บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2023 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 1193
หลังจากพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ เราได้ยินพระองค์สั่งโทมัสให้ดูรอยแผลที่พระหัตถ์และสีข้างพร้อมกับตรัสว่า “จงเชื่อเถิด” (ยน 20:27) และก่อนหน้านั้นพระองค์ก็ทรงย้ำว่า “ใครเชื่อในพระองค์ แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในพระองค์ จะไม่มีวันตายเลย” (ยน 11:25-26)
นอกจากจะทรงสั่งให้เชื่อแล้ว พระองค์ยังสั่งอีกว่า “เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) เราก็เลยคิดกันว่าพระองค์ทรงสั่งให้เราเชื่อ และรักกัน เท่านั้น !!
อันที่จริง พระองค์ทรงสั่งเรื่องอื่นด้วย คือให้เรา “ยินดี” พระองค์ทรงย้ำอยู่เสมอว่า พระองค์เสด็จมาก็เพื่อทำให้ความยินดีของเราสมบูรณ์ (ยน 15:10-11)
วันนี้ นักบุญเปาโลจึงเตือนเราตั้งแต่ต้นบทอ่านที่สอง ให้ระลึกถึงคำสั่งนี้ของพระเยซูเจ้าที่เราแทบจะไม่ได้จดจำกันเลย นั่นก็คือ “จงร่าเริงยินดีเสมอ”
ด้วยเหตุนี้ พระศาสนจักรจึงกำหนดให้วันอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Gaudete Sunday) เพื่อเตือนใจเราให้ระลึกถึงคำสั่งให้เรา “ร่าเริงยินดีอยู่เสมอ”
เราร่าเริงยินดีก็เพราะว่าผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้ทำนายไว้เมื่อ 700 ปีก่อนว่าจะมาประกาศข่าวดีแก่คนยากจน มาปลอบโยนคนที่มีใจชอกช้ำ ประกาศอิสรภาพแก่เชลย ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า บัดนี้ ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ได้ประกาศในพระวรสารวันนี้ว่า ผู้นั้นประทับอยู่ท่ามกลางเราแล้ว ซึ่งตัวท่านเองก็ไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของพระองค์
ยิ่งไปกว่านั้น ในศาลาธรรมที่เมืองนาซาเร็ธ ก็เป็นพระเยซูเจ้าเองที่ทรงประกาศว่า ข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ที่เราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ สำเร็จเป็นจริงแล้ว (ลก 4:21)
การที่เรามีผู้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ผู้ปลอบโยนคนที่มีใจชอกช้ำ ผู้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า ประทับอยู่ท่ามกลางเรานี่แหละ คือสาเหตุที่ทำให้เราร่าเริงยินดีอยู่เสมอ โดยไม่มีเงื่อนไข
พี่น้องอาจสงสัยว่า ทุกวันนี้ ผู้คนมากมายต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางความยากจน ท่ามกลางความชอกช้ำ ท่ามกลางความไม่เข้าใจกัน ท่ามกลางการถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ท่ามกลางโควิด แล้วจะให้เรา “ร่าเริงยินดีอยู่เสมอ” โดยไม่มีเงื่อนไข ได้อย่างไรกัน ?
มีตัวอย่างของอาจารย์และนักพูดสร้างแรงบังดาลใจชาวอเมริกันคนหนึ่งซึ่งรู้จักกันดีในนาม Dr.Love (Leo Buscaglia March 31, 1924 – June 12, 1998) เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของเขาให้ฟังว่า วันหนึ่งพ่อกลับมาบ้านพร้อมกับข่าวร้ายว่าหมดตัวแล้ว เพราะถูกเพื่อนร่วมธุรกิจโกงและเชิดเงินของบริษัทหนีไปหมดสิ้น เย็นวันนั้น แม่ของเขาก็เอาเครื่องประดับ เพ็ชรพลอยมีค่าไปขาย แล้วซื้ออาหารอย่างดีมาเลี้ยงฉลองกัน ชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์ว่าแม่ของเขาใช้เงินแบบไม่รู้จักยั้งคิดทั้งๆ ที่ความยากจนกำลังรออยู่เบื้องหน้า แต่แม่ของเขาอธิบายว่า “ตอนนี้แหละที่เราต้องการความร่าเริงยินดี ไม่ใช่อาทิตย์หน้า”
เห็นไหม แค่เชื่อมั่นว่าพระเยซูเจ้า ผู้เสด็จมาประกาศข่าวดีแก่คนยากจน มาปลอบโยนคนที่มีใจชอกช้ำ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา แม่ของ Dr.Love ก็ร่าเริงยินดีได้เสมอ โดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว
แต่ปัญหาก็คือ ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บอกประชาชนว่า “มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก” ขอย้ำคำว่า “เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก” เพราะว่าปัญหาของผู้คนในสมัยของยอห์น ก็ยังคงเป็นปัญหาของเราทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน
นั่นคือ พระเยซูเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเราสองพันปีมาแล้ว และเราก็กำลังเตรียมจะสมโภชระลึกถึงการบังเกิดของพระองค์อีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่จะเป็นการน่าเสียดายมาก หากเราไม่รู้จักพระองค์
แล้วทำอย่างไรเราจึงจะรู้จักพระองค์ จะได้เชื่อพระองค์ จะได้รักพระองค์ และจะได้มีความร่าเริงยินดีอยู่เสมอเหมือนแม่ของ Dr.Love ล่ะ?
คำตอบอยู่ที่คำพูดของนักบุญเยโรม นักบุญเยโรมบอกว่า “ไม่รู้จักพระคัมภีร์ก็คือไม่รู้จักพระเยซูเจ้า”
เพราะฉะนั้น เพื่อจะรู้จักพระเยซูเจ้า รู้จักความคิด จิตใจ และชีวิตของพระองค์ เครื่องมือที่ดีที่สุดก็คือ “พระคัมภีร์”
ในมิสซาวันนี้ ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าที่โปรดให้เราคาทอลิกมีพระคัมภีร์ภาษาไทยครบทั้งสองภาค ทั้งภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่
และขอพระองค์โปรดให้เราตื่นตัวที่จะรู้จักพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางพระคัมภีร์ เพื่อเราจะได้เชื่อและรักพระองค์ และจะได้ร่าเริงยินดีเสมอ โดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้าตลอดนิรันดร