็นทุกข์แทบสิ้นชีวิต จงอยู่ที่นี่และตื่นเฝ้าเถิด'

35แล้วทรงพระดำเนินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ทรงซบพระกายลงกับพื้นดิน ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้เวลานั้นผ่านพ้นพระองค์ไปถ้าเป็นไปได้

36พระองค์ทูลว่า 'อับบา พระบิดาเจ้าข้า! พระองค์ทรงสามารถทำทุกสิ่งได้ โปรดทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด'

37พระองค์เสด็จกลับมา พบศิษย์ทั้งสามกำลังหลับ จึงตรัสแก่เปโตรว่า 'ซีโมน ท่านหลับหรือ? ท่านไม่สามารถตื่น เฝ้าสักหนึ่งชั่วโมงหรือ?

38จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่เนื้อหนังอ่อนกำลัง'

39แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานภาวนาอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวถ้อยคำเดียวกัน

40ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงพบเขาหลับอยู่อีก เพราะนัยน์ตาลืมไม่ขึ้น และเขาไม่รู้จะทูลตอบพระองค์อย่างไร

41เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'เดี๋ยวนี้ท่านหลับต่อไปและพักผ่อนได้... พอแล้ว เวลาที่บุตร แห่งมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในเงื้อมมือของคนบาปมาถึงแล้ว

42จงลุกขึ้น! ไปกันเถิด ผู้ทรยศต่อเราอยู่ที่นี่แล้ว'

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุม

43ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น ยูดาส หนึ่งในบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคน มาถึงพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งซึ่งถือดาบและไม้ตะบองเป็นอาวุธ คนเหล่านี้บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และผู้อาวุโสได้ส่งมา

44ผู้ทรยศต่อพระองค์ได้ให้สัญญาณแก่คนเหล่านี้ว่า "เราจูบคำนับผู้ใด ก็เป็นคนนั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้แล้วคุมตัว เขาไปอย่างแข็งแรงเถิด'

45เมื่อยูดาส มาถึง ก็ตรงเข้าไปหาพระองค์ ทูลว่า 'พระอาจารย์เจ้าข้า' แล้วจูบคำนับพระองค์

46คนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาจับกุมพระองค์

47คนที่ยืนอยู่ที่นั่นคนหนึ่งชักดาบฟันผู้รับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะ ใบหูขาดไป

48พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามคนเหล่านั้นว่า 'ท่านทั้งหลายถือดาบ ถือตะบองมาจับเราราวกับเราเป็นโจรเทียวหรือ?

49เราอยู่กับท่านทุกวัน สั่งสอนในบริเวณพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้มาจับเรา แต่เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเพื่อให้พระคัมภีร์ เป็นความจริง'

50บรรดาศิษย์ทุกคนได้ทอดทิ้งพระองค์ แล้วหนีไป

51ชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนเดียวตามพระองค์ไป คนเหล่านั้นพยายามจับเขาด้วย

52แต่เขาได้สลัดผ้าป่านนั้นทิ้ง แล้ววิ่งหนีไปแต่ตัวเท่านั้น

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกพิจารณาคดีในสภาสูงของชาวยิว

53บรรดาผู้ที่จับกุมพระเยซูเจ้าได้นำพระองค์ไปยังบ้านของมหาสมณะ บรรดาหัวหน้าสมณะ ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์ทุกคนชุมนุมกันที่นั่น

54ส่วนเปโตรได้ติดตามพระองค์ไปห่างๆจนเข้าถึงภายในลานบ้านของมหาสมณะ และนั่งผิงไฟอยู่กับบรรดาผู้รับใช้

55บรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาสูงทุกคนพยายามแสวงหาพยานเพื่อกล่าวหาพระเยซูเจ้า จะให้ประหารชีวิตพระองค์ได้ แต่เขาหาพยานไม่ได้

56พยานเท็จหลายคนปรักปรำพระองค์ แต่คำให้การของเขาไม่ตรงกัน

57บางคนลุกขึ้นให้การเท็จปรักปรำพระองค์ว่า

58'เราได้ยินเขากล่าวว่า "ฉันจะทำลายวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์นี้ และภายในสามวัน จะสร้างขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์"'

59แม้กระทั่งเรื่องนี้ คำให้การของพยานก็ไม่ตรงกัน

60มหาสมณะจึงลุกขึ้นยืนท่ามกลางที่ชุมนุม ถามพระเยซูเจ้าว่า 'ท่านไม่ตอบอะไรหรือ? พยานเหล่านี้ตั้งข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำท่าน?'

61แต่พระองค์ทรงนิ่ง มิได้ตอบแต่ประการใด มหาสมณะจึงถามพระองค์อีกว่า 'ท่านเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้ควรรับการถวายพระพรหรือ?'

62พระเยซูเจ้าตรัสว่า 'เราเป็น และท่านทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์ประทับนั่ง ณ เบื้องขวาของพระผู้ทรงอานุภาพ และจะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆบนท้องฟ้า"

63มหาสมณะจึงฉีกเสื้อของตน แล้วกล่าวว่า 'เราจะต้องการพยานอะไรอีกเล่า?

64ท่านทั้งหลายต่างได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้วท่านคิดเห็นอย่างไร?' เขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์ควรรับ โทษถึงตาย

65บางคนถ่มน้ำลายรดพระองค์ เอาผ้าปิดพระพักตร์ของพระองค์ ชกต่อยพระองค์ และกล่าวว่า 'จงทายซิ!' บรรดาผู้รับใช้ก็ตบตีพระองค์ด้วย

เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า

66ขณะที่เปโตรอยู่ที่ลานข้างล่าง สาวใช้คนหนึ่งของมหา-สมณะได้มา

67และเมื่อเห็นเปโตรกำลังนั่งผิงไฟอยู่ ก็จ้องมองเขาและกล่าวว่า 'ท่านได้อยู่กับเยซู ชาวนาซาเร็ธด้วย'

68แต่เปโตรปฏิเสธว่า 'ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร' แล้วจึงออกไปที่ทางเข้า และไก่ได้ขัน

69สาวใช้เห็นเปโตร อีกจึงบอกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า 'คนนี้เป็นคนหนึ่งในพวกของเขาด้วย'

70แต่เปโตรได้ปฏิเสธอีก ต่อมาไม่นาน คนที่ยืนอยู่ที่นั่นกล่าวกับเปโตรอีกว่า 'ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาแน่ๆ! เพราะท่านเป็นชาวกาลิลี'

71แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานอย่างแข็งขันว่า 'ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนที่ท่านกำลังพูดถึง'

72ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้แก่ตนว่า 'ก่อนไก่จะขันสองครั้งท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง' และเขาก็วิ่งออกไปร้องไห้

 

บทที่ 15

พระเยซูเจ้าต่อหน้าปิลาต

15 1ครั้นรุ่งเช้า บรรดาหัวหน้าสมณะ พร้อมกับผู้อาวุโส ธรรมาจารย์ และบรรดาสมาชิกสภาสูงทุกคนได้ประชุมตกลงกัน สั่งให้มัดพระเยซูเจ้า และนำไปมอบให้ปิลาต

2ปิลาตจึงถามพระองค์ว่า 'ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?' พระองค์ตรัสตอบว่า 'ท่านพูดเองนะ'

3บรรดาหัวหน้าสมณะพยายามกล่าวหาพระองค์หลายประการ

4ปิลาตจึงถามพระองค์อีกว่า 'ท่านไม่ตอบอะไรหรือ?เห็นไหมเขากล่าวหาท่านหลายประการทีเดียว!'

5แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสตอบอะไรอีก ทำให้ปิลาตประหลาดใจมาก

6ในช่วงเวลาเทศกาล ปิลาตเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งตามคำขอของประชาชน

7มีคนคนหนึ่งชื่อ บารับบัส ถูกจองจำพร้อมกับพวกกบฎที่ได้ฆ่าคนในการจลาจล

8เมื่อประชาชนขึ้นไปขอให้ปิลาตปล่อยนักโทษตามประเพณีที่เคยทำ

9ปิลาตกล่าวแก่เขาว่า 'ท่านต้องการให้เราปล่อยกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?'

10ปิลาตทราบอยู่แล้วว่าบรรดาหัวหน้าสมณะได้มอบพระองค์ให้เพราะความอิจฉา

11แต่บรรดาหัวหน้าสมณะได้เสี้ยมสอนยุยงให้ประชาชนขอปิลาตปล่อยตัวบารับบัสมากกว่า

12ปิลาตถามเขาอีกว่า 'ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำอะไรกับคนนี้ที่ท่านเรียกว่ากษัตริย์ของชาวยิว?'

13ประชาชนร้องตะโกนตอบว่า 'จงเอาเขาไปตรึงกางเขน!'

14ปิลาตถามว่า 'เขาได้ทำผิดอะไร?' แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า 'จงเอาเขาไปตรึงกางเขน!'

15ปิลาตต้องการเอาใจประชาชน จึงปล่อยบารับบัสไป แล้วสั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า มอบพระองค์ให้เขาเอาไปตรึงบน ไม้กางเขน

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม

16บรรดาทหารนำพระองค์เข้าไปในลานชั้นในคือ "จวนของผู้ว่าราชการ" แล้วเรียกทหารทั้งกองมาพร้อมกัน

17เขาเอาเสื้อคลุมสีม่วงแดงมาคลุมให้พระองค์ เอาหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร

18แล้วคำนับพระองค์กล่าวว่า 'ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว! ขอทรงพระเจริญเทอญ'

19เขาเอาไม้อ้อฟาดพระเศียร ถ่มน้ำลายรด แล้วคุกเข่ากราบพระองค์เป็นเชิงเยาะเย้ย

20เมื่อได้เยาะเย้ยพระองค์แล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมสีม่วงแดงเสีย เอาฉลองพระองค์สวมให้ดังเดิม

 

ทางแห่งไม้กางเขน

บรรดาทหารนำพระองค์ไปเพื่อตรึงบนไม้กางเขน

21ชายคนหนึ่งชื่อ ซีโมนชาวไซรีนเป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส กำลังเดินทางจากชนบทผ่านมาทางนั้น บรรดาทหารจึงเกณฑ์ให้เขาแบกไม้กางเขนของพระองค์ไป

22ทหารนำพระองค์มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า "กลโกธา" แปลว่า "เนินหัวกระ-โหลก"


พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน

23ทหารนำเหล้าองุ่นผสมมดยอบให้พระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงรับ

24เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขน แล้วเอาฉลอง-พระองค์มาแบ่งกันโดยจับสลากว่าใครจะได้สิ่งใด

25เมื่อเขาตรึงพระองค์นั้นเป็นเวลาประมาณเก้านาฬิกา

26มีป้ายบอกข้อ-กล่าวหาพระองค์เขียนไว้ว่า 'กษัตริย์ของชาวยิว'

27เขายังได้ตรึงโจรสองคนพร้อมกับพระองค์ด้วย คนหนึ่งอยู่ข้างขวา อีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย(28)


พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนทรงถูกเยาะเย้ย

29ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างสบประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ยว่า 'เอ๊ะ! ท่านผู้ทำลายพระวิหาร และสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในสามวัน!

30จงช่วยตนให้รอดพ้น และลงจากไม้กางเขนเถิด!'

31บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ต่างเยาะเย้ยพระองค์เช่นเดียวกันว่า "เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ แต่ช่วยตน เองไม่ได้

32ให้พระคริสต์ กษัตริย์แห่งอิสราเอลลงมาจากไม้กางเขนบัดนี้เถิด เพื่อเราจะได้เห็นและมีความเชื่อ' แม้ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกับพระองค์ก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย


พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์

33เมื่อถึงเวลาเที่ยง ทั่วแผ่นดินก็มืดไปจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามโมง

34ครั้นถึงเวลาบ่ายสามโมง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า 'เอโลอี เอโลอี ลามา ซาบั๊กทานี?' ซึ่งแปลว่า 'ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า?'

35ผู้ที่ยืนอยู่ที่นั่นบางคนได้ยินจึงพูดว่า 'ฟังซิ เขากำลังร้องเรียกเอลียาห์'

36คนหนึ่งวิ่งไปเอาฟองน้ำจุ่มน้ำส้มเสียบปลายไม้อ้อส่งให้พระองค์ดื่มกล่าวว่า 'เราจงคอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาปลดเขาลงหรือไม่'

37แต่พระเยซูเจ้าทรงเปล่งเสียงดัง แล้วสิ้นพระชนม์

38ม่านในพระวิหารได้ฉีกขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่ด้านบนตลอดจนถึงด้านล่าง

39นายทหารซึ่งยืนเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์สิ้นพระ-ชนม์ดังนั้น จึงกล่าวว่า 'ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว'


กลุ่มสตรีที่เนินกัลวารีโอ

40สตรีบางคนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ในจำนวนนี้มีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบคนเล็ก และของโยเสท และนางสะโลเม

41สตรีเหล่านี้เคยติดตามรับใช้พระองค์เมื่อพระองค์ทรงอยู่ในแคว้นกาลิลี และสตรีอื่นๆอีกหลายคนซึ่งขึ้นมาที่กรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ ก็อยู่ที่นั่นด้วย


การฝังพระศพของพระเยซูเจ้า

42วันนั้นเป็นวันเตรียม -คือวันก่อนวันสับบาโต-

43ครั้นถึงเวลาเย็น โยเซฟชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นสมาชิกที่น่านับถือคนหนึ่งของสภาสูง และกำลังรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า จึงกล้าเข้าไปหาปิลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า

44ปิลาตรู้สึกประหลาดใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายทหารมาถามว่าพระองค์สิ้นพระชนม์นานแล้วหรือ

45เมื่อได้ทราบจากนายทหารแล้ว ปิลาตจึงมอบพระศพให้แก่โยเซฟ

46โยเซฟได้ซื้อผ้าป่านมาผืนหนึ่ง เชิญพระองค์ลงมา เอาผ้าป่านห่อไว้ วางพระองค์ไว้ในคูหาที่ขุดอยู่ในหิน แล้วกลิ้งก้อนหินมาปิดทางเข้าคูหาไว้

47มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสทได้สังเกตว่าเขาวางพระองค์ไว้ที่ใด


การฝังพระศพของพระเยซูเจ้า

42วันนั้นเป็นวันเตรียม -คือวันก่อนวันสับบาโต-

43ครั้นถึงเวลาเย็น โยเซฟชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นสมาชิกที่น่านับถือคนหนึ่งของสภาสูง และกำลังรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า จึงกล้าเข้าไปหาปิลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า

44ปิลาตรู้สึกประหลาดใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายทหารมาถามว่าพระองค์สิ้นพระชนม์นานแล้วหรือ

45เมื่อได้ทราบจากนายทหารแล้ว ปิลาตจึงมอบพระศพให้แก่โยเซฟ

46โยเซฟได้ซื้อผ้าป่านมาผืนหนึ่ง เชิญพระองค์ลงมา เอาผ้าป่านห่อไว้ วางพระองค์ไว้ในคูหาที่ขุดอยู่ในหิน แล้วกลิ้งก้อนหินมาปิดทางเข้าคูหาไว้

47มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสทได้สังเกตว่าเขาวางพระองค์ไว้ที่ใด

 

บทที่ 16

พระคูหาว่างเปล่า ข่าวดีจากทูตสวรรค์

16 1เมื่อวันสับบาโตล่วงไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และนางสะโลเม ได้ซื้อเครื่องหอม เพื่อไปชโลมพระศพของพระเยซูเจ้า

2เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว สตรีทั้งสามคนได้ไปยังพระคูหา

3และกล่าวแก่กันว่า 'ใครจะกลิ้งก้อนหินออกจากทางเข้าพระคูหาให้เรา?'

4แต่เมื่อมองไปก็เห็นว่าก้อนหินนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว - หินก้อนนั้นใหญ่โตมาก -

5ครั้นเข้าไปภายในพระคูหา สตรีทั้งสามคนก็เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมเสื้อยาวสีขาวนั่งอยู่ด้านขวามือ จึงตกตะลึง

6ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวแก่สตรีทั้งสามคนว่า 'อย่ากลัวไปเลย ท่านกำลังแสวงหาเยซู ชาวนาซาเร็ธ ผู้ถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ สถานที่นี้คือสถานที่ที่เขาได้วางพระองค์ไว้

7จงไปแจ้งให้บรรดาศิษย์และเปโตรทราบว่า "พระองค์เสด็จล่วงหน้าท่านทั้งหลายไปในแคว้นกาลิลีแล้ว ท่านจะเห็นพระองค์ที่นั่น ดังที่ได้ทรงบอกท่านไว้"'

8สตรีทั้งสามคนได้ออกจากพระคูหา หนีไปเพราะตกใจกลัวจนตัวสั่นและ ม่ได้เล่าเรื่องใดให้ใครฟังเลย เนื่องจากมีความกลัว

 

พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงสำแดงพระองค์

9 หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน นางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปิศาจเจ็ดตนออกไป

10นางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ 1

1เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางกล่าวว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางได้เห็นพระองค์แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ

12หลังจากนั้น พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ในรูปแตกต่างไปแก่ศิษย์สองคนซึ่งกำลังเดินทางไปชนบท

13เขาทั้งสองได้กลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นกัน

14ในที่สุด พระองค์ได้ทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนขณะที่เขากำลังร่วมโต๊ะรับประทานอาหารอยู่ ทรงตำหนิพวกเขาที่ไม่ยอมเชื่อและมีใจแข็งกระด้าง เพราะไม่ยอมเชื่อผู้ที่ได้แลเห็นพระองค์เมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว

15พระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง

16ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ

17ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปิศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆได้

18จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย'

19เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา

20บรรดาศิษย์ก็ได้แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown