วันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น”
พี่น้องครับ คงไม่มีใครสงสัยว่าพระบิดาจะรักพระเยซูเจ้ามากสักแค่ไหน แต่ที่เราสงสัยก็คือทำไมพระเยซูเจ้าจึงรักเรามากเท่ากับที่พระบิดาทรงรักพระองค์ ทั้งๆ ที่เราไม่มีอะไรจะเทียบเคียงกับพระเยซูเจ้าได้เลย
เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะดูว่า เมื่อพระเยซูเจ้าบอกว่าทรงรักเรามากเท่ากับที่พระบิดาทรงรักพระองค์นั้น พระองค์รักเรามากแค่ไหน?
     คำตอบก็ดูได้จากที่พระองค์ตรัสวันนี้ว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” แล้วพระองค์ไม่ได้เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่ทรงยอมสละชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อเราทุกคนจริงๆ
ลำพังการตายเพื่อมิตรสหายก็แสดงถึงความรักยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว แต่นี่เป็นพระเจ้าที่ทรงยอมสละชีวิตเพื่อสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา เห็นไหมว่าความรักที่พระเยซูเจ้าทรงมีต่อเรายิ่งใหญ่แค่ไหน
นักบุญยอห์นเรียกการที่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวลงมาในโลก มายอมตายแทนเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิตนิรันดรนี้ว่า เป็นการทำให้ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็น ดังที่เราได้ฟังในบทอ่านที่สองวันนี้
และเพราะพระองค์ทรงยอมส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวมาไถ่บาปของเรา นักบุญยอห์นจึงกล่าวว่า “ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า”
     ฟังเผินๆ ดูเหมือนนักบุญยอห์นจะสอนขัดกับความรู้สึกนึกคิดของเรา แต่เหตุผลของนักบุญยอห์นก็คือ ความรักที่เรามีต่อพระเจ้านั้นมีผลประโยชน์แอบแฝง เราต้องการสิ่งตอบแทนจากพระเจ้า ความรักของเราจึงยังไม่ใช่ความรักแท้
แต่การที่พระเจ้าทรงรักและทรงเลือกเราทั้งๆ ที่เราเป็นสิ่งสร้างที่พระองค์ทรงสร้างมา เป็นผู้ต่ำต้อย เป็นคนบาป และอ่อนแอ กระนั้นก็ตามพระองค์ยังทรงส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวลงมาสิ้นพระชนม์เพื่อชดเชยบาป ชดเชยหนี้ทั้งหลายทั้งปวงที่เราติดค้างพระองค์อยู่นี่แหละที่ “เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข” เป็นความรักที่มีแต่ “ให้” เป็นความรักแท้จริง จนนักบุญยอห์นกล้ายืนยันว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก”
     นอกจากพระเยซูเจ้าจะทรงมีความรักแท้ต่อเราแล้ว พระองค์ยังตรัสว่า “เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา”
สิ่งที่พระองค์ได้ยินมาจากพระบิดาและทรงแจ้งให้เราทราบก็คือแผนการที่ต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดพ้น ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรง “มอบภารกิจให้เราไปทำให้เกิดผล” ให้แผนการของพระบิดาสำเร็จเป็นจริง
     จึงขึ้นกับเราแต่ละคนว่าจะตอบรับ หรือจะปฏิเสธ การเป็นมิตรสหายกับพระองค์ หากเราน้อมรับภารกิจในอันที่จะทำให้มนุษยชาติรู้จักและหันกลับมาหาพระองค์ เราก็ตอบรับที่จะเป็นมิตรสหายกับพระองค์
     นักบุญเปโตรในบทอ่านที่หนึ่งได้ตอบรับเป็นมิตรสหายกับพระเยซูเจ้าและน้อมรับภารกิจของพระองค์อย่างแข็งขัน แม้ต้องเผชิญกับการต่อต้านของชาวยิวกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่เห็นว่าคนต่างชาติมีมลทินและไม่ต้องการติดต่อกับพวกเขา ท่านก็แหกด่านนำข่าวดีไปประกาศแก่โครเนลิอัสซึ่งเป็นคนต่างชาติจนสำเร็จ และยังได้โปรดศีลล้างบาปให้แก่คนต่างศาสนาเป็นจำนวนมากอีกด้วย
     พี่น้องครับ ในเมื่อพระเจ้าทรงรักและหวังดีต่อเราโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ลำเอียง ไม่เลือกเชื้อชาติมากถึงเพียงนี้ พระองค์จึงตรัสสั่งให้เรารักกัน เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักเรา
ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเราอย่างเหลือล้น และให้เราวอนขอพระเยซูเจ้า โปรดให้เราดำเนินชีวิตสมกับที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงเลือกเราให้เป็นมิตรสหายของพระองค์ และโปรดให้เราน้อมรับภารกิจที่จะทำให้ชุมชนในละแวกบ้านของเรารู้จักพระองค์ ด้วยการที่เรารักกันและกัน เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักเราด้วยเทอญ