บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 437
วิธีหนึ่งที่นายพรานโดยเฉพาะชาวแอฟริกันนิยมใช้จับลิงก็คือ ผ่าลูกมะพร้าวออกเป็นสองซีก แคะเนื้อออก เจาะรูที่ซีกหนึ่งให้ใหญ่พอมือลิงลอดเข้าไปได้ อีกซีกหนึ่งวางส้มไว้ลูกหนึ่ง จากนั้นประกบสองซีกเข้าด้วยกัน นำไปผูกไว้ที่ต้นไม้ แล้วตัวนายพรานก็หลบไปรอหลังพุ่มไม้
ไม่ช้าลิงก็จะห้อยโหนลงมาเพราะได้กลิ่นส้ม แล้วก็ล้วงมือลงไปในรูเพื่อจะหยิบส้ม แน่นอนส้มออกมาไม่ได้เพราะมันใหญ่กว่ารู เจ้าลิงก็ยังยืนกรานที่จะดึง ดึง แล้วก็ดึงโดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้า ทันทีนายพรานก็โผล่ออกมาแล้วเหวี่ยงแหคลุมตัวมันไว้ อิสรภาพของมันก็เป็นอันสิ้นสุด
พี่น้องเห็นไหม ตราบใดที่ลิงมันยังกำผลส้ม มันก็ติดกับดัก หนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของมันไว้ได้ก็คือปล่อยผลส้มแล้วหนีไป
วิธีจับลิงเช่นนี้ใช้ได้ผลก็เพราะความโลภของมันนั่นเอง เป็นไปไม่ได้ที่ลิงมันจะได้ทั้งส้มและอิสรภาพพร้อมกัน ทั้งๆ ที่มันมองเห็นนายพรานกำลังมาจับมัน มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากส้ม แถมยังพยายามสุดชีวิตที่จะเอาส้มออกมาให้ได้ นี่เป็นเพราะความโลภของมันเองแท้ๆ
พี่น้องลองจินตนาการดูสิว่าเจ้าลิงตัวนี้มันจะภาวนาครั้งสุดท้ายตอนที่เห็นนายพรานโผล่ออกมาอย่างไร มันคงภาวนาว่า “โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้า ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้ข้าพเจ้าปล่อยมือจากส้ม”
คำภาวนาเช่นนี้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ข้อเท็จจริงก็คือ พวกเราจำนวนมากก็สวดภาวนาเหมือนลิงตัวนี้ อย่างเช่นเศรษฐีหนุ่มในพระวรสารวันนี้ก็คงสวดทำนองเดียวกันว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานชีวิตนิรันดรแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้ข้าพเจ้าต้องละทิ้งทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าเลย”
พี่น้องครับ หากเราเป็นคนรักสัตว์แล้วเห็นลิงกำลังดิ้นรนจะเอาผลส้มขณะที่นายพรานกำลังใกล้เข้ามา เราจะทำอย่างไร? เราคงตะโกนบอกลิงให้ละทิ้งส้มแล้ววิ่งหนีเอาชีวิตรอดไม่ใช่หรือ?
นี่แหละคือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำกับเศรษฐีหนุ่มในพระวรสารวันนี้ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเศรษฐีหนุ่มคนนั้นตกอยู่ในอันตรายใกล้จะเสียชีวิตนิรันดรเพราะมัวแต่ยึดติดอยู่กับทรัพย์สมบัติของตน พระองค์จึงบอกเขาให้ละทิ้งทรัพย์สมบัตินั้นเพื่อจะได้รักษาชีวิตของตนไว้ ที่พระองค์ตรัสเช่นนี้ก็เพราะ “ทรงรักและเอ็นดูเขา” ดังที่มาระโกบอกในพระวรสารวันนี้ว่า “พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู”
จริงอยู่ คำสั่งสอนและคำแนะนำของพระเยซูเจ้า หลายครั้งดูเหมือนยากส์...และเข้าใจไม่ได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นพระองค์ทำไปก็เพื่อความดีของตัวเรานั่นเอง
เพราะฉะนั้น แม้มันจะยาก แต่ถ้าเราตระหนักว่ามันเป็นคำสอนของคนที่รักเรา หวังดีต่อเรา และรู้ดีว่าเราควรจะยึดติดหรือจะปล่อยวางดี เราก็คงจะตอบรับคำสั่งสอนของพระองค์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
เศรษฐีหนุ่มคนนั้นก็เหมือนลิงที่ยืนกรานจะเอาส้มให้ได้ทั้งๆ ที่ชีวิตของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงทรงชี้หนทางเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายให้แก่เขา พระองค์ตรัสว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด”
ตรงนี้แหละที่ทำให้บทอ่านที่สองวันนี้บอกว่า “พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้”
คราวนี้เราลองวินิจฉัยความคิดของเศรษฐีหนุ่มผู้นี้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกว่าคำสอนของพระองค์ยากที่จะปฏิบัติตามล่ะ?
ไม่น่าเชื่อว่าเหตุผลเป็นเพราะเขาเป็นคนศรัทธา พระวรสารบอกว่าเขาถือตามบทบัญญัติมาตั้งแต่เป็นเด็ก สำหรับชาวยิวผู้ศรัทธานั้น พวกเขาเชื่อว่าความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นพระพรของพระเจ้า คนรวยคือคนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ส่วนคนจนคือคนที่พระเจ้าทรงสาปแช่ง แล้วอยู่ๆ จะให้เขาเลิกศรัทธาในพระเจ้าแล้วหันไปทำตนเป็นคนที่ถูกพระเจ้าสาปแช่งได้อย่างไรกัน
แต่เขาคิดผิด ! บรรดาศิษย์ก็คิดผิดด้วย !
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อพระเยซูเจ้าบอกบรรดาศิษย์ว่าเป็นการยากที่เศรษฐีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าอีก พวกเขาจึงประหลาดใจ พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้”
แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ความยากจนไม่ได้เป็นผลมาจากการสาปแช่งของพระเจ้า ตรงกันข้าม การถือความยากจนกลับเป็นหนทางหนึ่งในการตอบสนองความรักของพระองค์ เพราะว่า การนิยมวัตถุหรือวัตถุนิยมนั้นก็คือการเชื่อว่าหากปราศจากความมั่งคั่งร่ำรวย ชีวิตก็จะไม่มีความหมาย ซึ่งเท่ากับเป็นการปฏิเสธความรักของพระเจ้าโดยตรง และเศรษฐีหนุ่มในพระวรสารวันนี้ก็คือผู้ที่เชื่อในวัตถุนิยมอย่างสุดโต่ง และก็พลาดโอกาสทองที่จะได้ติดตามพระเยซูเจ้าและรับชีวิตนิรันดร
วันนี้ ให้เราวอนขอพระเจ้าเช่นเดียวกับกษัตริย์โซโลมอนในบทอ่านที่หนึ่ง ขอพระองค์โปรดประทานปรีชาญาณแก่เราให้มากกว่าลิงด้วยเถิด เพื่อเราจะได้หลีกหนีจากวัตถุนิยมทุกรูปแบบ เพราะพระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต” (มก 8:36)