มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2025 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ฉลองพระเมตตา

     ยอห์นเล่าในพระวรสารวันนี้ว่า “ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาประทับยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาศิษย์ซึ่งกำลังชุมนุมกัน”
     พี่น้องครับ นี่ต้องถือว่าเป็นการชุมนุมกันครั้งแรกเพื่อประกอบพิธีในวันต้นสัปดาห์ และในการชุมนุมกันนี้เอง พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ได้เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา ตามที่ทรงสัญญาไว้ว่า “ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา” (มธ 18:20)
ด้วยเหตุนี้ ในหนังสือวิวรณ์ ยอห์นจึงเรียกวันต้นสัปดาห์ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ว่า “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (วว 1:10) เพราะเป็นวันที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาพบปะและเพิ่มพลังให้แก่บรรดาศิษย์ของพระองค์ และเป็นวันที่คริสตชนร่วมกันนมัสการพระเจ้าเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้วันอาทิตย์จึงถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเราคริสตชน
แต่ปัญหาในการชุมนุมกันครั้งแรกก็คือ โทมัสหายไป
     อันที่จริง โทมัสเป็นศิษย์ผู้กล้าหาญและรักพระเยซูเจ้ามาก ท่านเคยชักชวนบรรดาอัครสาวกไปกรุงเยรูซาเล็มกล่าวว่า “พวกเราจงไปตายพร้อมกับพระองค์เถิด” (ยน 11:16)
แต่เมื่อยูดาสนำทหารมาจับกุมพระองค์ โทมัสกลับหลบหนีไป และด้วยความละอายใจ ท่านจึงหลบไปอยู่ตามลำพัง ไม่กล้าสู้หน้ากับคนอื่น
การหลบไปอยู่ตามลำพังทำให้ท่านพลาดโอกาสพบกับพระเยซูเจ้าคราวที่พระองค์เสด็จมาหาบรรดาอัครสาวกครั้งแรก
     ปัญหาของโทมัสก็ยังคงเป็นปัญหาของเราคริสตชนทุกวันนี้ นั่นคือหลายคนชอบหลบหน้าไปจากวัด ไม่ค่อยมาวัดวันอาทิตย์ หรือมาไม่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้พบกับพระเยซูเจ้า พลาดโอกาสที่จะให้พระองค์เพิ่มพูนความเชื่อ จนทำให้ความเชื่อของพวกเขาอยู่ในขั้นวิกฤติ แล้วก็ทำให้วัดหลายแห่งแทบจะกลายเป็นวัดร้าง และกระแสเรียกก็หดหายลงไปทุกวัน
แต่โชคยังดีที่ต่อมาโทมัสไม่พลาดที่จะมาร่วมชุมนุมกับบรรดาผู้มีความเชื่อในวันอาทิตย์ ยอห์นเล่าในพระวรสารวันนี้ว่า “แปดวันต่อมา ซึ่งก็คืออาทิตย์ถัดมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก คราวนี้โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย และก็เช่นเคย พระเยซูเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา” (ยน 20:26)
     และคราวนี้เอง โทมัสได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยตนเอง และทันทีความสงสัยก็เปลี่ยนเป็นความเชื่อ จากที่เคยพูดว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกายของพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” ก็กลายเป็นว่าโทมัสก้มลงกราบนมัสการพระเยซูเจ้า พูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” แล้วโทมัสก็ทุ่มเทชีวิตให้พระองค์อย่างสุดๆ
     ในหนังสือกิจการของโทมัส มีเรื่องเล่าว่า แม้ไม่เต็มใจนัก แต่ท่านก็ยอมไปประกาศข่าวดีที่อินเดียตามที่บรรดาอัครสาวกมอบหมาย พระราชาของอินเดียมีบัญชาให้ท่านสร้างพระราชวังให้พระองค์หลังหนึ่ง พร้อมกับมอบเงินจำนวนมากเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย แต่ท่านกลับนำเงินทั้งหมดไปแจกจ่ายคนจน มิหนำซ้ำยังรายงานพระราชาว่าการก่อสร้างกำลังรุดหน้าไปเรื่อยๆ ที่สุดพระราชาขอให้ท่านพาไปดูพระราชวังหลังใหม่ ท่านทูลว่า “ตอนนี้พระองค์ยังไม่อาจทอดพระเนตรเห็นได้ ต้องรอให้จากโลกนี้ไปก่อน จึงจะทรงเห็นได้” พระราชากริ้วมาก เกือบสั่งประหารชีวิตท่าน แต่เมื่อได้ฟังข่าวดีจากปากของท่านแล้ว พระองค์ทรงกลับใจและเชื่อในพระเยซูเจ้า
     ด้วยการเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลก โทมัสได้นำคริสตศาสนามาสู่อินเดีย !
     พี่น้องลองถามตัวเองสิครับว่า ถ้าโทมัสยังคงหลบหน้าจากวัด แล้วก็ร้องว่า “พิสูจน์มาสิ! พิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพจริง พิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าพระองค์ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอย่างที่เราฉลองกันวันนี้ แล้วฉันจึงจะมาวัด” พี่น้องคิดว่าการพิสูจน์อย่างนี้มันพอมั้ย?
หลายครั้งคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สงสัยและไม่เชื่อมีเพียง 3 คำเท่านั้น นั่นคือ “มาดูสิ”
“มาสิครับพี่น้อง” มาวัด มาให้พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ และทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราในพระวาจาและในศีลมหาสนิท ให้พระองค์เองพูดกับเรา สัมผัสหัวใจของเรา เพื่อเราจะได้ไม่สงสัยอีกต่อไป แต่เชื่อเช่นเดียวกับโทมัส
อย่าลืมว่าคำตอบสำหรับคำถามและความสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อและศาสนาไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้างนอกวัด แต่อยู่ที่นี่ ข้างในวัดของเรานี่แหละ
     เพราะฉะนั้น เมื่อเราเกิดความสงสัย ขอให้นึกถึงโทมัสและเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่าน คือ “มาเถิด มาพบพระองค์ แล้วเราจะเชื่อ”
การมาร่วมพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ จึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นข้อบังคับ แต่ควรถูกมองว่าเป็นสิทธิพิเศษ เป็นอภิสิทธิ์ของคริสตชนที่จะได้มีโอกาสพบปะซึ่งกันและกัน และที่สำคัญจะได้พบปะกับพระเยซูเจ้าพร้อมกับพระเมตตาของพระองค์ด้วยตัวของเราเอง
     เมื่อใดก็ตามที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไปวัดไม่ได้ เช่นเราอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีวัดคาทอลิกอยู่ใกล้ๆ เราป่วย หรือเราต้องดูแลคนอื่นที่กำลังป่วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราสามารถตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าได้เช่นเดียวกับยอห์นซึ่งถูกเนรเทศอยู่ที่เกาะปัทมอส ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลเอเจียน แล้วให้เราอ่านพระวาจา สวดภาวนา และยกจิตใจของเราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและกับพี่น้องคริสตชน แล้วพระเยซูเจ้าพระองค์เองจะเสด็จมาพบเรา มาประทานพระเมตตาและพระพรเดียวกันกับที่พระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับเราทุกคนที่รักและนมัสการพระองค์ด้วยความจริงใจ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown