บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ สมโภชพระคริสตสมภพ
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 347
สุขสันต์วันคริสต์มาสแด่คุณพ่อและพี่น้องทุกท่านครับ
พระเจ้าทรงสัญญาผ่านประกาศกอิสยาห์ในบทอ่านที่หนึ่งว่ากุมารผู้หนึ่งจะเกิดมาเพื่อเรา พระองค์จะทำให้ผู้อยู่ในที่มืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่ ประชาชนจะมีความยินดีชื่นบาน
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาเสมอ 700 ปีต่อมาทูตสวรรค์ไปแจ้งข่าวแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะรู้จักพระองค์ได้จากเครื่องหมายนี้ ท่านจะพบกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า”
นักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองก็ตอกย้ำคำของทูตสวรรค์ว่า “พระหรรษทานของพระเจ้าปรากฎขึ้นแล้ว เพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น”
น่าสังเกตคำของทูตสวรรค์ที่ว่า “เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง” ไม่ใช่เฉพาะแม่พระและนักบุญโยเซฟเท่านั้นที่ยินดี แต่เป็นข่าวดีที่ทำให้ “ทุกคน” ยินดีจริงๆ
แต่จะทำอย่างไรล่ะให้ความยินดีของทุกคน กลายเป็นความยินดีของเราแต่ละคน ?
ประการแรก ให้เราดูแบบอย่างของแม่พระและนักบุญโยเซฟในพระวรสารวันนื้ ก่อนที่ท่านทั้งสองจะมีความยินดีที่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย ท่านต้องประสบกับความยากลำบากแสนสาหัส ไหนแม่พระจะตั้งครรภ์แล้วต้องเดินทางไกล ไหนจะต้องขาดรายได้แต่เพิ่มรายจ่าย ไหนอากาศจะหนาวเหน็บ
เพราะฉะนั้นเพื่อที่เราแต่ละคนจะมีความยินดี มีความสุข เราก็ต้องอดทนเหมือนแม่พระกับนักบุญโยเซฟ เราต้องต่อสู้กับความยากลำบากต่างๆ ในชีวิต ต้องต่อสู้กับตัวเอง ต่อสู้กับปีศาจ อย่างที่ในบทอ่านที่สองนักบุญเปาโลเรียกว่า “ละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา” อาศัยการต่อสู้ดิ้นรนเช่นนี้แหละที่จะนำไปสู่ชัยชนะและความยินดีอย่างแท้จริง พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งแม่พระและนักบุญโยเซฟในการต่อสู้ดิ้นรนฉันใด พระองค์ก็จะไม่ทอดทิ้งเราฉันนั้น
ประการที่สอง ให้เราดูแบบอย่างของพระกุมารที่เราร่วมใจกันสมโภชระลึกถึงการบังเกิดของพระองค์ในค่ำคืนวันนี้ นักบุญเปาโลกล่าวว่า “แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์” (ฟป 2:6-7) และเมื่อทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ก็ทรงถ่อมองค์ลงมาสุดๆ มาบังเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์
สิ่งที่เราเรียนรู้จากพระกุมารคือพระองค์ทรงเลือกเกิดในสถานที่ที่ต่ำต้อยที่สุด และยังทรงเลือกที่จะประทับอยู่กับผู้ที่ต่ำต้อยอีกด้วย พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) เพราะฉะนั้น เพื่อเราแต่ละคนจะได้รับความยินดี เราจึงต้องสุภาพถ่อมตน ยอมรับสภาพอันเป็นคนบาปและความต่ำต้อยของเรา เมื่อเรายอมรับว่าเราเป็นคนบาป เราจะต้องการพระองค์อย่างจริงจัง และเมื่อต้องการพระองค์อย่างจริงจัง พระองค์จะเสด็จมาหาเราทุกคน แม้คนๆ นั้นจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์ อย่างเช่น ไยรัสหัวหน้าศาลาธรรม เมื่อลูกสาวสิ้นใจและมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ไม่เคยปฏิเสธผู้ที่เรียกหาและต้องการพระองค์เลย
เมื่อมีพระองค์ประทับอยู่กับเรา พระองค์สามารถเปลี่ยนเราให้เป็นอย่างที่เราควรจะเป็น ดังที่พระองค์ทรงเปลี่ยนนักบุญเปโตร จากชาวประมงธรรมดาๆ ให้เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกได้ นี่คือความยิ่งใหญ่และความยินดีอย่างแท้จริง
อีกสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากพระกุมารก็คือ พระองค์ทรงยอมลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์ ก็เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อทำให้มนุษย์รู้จักความรักของพระเจ้า รวมความว่าพระองค์เกิดมาก็เพื่อพระเจ้าและเพื่อผู้อื่น
เพื่อเราแต่ละคนจะมีความยินดี เราจึงต้องดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระกุมารโดยคิดถึงพระเจ้าและผู้อื่นก่อนคิดถึงตนเอง สำหรับผู้ที่คิดถึงพระเจ้าและคิดถึงผู้อื่นก่อน อย่างเช่นคนเลี้ยงแกะและโหราจารย์ก็จะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าและได้รับสันติสุขที่พระองค์ทรงนำมาประทานให้ ส่วนผู้ที่คิดถึงแต่ตนเองอย่างเช่นเจ้าของโรงแรม หรือกษัตริย์เฮโรด ชะตากรรมของพวกเขาก็จะตรงข้ามกับคนเลี้ยงแกะและโหราจารย์อย่างสิ้นเชิง
เราจึงต้องละทิ้งตนเอง ละทิ้งสิ่งต่างๆ ที่ยึดเหนี่ยวอยู่ เพื่อทำให้ห้องในหัวใจของเราว่าง แล้วทูลเชิญพระกุมารเข้ามาบังเกิดในจิตใจของเรา เพื่อพระองค์จะได้เปลี่ยนเราให้เราเป็นอย่างที่ควรจะเป็น แล้วสันติจะมีแก่เราผู้ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปราน
ขอให้คริสต์มาสคืนนี้ เป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดและนำความสุขที่สุดมาสู่เราแต่ละคน เพราะพระกุมารได้มีโอกาสเสด็จมาบังเกิดในหัวใจของเรา