พี่น้องครับ ชาวยิวในพระวรสารวันนี้ประสบปัญหาใหญ่เมื่อได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต”
พวกเขาบ่นพึมพำและถกเถียงกันว่าพระองค์จะลงมาจากสวรรค์ได้อย่างไรกัน ในเมื่อพระองค์เป็นเพียงลูกของช่างไม้จนๆ ที่ชื่อโยเซฟเท่านั้น จะมาอวดอ้างตัวเองเป็น “พระเจ้า” ผู้ลงมาจากสวรรค์และสามารถประทานเนื้อของตนให้พวกเขากินได้อย่างไรกัน ?!?
     มันขัดกับความเชื่อของพวกเขาที่ว่า “พระคริสต์นั้น เมื่อเสด็จมา ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จมาจากไหน” (ยน 7:27) พูดง่ายๆ ก็คือถ้าพระคริสต์จะเสด็จมา ก็ต้องเสด็จมาแบบเหนือธรรมชาติ มาแบบน่าพิศวงและน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ในเมื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากับสิ่งที่พวกเขาคาดหวังนั้นมันไม่สอดคล้องกัน พวกเขาจึงไม่ยอมรับพระองค์
     อย่างไรก็ตาม พระเยซูเจ้ายังทรงย้ำว่าพระองค์ทรงเป็น “ปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ และปังที่พระองค์จะให้นี้ คือเนื้อของพระองค์เพื่อให้เรามีชีวิต”
พี่น้องครับ ลำพังขนมปังปิ้งที่เราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ ก็ทำให้ประกาศกเอลียาห์ซึ่งกำลังหลบหนีการไล่ล่าของพระนางเยเซเบล มีกำลังเดินทางได้ถึงสี่สิบวันสี่สิบคืน จนถึงภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นภูเขาของพระเจ้า
แล้วถ้าเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ที่เรารับทุกครั้งในศีลมหาสนิทล่ะ ปังนี้คงไม่เพียงทำให้เรามีกำลังเดินถึงภูเขาของพระเจ้าเท่านั้น แต่จะทำให้เราเดินได้ไกลมากๆ ไกลจนถึงพระอาณาจักรของพระองค์ในสวรรค์เลยทีเดียว
แต่ขอให้พี่น้องสังเกตว่าทั้งๆ ที่ประกาศกเอลียาห์หมดอาลัยตายอยาก หมดแรงที่จะหนี คิดอยากตาย แต่ท่านก็ยังไปถึงภูเขาของพระเจ้าได้ ทั้งนี้เป็นเพราะท่านเชื่อฟังทูตสวรรค์ของพระเจ้า เมื่อทูตสวรรค์บอกให้ท่านลุกขึ้น ท่านก็ลุกขึ้นแล้วออกแรงเดินทางต่อไปตามที่ทูตสวรรค์บอก
     ส่วนเราล่ะ เราได้รับปังทรงชีวิตในศีลมหาสนิทซึ่งมีคุณค่ามากกว่าขนมปังปิ้งของประกาศกเอลียาห์ชนิดเทียบกันไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เพื่อจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางของเรา เราก็ต้องออกแรงเช่นเดียวกับประกาศกเอลียาห์
     วันนี้ ในบทอ่านที่สองนักบุญเปาโลสอนวิธีออกแรงเพื่อเราจะได้บรรลุถึงจุดหมายปลายทางสูงสุดของเรา ท่านสอนว่า “จงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์ จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา”
     นั่นคือให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า และด้วยแบบอย่างของพระเยซูเจ้านี้เอง นักบุญเปาโลจึงบอกให้เราต้องรักกัน ต้องมีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน และต้องให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่เราในองค์พระเยซูเจ้า
     นอกจากต้องออกแรงเลียนแบบอย่างความรักของพระเยซูเจ้าแล้ว นักบุญเปาโลยังบอกให้เราออกแรงกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางเรามิให้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์อีกด้วย นักบุญเปาโลบอกว่า “จงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย”
     พี่น้องครับ ความขมขื่น ก็คือความคิดในแง่ลบ
ความขุ่นเคืองและความโกรธ ก็คือความรู้สึกในแง่ลบ
การขู่ตะคอกและการนินทาว่าร้าย ก็คือการพูดในทางลบ
และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ก็คือการกระทำในทางลบ
     ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องออกแรงลด ละ เลิกให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึก คำพูด หรือการกระทำในเชิงลบ เพื่อว่าอาศัยปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ซึ่งเรารับในศีลมหาสนิท รวมกับการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า คำสัญญาของพระองค์ที่ว่า “ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” จะได้เป็นคำสัญญาที่เป็นจริงสำหรับเราและสำหรับมนุษย์ทุกคน
      พี่น้องครับ หากเราปฏิเสธพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นปังทรงชีวิต เราก็พลาด “ชีวิต” ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ตรงกันข้าม หากเรายอมรับพระองค์เราก็พบ “ชีวิตแท้จริง” ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
     พี่น้องอยากจะ “พลาด” หรืออยากจะ “พบ” กับชีวิตที่แท้จริง วันนี้ก็ตัดสินใจเลือกเอาเถอะ !!!
ขอพระเจ้าโปรดทรงอำนวยพระพรให้พี่น้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง และมุ่งมั่นออกแรงดำเนินชีวิตตามที่ได้ตัดสินใจเลือกด้วยเทอญ