มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                        ปฐก 27:1-5,15-20

            เมื่ออิสอัคชรามาก และตามืดมัวจนมองไม่เห็น เขาเรียกเอซาวบุตรคนโตเข้ามาแล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย” เอซาวถามว่า “อะไรครับพ่อ” อิสอัคจึงว่า “ดูซิ พ่อแก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร จงเอาอาวุธของลูก คือ แล่งลูกศรและคันธนูออกไปในท้องทุ่ง ล่าสัตว์มาให้พ่อ และทำอาหารอร่อยๆ ให้พ่อกิน พ่อจะได้อวยพรลูกก่อนที่พ่อจะตาย”

           นางเรเบคาห์ได้ยินอิสอัคพูดกับเอซาวบุตรของตน เมื่อเอซาวออกไปล่าสัตว์ในท้องทุ่งให้บิดา แล้วนางเรเบคาห์ก็เอาเสื้อตัวดีที่สุดของเอซาวบุตรคนโต เป็นเสื้อที่นางเก็บไว้ในบ้านมาให้ยาโคบบุตรคนเล็กสวม เอาหนังแพะมาคลุมแขนและคอส่วนที่เกลี้ยงของเขา แล้วจึงส่งอาหารอร่อยกับขนมปังซึ่งนางจัดทำนั้นให้ยาโคบบุตรชายของนาง

          เขาจึงเข้าไปหาบิดา พูดว่า “พ่อครับ” อิสอัคพูดว่า “พ่ออยู่นี่ เจ้าเป็นลูกคนไหนของพ่อ” ยาโคบตอบบิดาว่า “ลูกคือเอซาว บุตรคนโตของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่ง กินเนื้อที่ลูกล่ามาได้เถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรลูก” อิสอัคถามบุตรของตนว่า “ลูกเอ๋ย ทำอย่างไรลูกจึงล่าสัตว์มาได้เร็วเช่นนี้” เขาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพ่อทรงบันดาลให้ลูกล่ามันได้” แล้วอิสอัคพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย เข้ามาใกล้ๆ พ่อเถิด พ่อจะได้คลำดู เพื่อจะได้รู้ว่า ลูกคือเอซาวลูกของพ่อจริงหรือไม่” ยาโคบก็เข้าไปใกล้อิสอัคผู้บิดา อิสอัคคลำตัวเขา พูดว่า “เสียงเป็นเสียงของยาโคบ แต่แขนเป็นแขนของเอซาว” อิสอัคจำยาโคบไม่ได้เพราะแขนของเขามีขนดกเหมือนกับแขนของเอซาวพี่ชาย อิสอัคจึงอวยพรเขา แต่ถามว่า “ลูกคือเอซาว ลูกของพ่อจริงหรือ” เขาตอบว่า “ใช่ครับ” อิสอัคจึงพูดว่า “จงนำเนื้อที่ลูกล่าได้มาให้พ่อกิน แล้วพ่อจะอวยพรลูก” ยาโคบจึงนำอาหารมาให้ อิสอัคก็กิน ยาโคบรินเหล้าองุ่นให้ อิสอัคก็ดื่ม แล้วอิสอัคผู้บิดาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย จงเข้ามาใกล้และจูบพ่อเถิด” เขาจึงเข้าไปใกล้และจูบบิดา พออิสอัคได้กลิ่นเสื้อผ้าของเขา ก็อวยพรเขาว่า

          “ดูซิ กลิ่นลูกชายของข้า เป็นเหมือนกลิ่นทุ่งนา ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพร ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้า และความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ทั้งข้าวสาลีและเหล้าองุ่นใหม่แก่ลูกอย่างมาก ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้ลูก ขอให้ประชาชาติทั้งหลายกราบไหว้ลูก ขอให้ลูกเป็นนายเหนือพี่น้อง ขอให้บุตรของมารดาของลูก กราบไหว้ลูก ผู้ใดสาปแช่งลูกให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งด้วย     ผู้ใดอวยพรลูกให้ผู้นั้นได้รับพรด้วย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                         มธ 9:14-17

         วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพวกเราและพวกฟาริสีจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่ว และถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่ และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย”

 

 

ข้อคิด
     ทุกสิ่งทุกอย่างมีเวลาของมัน คำกล่าวนี้ยังเป็นจริงเสมอในประสบการณ์ชีวิตของพวกเราพระวรสาววันนี้เชื้อเชิญให้เราพิจารณาถึงความหมาะสมตามห้วงเวลาต่างๆ ของชีวิต ซึ่งเรื่องของการทำตามกฎเกณฑ์ ระเบียบ แบบแผน ประเพณีนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่การคำนึงถึงความเหมาะสมต่อสถานการณ์สำคัญด้วย เราจำเป็นที่จะต้องอ่านเครื่องหมายของกาลเวลาอยู่เสมอ และใช้ชีวิต ณ ห้วงเวลานั้นอย่างหมาะสมและดีที่สุด การที่บรรดาศิษย์ได้ใช้เวลาชื่นชมยินดีและมีความสุขกับพระเยซูเจ้า ณ ห้วงเวลานั้น คงมีคุณค่าและความหมายมากกว่าวิถีปฏิบัติที่สามารถทำได้ในโอกาสอื่นๆ ถัดไป

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown