วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2024 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มกราคม 2024
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 795
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 4:1-11
ชาวอิสราเอลทุกคนจึงฟังถ้อยคำของซามูเอล เนื่องจากเอลีชรามาก และบุตรของเขายังดื้อรั้นอยู่ในความประพฤติชั่วต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ครั้งนั้น ชาวอิสราเอลออกไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย ตั้งค่ายอยู่ที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนชาวฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ที่อาเฟก ชาวฟีลิสเตียตั้งแนวรบเข้าต่อสู้กับชาวอิสราเอล และสู้รบกันอย่างหนัก ชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียซึ่งฆ่าชาวอิสราเอลประมาณสี่พันคนในสนามรบ เมื่อกำลังพลอิสราเอลกลับมาในค่าย บรรดาผู้อาวุโสถามว่า “ทำไมวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงปล่อยให้เราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตีย เราจงไปนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลมาจากเมืองชิโลห์เถิด เพื่อพระองค์จะเสด็จไปกับเรา และทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากศัตรู” ประชากรจึงส่งคนไปที่เมืองชิโลห์ เพื่อนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล ผู้ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ระหว่างเครูบ โฮฟนีและฟีเนหัสบุตรทั้งสองคนของเอลีก็มาพร้อมกับหีบพันธสัญญา เมื่อหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงค่าย ชาวอิสราเอลทุกคนโห่ร้องเสียงดังสนั่นจนแผ่นดินสั่นสะเทือน เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินเสียงโห่ร้อง ก็ถามกันว่า “เสียงโห่ร้องดังเช่นนี้ในค่ายของชาวฮีบรูหมายความว่าอะไร” เมื่อชาวฟีลิสเตียรู้ว่า หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงค่ายชาวฮีบรู เขาก็มีความกลัว พูดกันว่า “พระเจ้าเสด็จมาในค่ายของเขาแล้ว เราแพ้แน่ๆ ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก่อนเลย เราแพ้แน่ๆ ใครจะช่วยเราให้รอดพ้นจากอำนาจของพระเจ้าผู้ทรงอานุภาพนี้ได้ พระเจ้าองค์นี้แหละทรงส่งภัยพิบัติมาทำลายชาวอียิปต์ในถิ่นทุรกันดาร ชาวฟีลิสเตียทั้งหลาย จงกล้าหาญ และเป็นลูกผู้ชายเถิด มิฉะนั้น ท่านจะต้องเป็นทาสของชาวฮีบรู เหมือนที่เขาเคยเป็นทาสของท่าน จงสู้รบอย่างลูกผู้ชายเถิด” ชาวฟีลิสเตียเข้าสู้รบ ชาวอิสราเอลก็พ่ายแพ้ ต่างหนีกลับบ้านของตน เป็นความปราชัยอย่างใหญ่หลวง ชาวอิสราเอลถูกฆ่าตายถึงสามหมื่นคน หีบพันธสัญญาของพระเจ้าถูกยึดไป โฮฟนีและฟีเนหัสบุตรทั้งสองคนของเอลีก็ถูกฆ่าด้วย
สดด 44:9-10,13-14,23-26
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:40-45
เวลานั้น ผู้เป็นโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้า คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตันพระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” ทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หาย เขากลับเป็นปกติ พระเยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำชับอย่างแข็งขันว่า “ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว” แต่เมื่อชายผู้นั้นจากไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจเสด็จเข้าไปในเมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึงประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์
ข้อคิด
การขอให้พระเยซูเจ้าช่วยรักษาของคนโรคเรื้อนนั้น เป็นแบบอย่างของคำภาวนาคำขอที่ถูกต้อง "ถ้าพระองค์ทรงพอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้" เป็นคำขอที่มิใช่เป็นน้ำใจของตนเอง หากแต่ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์
พี่น้อง หลายครั้งการภาวนาวอนขอของเราก็เป็นเพียงความต้องการ เป็นน้ำใจของเราเองเท่านั้น การภาวนาขอด้วยความเชื่อในน้ำพระทัยของพระองค์จึงเป็นวิธีการภาวนาที่เป็นไปตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง "ข้าแต่พระบิดาขอให้กาลิกส์นี้ผ่านพ้นไป แต่ถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ก็ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์" พระเป็นเจ้าทราบดีว่าอะไรดี อะไรเหมาะสมที่สุดสำหรับเรา ดังนั้นอย่าผิดหวังหากเมื่อบางครั้งมันไม่เป็นไปตามคำภาวนาวอนขอของเรา