มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2023 สมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล อัครสาวก

     วันนี้ พระศาสนจักรทั่วโลกร่วมกันสมโภชสองนักบุญผู้ยิ่งใหญ่คือนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล

การที่พระศาสนจักรฉลองนักบุญทั้งสองร่วมกันในวันนี้ มิได้หมายความว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กัน นิสัยเหมือนกัน ราวกับเป็นฝาแฝดคลานตามกันมา
อันที่จริง ทั้งคู่มีความแตกต่างกันมากกว่าจะเหมือนกันเสียอีก
     อันดับแรกเลย ทั้งคู่มีที่มาแตกต่างกัน
      นักบุญเปโตรได้รับการเรียกจากพระเยซูเจ้าโดยตรง พระองค์ตรัสเรียกเปโตรว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” (มธ 4:19) ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังทรงมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้แก่เปโตรดังที่เราได้ฟังในพระวรสารวันนี้อีกด้วย
      ส่วนนักบุญเปาโลนั้นตรงกันข้าม ท่านไม่เคยพบกับพระเยซูเจ้าแบบตัวต่อตัวในขณะที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่เลย แต่หลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์แล้ว ท่านได้พบกับพระองค์อาศัยนิมิตและได้รับการเรียกอาศัยนิมิตอีกเช่นกัน หนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่า ขณะเซาโลกำลังไล่ตามเบียดเบียนพระศาสนจักรใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส “ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวเขาไว้ เขาล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงกล่าวว่า ‘เซาโล เซาโล ท่านเบียดเบียนเราทำไม’ เซาโลจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’ พระองค์ตรัสว่า ‘เราคือเยซู ซึ่งท่านกำลังเบียดเบียน’” (กจ 9:3-6)
     นอกจากที่มาจะต่างกันแล้ว นิสัยของท่านนักบุญทั้งสองก็แตกต่างกันด้วย
     นักบุญเปโตรนั้นเป็นคนหุนหันพลันแล่น ชอบใช้หัวใจมากกว่าหัวคิด ค่ำคืนวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ท่านทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะสละชีวิตเพื่อพระองค์” (ยน 13:37) แล้วหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ท่านก็ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระองค์ถึง 3 ครั้ง
ส่วนนักบุญเปาโลนั้นตรงกันข้าม ท่านใช้หัวคิดมากกว่าหัวใจ จึงดูเหมือนจะเป็นคนแข็ง ไม่ยอมคน ท่านมีการศึกษาสูง ร้อนรน ชอบใช้เหตุผลโต้เถียงเพื่อให้ผู้ฟังเชื่อพระเยซูเจ้า ซึ่งนับเป็นพรสวรรค์พิเศษของท่าน
แต่ใช่ว่าทั้งคู่จะแตกต่างกัน จนหาอะไรที่เหมือนกันไม่ได้ซะเลย
      สิ่งที่เหมือนกันประการแรกเลยก็คือ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเรียกท่านทั้งสอง ไม่ว่าจะเรียกตรงๆ หรือเรียกผ่านนิมิตก็ตาม ท่านทั้งสองตอบรับการเรียกของพระองค์ทันที นักบุญเปโตรทิ้งแหแล้วก็ติดตามพระองค์ ส่วนนักบุญเปาโล เมื่อตาที่บอดกลับมองเห็น ท่านก็เริ่มเทศน์สอนในศาลาธรรมทันที ประกาศว่า “พระเยซูเจ้าพระองค์นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า” (กจ 9:20)
     นอกจากรับการเรียกทันทีแล้ว ทั้งคู่ยังรักพระเยซูเจ้าสุดหัวใจ เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถามนักบุญเปโตรว่ารักพระองค์ไหม ท่านทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” ส่วนนักบุญเปาโล ท่านเขียนจดหมายถึงชาวโรมบอกว่าไม่มีอะไรจะมาพรากท่านจากความรักต่อพระเจ้าได้ “ไม่ว่าความตายหรือชีวิต ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเราได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (รม 8:37-39)
      นอกจากรักพระเยซูเจ้าหมดหัวใจเหมือนกันแล้ว ท่านทั้งสองยังเป็นเสาหลักของพระศาสนจักรเหมือนกันอีกด้วย
     นักบุญเปโตรเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรก ท่านต้องคอยรักษาพระศาสนจักรซึ่งแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วให้เป็นเอกภาพ คอยประสานความคิดของผู้ที่เข้าสุหนัตและไม่เข้าสุหนัตให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ส่วนนักบุญเปาโล แม้ไม่ได้เป็นหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน แต่ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกของบรรดาคนต่างชาติ เราก็เป็นคนต่างชาติเพราะไม่ได้เกิดมาเป็นยิว เป็นเพราะนักบุญเปาโลนี่แหละ เราจึงได้เข้ามาอยู่ในพระศาสนจักรของพระเยซูคริสตเจ้า
      ที่สุด แม้ชีวิตของท่านทั้งสองจะแตกต่างกัน แต่ความตายของท่านทั้งสองนั้นใกล้เคียงกันมาก ทั้งสองถูกทรมาณและตายเป็นมรณสักขีในเมืองเดียวกันคือกรุงโรม และในเวลาไล่เลี่ยกันคือประมาณปี ค.ศ. 64-67 โดยนักบุญเปโตรถูกตรึงกางเขน เอาศีรษะลง ส่วนนักบุญเปาโลถูกตัดศีรษะ ศพของท่านทั้งสองอยู่ใต้พระแท่นใหญ่ในมหาวิหารนักบุญเปโตร และมหาวิหารนักบุญเปาโลตามลำดับ
     สาเหตุที่พระศาสนจักรจัดสมโภชท่านนักบุญทั้งสองรวมกันในวันนี้ ก็เพื่อจะสอนเราว่า “สามัคคีคือพลัง” แม้ท่านทั้งสองจะมีนิสัยต่างกัน มีความรู้ มีพรสวรรค์ มีข้อบกพร่องแตกต่างกัน แต่เมื่อนำมารวมกันก็ทำให้พระศาสนจักรและคำสอนของพระเยซูเจ้าแผ่ขยายออกไปจนสุดปลายแผ่นดิน และตั้งมั่นอยู่จนทุกวันนี้
     นี่จึงเป็นเครื่องเตือนใจเราว่า หากเรายินยอม เราก็เป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการช่วยผู้อื่นให้ได้รับความรอดพ้นได้ ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นคนดีพร้อมเพื่อจะเป็นเครื่องมือของพระองค์ พระองค์สามารถทำงานผ่านเราได้ทั้งๆ ที่เรายังมีข้อบกพร่องและอ่อนแอ เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงกระทำกับนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล ขอย้ำอีกครั้งว่า ขอเพียงเรายินยอมเท่านั้น
ในมิสซานี้ ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงโปรดส่งท่านนักบุญทั้งสองให้มาเป็นเสาหลักของพระศาสนจักร และยังทรงโปรดให้มีพระสันตะปาปาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของท่านนักบุญเปโตรและสืบทอดคำสอนของท่านนักบุญเปาโลสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
     และให้เราวอนขอพระองค์ (ผ่านทางพระแม่มารีย์ พระมารดาของพระองค์และมารดาของชาวเราทุกคน) โปรดให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเราจะมีนิสัยอย่างไร จะชอบวิถีชีวิตแบบนักบุญเปโตรหรือนักบุญเปาโลก็ตาม ขออย่าให้มีความแตกแยกระหว่างพวกเรา เพราะเราทุกคนต่างก็เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า และเป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์องค์เดียวกัน และที่สำคัญเพราะว่า “สามัคคีคือพลัง” !

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown