วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: เมษายน 2025
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 195
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย. 43:16-21
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ พระองค์ผู้ทรงเบิกทางในทะเล ทรงสร้างทางเดินในน้ำเชี่ยว พระองค์ทรงนำรถศึกและม้า ทรงนำกองทัพและนักรบที่กล้าหาญออกมา เขาเหล่านั้นล้มลงแล้วลุกขึ้นไม่ได้อีกเลย เขามอดดับเหมือนไส้ตะเกียงและสูญหาย พระองค์ตรัสว่า “อย่าจดจำเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีกต่อไป ดูเถิด เรากำลังจะทำสิ่งใหม่ โดยแท้จริง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านไม่รู้ดอกหรือ
เราจะเบิกทางในถิ่นทุรกันดาร เราจะทำให้เกิดแม่น้ำขึ้นในที่แห้งแล้ง แม้กระทั่งสัตว์ป่าก็จะถวายเกียรติแก่เรา คือหมาในและนกกระจอกเทศ เพราะเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร และให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง เพื่อประชากรที่เราเลือกสรรจะได้มีน้ำดื่ม ประชากรที่เราสร้างไว้สำหรับเราจะร้องสรรเสริญเรา”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป. 3:8-14
พี่น้อง นับแต่บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยอมสูญเสียทุกสิ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปฏิกูล เพื่อจะได้องค์พระคริสตเจ้ามาเป็นกำไร และอยู่ในพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีความชอบธรรมที่มาจากธรรมบัญญัติ แต่มีความชอบธรรมเพราะความเชื่อในพระคริสตเจ้า เป็นความชอบธรรมซึ่งพระเจ้าประทานให้ผู้มีความเชื่อ ข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระองค์ รู้จักฤทธานุภาพของการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
ต้องการมีส่วนร่วมในพระทรมานของพระองค์โดยมีสภาพเหมือนพระองค์ในความตาย จะได้บรรลุถึงการกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายด้วย ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุเป้าหมายหรือยังทำไม่สำเร็จ ข้าพเจ้ายังมุ่งหน้าวิ่งต่อไป เพื่อจะช่วงชิงรางวัลให้ได้ ดังที่พระคริสตเยซูทรงช่วงชิงข้าพเจ้าไว้ได้แล้ว พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่คิดว่า ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าทำเพียงอย่างเดียวคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มุ่งสู่เบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง ข้าพเจ้ากำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปหารางวัลที่พระเจ้าทรงเรียกจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้าเข้าไปรับในพระคริสตเยซู
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน. 8:1-11
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร”
เขาถามพระองค์เช่นนี้เพื่อจับผิดพระองค์ หวังจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป
เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อยๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม
พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าได้เคยกล่าววาจานี้ว่า “ เราไม่ได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น ” (ยน 12:47) ซึ่งพระองค์ก็กล่าวโดยตรงอีกครั้ง กับหญิงที่ถูกจับขณะทำผิดว่า “ เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก ”....ในศีลอภัยบาป เรามักจะมุ่งที่การไปสารภาพบาป ที่เหมือนว่า พระเป็นเจ้าคอยการสารภาพบาปของเรา
แต่ในชีวิตประจำวันของเรา พระเป็นเจ้าคอยให้เรามีเวลาอยู่สองต่อสองกับพระองค์บ้าง เหมือนเมื่อ....“ จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น...พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนาง” ในเวลาที่เราอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับพระเยซูเจ้า ประสบการณ์ของการสนทนาด้วยใจจะเกิดขึ้น และจะตามมาด้วยการสัมผัสซึ้งถึงความรักเมตตาของพระ ไม่ว่าเราจะเคยมีชีวิตมาอย่างไร หรือได้เคยกระทำอะไรมาก็ตาม