โน้ตสำหรับการแปลในภาษาไทย
- รายละเอียด
- หมวด: เอกสารแห่งสภาสังคายนาวาติกันที่ 2
- เขียนโดย itbkk
- ฮิต: 2443
โน้ตสำหรับการแปลในภาษาไทย
1.(1)นี่เป็นสูตรที่ใช้ในเอกสารพระสังคายนาทุกฉบับ ตลอดจนในเอกสารสำคัญอื่น ๆ ของสมเด็จพระสันตะปาปา
-แทนคำ : ทาสของพระเป็นเจ้า เราใช้ “เทวทาส” เพื่อความกระทัดรัด
(2)ธรรมนูญด้านการแพร่ธรรม เราใช้แปลคำ ‘Constitutio Dogmatica’ คือธรรมนูญเกี่ยวกับพระธรรม หรือ “คำสอน” นั่นเอง.
(3)อคาธัตถ์ (อ่าน อะคาทัด) เป็นคำที่ใช้ในหนังสืออธิบายคำสอน เป็นคำผูกขึ้นมาจาก อคาธ + อัตถ์ = อคาธัตถ์ หมายถึงข้อความลึกซึ้งที่คนเราหยั่งไม่ถึง. เราพิจารณาดูศัพท์ที่ใช้กันในสมัยหลัง ๆ นี้ว่า : รหัสธรรม, รหัสยธรรม ซึ่งแม้จะมีความหมายว่า ลี้ลับ, ลึกซึ้ง แต่ก็ยังใช้ว่า เป็นสิ่งที่ลี้ลับสำหรับบางคน แต่ไม่ลี้ลับสำหรับอีกบางคน เช่น รหัสของตู้นิรภัย, คนที่รู้รหัสแล้วมันไม่ลึกลับอีกต่อไป จึงไม่อาจนำมาแปลศัพท์ ลาติน – กรีก Mysterium’ ‘Musterion ได้. เพราะศัพท์นี้ใช้ความหมายว่าเป็นอัตถ์ลึกซึ้ง ซึ่งทีแรกเราไม่รู้ว่ามีอยู่ แต่ต่อมา เมื่อพระเป็นเจ้าโปรดไขแสดงแล้ว เราก็ทราบว่ามีอยู่ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร.
(4)ศักดิ์สิทธิการ หมายความว่า “ผู้ทำความศักดิ์สิทธิ์” เรานำศัพท์ใหม่นี้มาใช้แทนคำ “ศีลศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นคำใช้กันมาแต่โบราณ เราจำใจต้องเปลี่ยน เพราะมิฉะนั้นจะไม่มีใครเข้าใจความหมายของเอกสารในที่นี้ ที่ว่า “พระศาสนจักรเป็นประหนึ่งศีลศักดิ์สิทธิ์” ศีลศักดิ์สิทธิ์ = บัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์, แต่ศัพท์ลาติน Sacramantum หมายความถึงเครื่องหมายชี้แสดง ทั้งเป็นเครื่องมือผลิตพระหรรษทาน. เราเห็นคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ที่คริสตังเราใช้มาแต่โบราณ หมายถึงความดีบริบูรณ์, ความครบครัน จึงคิดว่าหากจะเปลี่ยนจากศีลศักดิ์สิทธิ์มาเป็นศักดิ์สิทธิการ คงจะยอมรับกันได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นในเอกสารฉบับนี้เราใช้คำศักดิ์สิทธิการ แทนคำศีลศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งเล่ม. แต่ขอพูดความจริงอย่างเปิดอก เราเองก็ไม่สู้ชอบคำ “ศักดิ์สิทธิ์” ในความหมายดังกล่าว เพราะทั่ว ๆ ไป ใคร ๆ ก็ใช้คำ “ศักดิ์สิทธิ์” ในความหมายว่า “ขลัง” หรือที่ทำให้เกิดอัศจรรย์มาก ๆ ตรงกับคำฝรั่งลาตินว่า Miraculosum ที่สุด หากจะแยกแยะคำ “ศักดิ์สิทธิ์” นี้ ไปจนถึงธาตุของศัพท์ก็เห็นว่า ประกอบขึ้นด้วยคำ 2 คำ คือ - ศักดิ ส. แปลว่า อำนาจ และคำว่า สิทธิ ที่เรานำมาใช้ว่า : มีอำนาจที่จะทำ จะใช้โดยไม่ผิดความยุติธรรม. คำที่เหมาะกว่าและควรนำมาใช้แทนคำ Sacramentum เราเห็นว่าควรเป็นคำ “วิสุทธิการ” เป็นอย่างยิ่ง.
(5)นักบุญปิตาจารย์ (ปิตุ – อาจารย์) คำนี้เราใช้เรียกนักบุญอาจารย์พระศาสนาในสมัยโบราณ ซึ่งภาษาลาตินเรียกว่า Sancti Patres. ส่วน “พระบิดร” เราใช้เรียกองค์สมาชิกในสภาพระสังคายนา, ลาตินเรียกว่า Patres โดด ๆ
3.(6)ราชัย = Regnum เป็นธาตุเดียวกันในภาษาอินเดีย – ยุโรป ทั้งเป็นคำบันทึกอยู่ในพจนานุกรมของทางการด้วย เรายอมรับว่าธาตุของคำนี้ในภาษาสันสกฤตไม่น่าจะออกมาในรูปราชัยเพราะ ส. เป็น ราช.ย, มันก็เช่นเดียวกับ มาล.ย ภาษาไทยเรามาเป็นมาลัย. อนึ่งคำ “ราชัย” นี้ คริสตังเราก็ใช้มาจนติดปากแล้ว : ตรงกับภาษายุโรป, สั้นและกระทัดรัดดี ทำไมจะต้องมาเปลี่ยนเป็น “อาณาจักร” ซึ่งส่งกลิ่นเป็นภาษาทางโลกมากกว่าภาษาทางศาสนา.
(7)สวามี = Dominus. เรามาถึงคำที่ถกเถียงกัน และเป็นที่รังเกียจของหลาย ๆ ท่าน. ขออนุญาตพูดถึงเรื่องนี้ให้กว้างขวางสักหน่อย. ครั้งแรกราว 60 กว่าปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้พบคำนี้ในบทภาวนาก่อนรับศีลมหาสนิทว่า : “ข้าแต่พระสวามีเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมไม่ควรที่จะรับพระองค์เสด็จเข้ามาในดวงใจของข้าพเจ้า แต่โปรดตรัสแต่พระวาจาเดียว และวิญญาโณจิตต์ของข้าพเจ้าก็จะสะอาดบริสุทธิ์ไป” ข้าพเจ้าเคยรู้สึกสะดุดใจและเคยพูดกับ ฯพณฯ อ่อน ประคองจิตต์ ท่านและข้าพเจ้าต่างก็เห็นพ้องกัน นึกชมคนที่นำคำนี้มาใช้ (ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร.) ครั้งเปิดปทานุกรมก็พบว่า : สวามิ, สวามี ส.น.เจ้า, ผู้เป็นใหญ่, นาย, ผัว, เจ้าของหญิงใช้สวามินี. เมื่อเปิดดู Pali English Dictionary ของ T.W. Rhys Davids ซึ่งถือกันว่าเป็น Dictionary ที่ดีที่สุดของสมัยนี้ก็พบว่า : Samin (cp. Sk. Savamin, Sva = Sa 4 ) 1. Owner, Ruler, Lord, Master ธาตุ สวาสา, ตรงกับธาตุ ลาติน Sui, Suus ซึ่งการแสดงการเป็นเจ้าของ. ภาษาไทยเราจึงมีคำ สามิภักดิ์ = ความรักต่อเจ้านาย สรรพสามิต แปลว่าอะไรหากไม่แปลว่า หลวงเป็นเจ้าของสรรพสิ่ง. ต่อภายหลังเมื่อมีเจ้านายต่างประเทศมาเยี่ยมประเทศไทย นักหนังสือพิมพ์จึงแทนจะใช้คำ สามี ก็ใช้คำ สวามี (แบบสันสกฤต) เฉพาะอย่างยิ่งแทน Prince Cinsort. แม้ บ.ส. จะใช้ในใจความนี้ด้วย ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นแปลกอะไร เพราะคำพระสวามีนี้ เราใช้แทนพระเยซูเจ้าเป็นต้น แทนพระบิดาก็มีบ้าง. พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระสามี (สวามี) ทางวิญญาณของเราอยู่แล้ว. - - โปรดอย่าแปลกใจที่คำในภาษาต่าง ๆ ค่อย ๆ เลือนไป มีความหมายต่างออกไป ชาวอินเดียเขาถือว่าสามีเป็นนายของภรรยา. ภาษายุโรป กลุ่มภาษาโรมาน ใช้ศัพท์แทน Dominus ว่า ; Seigneur, Signor Senor ซึ่งมาจากภาษาลาติน Senior แปลว่า “ผู้มีอายุสูงกว่า” (กระทั่งคำ Sir, Sire ก็มาจากคำลาตินนี้.) คำอังกฤษใช้คำว่า Lord ท่านทราบไหมว่า คำนี้มาจากไหน. Skeat ใน Concise Etymological Dictionar of the English Language
เขียนว่า : Lord, a master (E.) ‘Lit Loaf – keeper’. ขอยกตัวอย่างขำ ๆ เรื่องหนึ่ง. พระสันตะปาปา ปีโอที่ 12 คราวเมื่อทรงตำแหน่งเป็น พระเอกอัครสมณทูตที่กรุงเบอร์ลิน ขณะจะต้องจากหน้าที่ เพราะคุ้นเคยกับทูตฝรั่งเศสจึงได้ไปอำลา เมื่อได้สนทนาวิสาสะกันพอสมควรแล้ว ท่านก็ลากลับ ผ่านลูกชายของท่านทูตที่มีอายุ 4-5 ขวบ เด็กคนนั้นก็พูดกับท่านว่า ‘Au revoir mon Vieux’ ท่านทูตกับภรรยาหน้าซีดยืนตัวแข็ง แต่ค่อยอุ่นใจขึ้น เมื่อพระสมณทูตทำเฉย เดินไปขึ้นรถ. ท่านอยากทราบไหม เด็กลูกทูตนั้นพูดว่าอะไร ? พูดว่า “ลาก่อนอ้ายแก่” = อ้ายเพื่อนยาก ซึ่งเป็นภาษาทหาร. ท่านจึงเห็นแล้วในภาษาฝรั่งเศส จาก ล. Senior มาเป็น Seigneur, Monsieur, Sire และวกกลับอีกที มาเป็น Vieux ทำไมภาษาไทยของเรา จะมีภาษาทางศาสนา เหมือนภาษาอื่นเขาบ้างไม่ได้ ?
(8)สดุดีบูชา = Eucharistia คำลาติน – กรีกคำนี้ ในหนังสือคำอธิบายคำสอนใช้ว่า “สุหรรษทาน” ซึ่งมีความหมายว่าพระหรรษทานอันดี, อันประเสริฐ. แต่ศัพท์ลาติน – กรีกนั้น เขาใช้ความหมายถึง การขอบคุณ ข้าพเจ้าจึงค้น Dictionary Pali – English ของ A.P.Buddhatta Mahathera ก็พบคำบาลีที่ถูกใจคือคำ ถูติปูชา แปลว่า “การถวายคำชมเชย, คำขอบคุณ” แต่คำนี้ไม่คุ้นหูคนไทย บ.ถูติ – ส.สตุติ ข้าพเจ้าจึงเปลี่ยนให้พอฟังได้ในภาษาไทย = สดุดีบูชา.
สังเกต : ขอให้คงรักษาลำดับสดุดีบูชาไว้เสมอ อย่าเปลี่ยนเป็นสดุดีบูชา ทั้งนี้เพราะว่าสดุดีบูชานี้อาจเป็นบูชาถึง 4 อย่าง คือ บูชาสรรเสริญ, บูชาวอนขอพระคุณ, บูชาขอบพระคุณ และ บูชาขอขมาโทษ
4.(9)พระฐานานุกรม = Hierarchia (= หัวหน้าศักดิ์สิทธิ์) คือลำดับหลั่นชั้น ของผู้ปกครองพระศาสนจักร ซึ่งลำดับแต่เล็กไปหาใหญ่ มีดังนี้ 1. สังฆานุกร (Diaconus) 2. พระสงฆ์ (Presbyter) 3. พระสังฆราช (Episcopus)
(10)พิเศษพร (อ่าน พิ - เส - สะ – พร) โปรดรักษาลำดับคำ (อย่าเป็นเป็นพรพิเศษ) คือพระคุณพิเศษ เรานำมาใช้แทนคำกรีก : Charisma, ศัพท์เฉพาะ.
6.(11)ประภาษก = Propheta ข้าพเจ้าอยากให้ใช้ประภาษก ทั้งนี้เป็นเพราะทั้งภาษาลาติน ทั้งภาษากรีก ทั้งภาษาไทย ละม้ายคล้ายกัน ทั้งทางธาตุ ทั้งทางอุปสรรค. ส่วนคำ ประกาศก นั้น ขอสงวนไว้ใช้แทน Missionary – ผู้ไปเผยแพร่พระศาสนจักรในต่างประเทศ. คำ ธรรมทูต น่าจะเก็บไว้ใช้แทนพระสงฆ์ที่ไปเทศนาสั่งสอนในต่างถิ่น ที่อยู่ในประเทศของตนเอง. ดังนี้จึงเห็นว่า ภาษาไทยของเรามีคำมากพอสมควร ไม่แพ้ภาษาอื่น.
(12)พระอัยกา (อ่าน ไอ – ยะ – กา) = Patriarcha หัวหน้าของเผ่า ทีแรกหมายถึงบรรพบุรุษของชนชาติอิสราเอล, ทางพระศาสนจักรของเรายังหมายถึงพระสังฆราชผู้ใหญ่ เป็นหัวหน้าแคว้น จนกระทั่งเป็นประมุขของพระศานจักร จารีตใดจารีตหนึ่ง เช่นเราพูดว่า พระอัยกาแห่งคอนสตันติโนเปิ้ล
(13)นักบุญปิตาจารย์ ดูเลข (5) ในข้อ 2
(14)เจ้าสาว ข้าพเจ้าเห็นว่าง่ายดี ใช้แทนคำ Sponsa = หญิงสาวที่หมั้นแล้ว. ยังมีคำอื่นที่เหมาะกว่า เช่น “วนิดา, พนิดา” ซึ่งพจนานุกรมให้คำจำกัดความว่า : นาง, หญิงที่รัก, หญิงที่สู่ขอแล้ว. ยังมีอีกคำหนึ่งคือ “วธู, พธู” ม.ส.น. หญิงสาวเจ้าสาว, เมีย, ซึ่งตางกับคำ Sponsa เป็นอย่างยิ่ง. เท่าที่กล่าวมา จะเห็นว่า ภาษาไทยของเรา มีคำใช้มากมายเพียงแต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะเลือกเฟ้น และกำหนดเจาะจงกับภาษายุโรป เราก็จะได้คำที่เหมาะสม
7.(15)อคาธกาย = Corpus Mysticum หมายความถึงร่างกายอันลึกล้ำ บางทีเรียกว่าร่างกายทิพย์
อคาธ ดูเลข (3)
(16)สัตว์โลก = Creatura – สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงสร้างขึ้น. สิ่งสร้าง ก็เรียก.
(17)พิเศษพร = Charisma คือพรหรือทานอันพิเศษ (ผิดปกติ) เช่น การทำให้คนไข้หายโรคในทันทีทันใด, การปลุกผู้ตายให้คืนชีพ (โปรดดูเลข (10) ด้วย)
8.(18)พระวจนาตถ์ (จาก วจน + อัตถ์) ใช้แทนคำลาติน Verbum หรือศัพท์รากกรีก Logos. ศัพท์วจนาตถ์ บางท่านเขียน วจนารถ แต่ศัพท์ นารถ หาไม่พบ มีแต่ นารท ซึ่งอ่านนาระทะ หรือนารด. หากจะเขียน วจนาถ ข้าพเจ้าเห็นว่าพอทำได้ เพราะเท่ากับ วจน + นาถ โดยตัดตัว น. ออกเสียตัวหนึ่ง ซึ่งไม่ผิดหลักของภาษาบาลี – สันสกฤต และไทย และถ้าเขียน วจนาถ ก็ต้องแปลว่า : วาจาเป็นที่พึ่ง
(19)สหพันธ์ = Communio เราใช้กันในบทข้าพเจ้าเชื่อถึงสหพันธ์นักบุญ = Communio Sanctorum
9.(20)เมสไซอะห์ = Messias, ศัพท์มาจากภาษาฮีบรู, ลาติน : Unctus, กรีก Christos คือพระคริสตเจ้าของเรานั่นเอง
10.(21)พระสงฆ์ : ไม่ใช่เราไม่รู้ว่าศัพท์สงฆ์มาจากธาตุ ส ซึ่งแปลว่า คณะ, หมู่, ประชุม แต่เราคริสตังนำศัพท์นี้มาใช้นานกาเล จนกลายเป็นภาษาของเราแล้ว ทั้งนี้แทนศัพท์ลาติน Sacerdos ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับ Sacrificator แปลว่า ผู้ทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์, ผู้ทำบูชา ตำแหน่งหน้าที่ของ Sacerdos หรือความเป็น Sacerdos ลาตินว่า Sacerdotium เราใช้ว่า สังฆภาพ
11.(22)ศักดิ์สิทธิการแห่งพละกำลัง = Confirmatio ซึ่งเคยใช้กันว่า ศีลกำลัง
(23)ศักดิ์สิทธิการ – อภัยบาป คือ “ศีลแก้บาป” พูดตรง ๆ ข้าพเจ้าไม่ชอบคำพูดว่า “อภัยบาป” เพราะดูเหมือนมันบ่งว่า : ไม่ได้ยกบาปออกไป เพียงแต่โทษ หรืออภัยของเรานั้นยกให้ ความคิดเช่นนี้ผิดต่อความเชื่อของเราคริสตัง
(24)ศักดิ์สิทธิการ – เจิมคนไข้ = Ultima Unctio
(25)ศักดิ์สิทธิการ – อนุกรม = Ordo
(26)ศักดิ์สิทธิการ – สมรส = Matrimonium คำ “สมรส” อีกคำข้าพเจ้าไม่ชอบ เพราะรู้สึกมันมีกลิ่นชอบกล สำหรับเรียกศักดิ์สิทธิการของเรา
12.(27)ทิศทางแห่งความเชื่อ = Sensus Fidei แม้คำนี้ไม่มีอยู่ในเลข 12 แต่เนื้อความเป็นเช่นนั้น และเราจะพบคำนี้ในเลขอื่น ๆ ข้าพเจ้าจึงให้คำนี้เสียเลย ที่จริงกว่าจะพบคำนี้ ข้าพเจ้าต้องคิดกลับไปกลับมาหลายตลบ
(28)อาจาริยานุภาพ = Magisterium หมายถึง อำนาจทางการสั่งสอนของพระศาสนจักร คำ “อาจาริยานุภาพ” ผูกขึ้นด้วย อาจารย์ + อานุภาพ, อานุภาพเป็นคำบาลี ข้าพเจ้าก็อยากจะผูกพันกับคำอาจาริย บ. ให้เหมือน ๆ กัน แต่เพื่อให้คนไทยอ่านง่าย จึงเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยเป็น อาจาริยานุภาพ
13.(29)ความเป็นประมุขเอก = Primatus หรือ ถ้าชอบศัพท์ทางวิชาการ หรือ ทางเทคนิคจะใช้ ปฐมภาวะ ก็ได้
(30)อาสนะของท่านเปโตร = Cathedra Petri
14.(31)พระกิตติ (บ. กิตติ ส. กีรติ) เป็นคำที่ใช้ในหนังสืออธิบายคำสอน. ศัพท์ บ. กิตติ เราเคยใช้ กิตติศัพท์ แปลว่า คำเล่าลือต่อ ๆ กันมา. ศัพท์ กีรติ เราเคยใช้เรียกชื่อเรื่อง รามายณะ เป็นภาษาไทยว่า รามเกียรติ์ ถ้าจะแปลเป็นไทยก็ว่า เกียรติประวัติของพระราม. ขอยอมรับว่ามันไม่สู้จะตรงนักกับคำ Tradition ซึ่งหมายถึงคำพูด และขนบประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ ฉะนั้น ถ้าท่านชอบคำของ ท่านพุทธทัตตะ ชาวศรีลังกา ผู้ที่ข้าพเจ้าได้ออกนามมาแล้ว …., Traditional Teaching ท่านแปลเป็นบาลีว่า : Vacanamagga (วาจนามัคค์)
(32)โครงสร้าง ใช้แทนศัพท์ลาติน Compago ซึ่งหมายความถึง การนำเอาหลาย ๆ สิ่งมารวมประกอบกันเข้าให้เป็นหนึ่งหน่วย.
(33)คริสตชนสำรอง หรือ คริสตังสำรอง = Catechumeni
15.(34)หมู่ = Communitas, Community หมู่ เป็นคำไทยที่ชรามาก แต่ในภาคอีสานยังใช้กันอยู่ทั่วไป ข้าพเจ้าเห็นว่าคำ “หมู่” โดด ๆ เหมาะที่สุดจะใช้แทน Communitas โดยไม่จำเป็นต้องเสริมคำ “หมู่เหล่า, หมู่คณะ” ให้รุ่มร่าม.
16.(35)มิสซัง = Missio = เขตหรือพนักงานแพร่ธรรม เป็นคำที่ใช้กันมาแต่โบราณ.
18.(36)ศาสนบริการ = Ministerium
ศาสนบริกร = Minister
20.(37)สังฆานุกร เป็นคำที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่
อนุกร = ผู้ทำทีหลัง, ผู้ช่วย รวมความสังฆานุกร คือ ผู้ช่วยพระสงฆ์ = Diaconus
21.(38)Episcopatus = ตำแหน่งพระสังฆราช, เมื่อ Episcopus เราใช้คำพระสังฆราช ตำแหน่งของท่านเราจึงว่า สังฆราชภาพ
(38 ทวิ) ผู้มีศรัทธา = ผู้มีความเชื่อ หลาย ๆ ท่านคงรู้สึกฉงนว่า ทำไมข้าพเจ้าอ้างเช่นนี้ เป็นความจริงว่า ผู้มีศรัทธา ภาษาไทย - Credens ภาษาลาติน. และคนไทยก็ใช้คำนี้ในใจความเดียวกัน เช่น เรื่องนี้ฉันไม่เห็นศรัทธา = ฉันไม่เชื่อ. โปรดดู Dictionnaire Etymlogue Latin Michel Breal et Angatole Bailly ตรงกับคำ Credo. เขาพยายามค้นหาธาตุของ Credo ที่สุดเขามาพบว่าเป็นคำ ๆ เดียวกันกับคำภาษาสันสกฤตว่า Craddhami (= ศรัทธามิ) เขาบอกว่าน่าแปลกใจเหลือเกิน ที่คำสันสกฤต 2 คำ ผูกรวมกันแล้วมาตกอยู่ในภาษายุโรป คือคำ Crad + DO = ศรัท + ธามิ ซึ่งตามธาตุแปลว่า ฉันวาง (= มอบ) ดวงใจให้แก่ … ขอผ่านไปไม่แยกคำละคำ, อักษรละอักษร เพราะจะยืดยาวไป และ อาจยุ่งยากสำหรับบางท่านได้ ถ้าท่านอยากทราบว่าทำไมตัว “ศ” ของเราจึงกลายเป็น ‘C’ ลาตินได้ ขอโปรดค้นดู Dictionnary เล่มชั้นนำที่คำ Satem และ Kentum ท่านก็อาจจะเข้าใจได้ง่าย.
(39)พระสมณะสูงสุด คือพระสันตะปาปา ลาตินว่า Summus Pontifex หรือ Pontifex Maximus ศัพท์ลาติน Pontifex = ผู้สร้างสะพาน, เข้าใจว่า สมณะผู้ใหญ่ในโบราณกาล เคยมีอาชีพเป็นผู้สร้างสะพาน.
(40)กลุ่มชุมนุม = Congregatio
หมู่ชมรม = Communitas ดู (34) ด้วย
คณะ = Collegium ดู (80) ด้วย
(41)ประสาท – ให้, ยินดีให้, ข้าพเจ้านำคำ “ประสาท” มาใช้แทนคำ ‘Conferre’ ซึ่งคริสตังเราแต่โบราณมา ใช้คำว่า “โปรด” เช่น “โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ โปรดพระคุณ,”
(42)คณะ Colleglum ดู (80) ด้วย
22.(43)ทำเนียบ (แผลงจากเทียบ) - แบบแผนที่จัดขึ้นเป็นระเบียบ. ตรงนี้เทียบเท่า ‘Corpus’ “โครงร่าง”
(44)ปฐมภาวะ แปลคำ Primatus ดู (29) ด้วย
(45)เอกสิทธิ์ = Praerogativa
23.(46)อำนาจอาชญาสิทธิ์ = Juridictio
หมายเหตุ : คำภาษากฎหมาย ในหนังสือเล่มนี้มีมากข้าพเจ้าแปลอย่าง "ขอไปที" ควรที่ผู้รู้กฎหมายไทย จะนำคำไทยมาเทียบและกำหนดเจาะจงลงไป ให้ใช้คำนั้น ๆ ตรงกับคำนั้น ๆ
(47)สภาพระสังฆราช : ในเอกสารลาตินฉบับนี้ ใช้คำว่า Coetus Episcopalis แต่ชาวยุโรปทั่ว ๆ ไป ใช้อีกศัพท์หนึ่งว่า Conferentia Episcopalis
25.(48)วิวรณ์ (ปทานุกรมหน้า 684) : การเปิด การเผยแพร่, การชี้, การแสดง, การไขความ. เป็นคำที่พระคริสตธรรมปรอเตสตันต์ นำมาใช้แต่โบราณแทนคำกรีก Apokalypsis คำนี้ตรงกันทีเดียวกับศัพท์ลาติน Revelatio Velare จาก Velum จึงแปลว่า เอาผ้ามาคลุม – ปิด. อุปสรรค re – ตรงกับอุปสรรคบาลี – สันสกฤต :วิ, นิส, อา. ความหมายก็อย่างเดียวกัน คือ บ่งความตรงข้าม ฉะนั้น Revelare จึงแปลว่า เอาผ้าคลุมออก, เปิด คำวิวรณ์ก็เช่นกัน มาจากธาตุ ส. วฤ 1 – ปิด, ปัดป้อง (สังเกต วฤ 2 - คัดเลือก ซึ่งภาษาไทยใช้มาก เช่น วร (สระขั้นคูณ), พระ, บวร (= ปวร). เมื่อวรณ – การปกปิดใส่อุปสรรค เป็นวิวรณ์ จึงเป็นการเปิด, การไขแสดง. คำที่ตรงกันอย่างพอดิบพอดีอย่างนี้ช่างหาได้ยากจริง ๆ.
(49)พระคลังของฝาก = Depositum.
(50)Corpus = กาย, ร่างกาย น่าจะใช้ องค์กร – ผู้กระทำเรือนร่าง.
26.(51)อัครสาวกมัย = Apostolicus มีความเป็นของอัครสาวก, สืบมาจากอัครสาวก.
(52)ราชสังฆภาพ = Regale Sacerdotium
(53)ศักดิ์สิทธิการพละกำลัง = ศีลกำลัง
27. (54)ประมุข หัวหน้า : Antistes, Antistites : ตามธาตุศัพท์ = ผู้ยืนอยู่ข้างหน้า, ผู้อยู่หัว, หมายถึงหัวหน้านั่นเอง.
28.(55)สังฆานุกร = Diaconus
(56)สมณภาพ = Pontificatus ตำแหน่งพระสังฆราช
(56 ทวิ) Hendiadys ในหนังสือเอกสารนี้ และโดยทั่วไปในหนังสือวรรณคดียุโรป อย่างน้อยกลุ่มภาษาลาติน – กรีก เขามีทำนองพูด (Figure) อย่างหนึ่งที่เรียกภาษากรีกว่า ‘Hendia Dyoin’ แปลคำละคำก็ว่า “หนึ่งในสอง” คือเขาใช้คำนาม 2 คำผูกด้วยสันธาน และแทนที่จะใช้คำนามคำเดียวกันผูกคำขยาย, เขาทำเช่นนี้เพื่อว่าเน้นความเช่นตรงนี้ เขาว่า : ด้วยชีวิตและด้วยความจริง, แทนที่จะเขียน “ด้วยชีวิตอันจริงจัง” ในเอกสารนี้พบหลายแห่งและจะพบต่อไปอีก จึงขอให้ผู้อ่านสังเกตไว้.
(57)สังฆานุภาพ = Diaconatus = ภาวะของการเป็นสังฆานุกร
30.(58)ฆราวาส (บ. ฆร + อาวาส) ตามศัพท์แปลว่า : ที่อยู่, เรือน แต่ตามความเข้าใจของคนไทย หมายความว่า ถึง : ผู้ครองเรือน, หรือ ผู้มีเหย้าเรือน เป็นคำตรงกันข้ากับอาวาสิก – พระ, เราใช้คำฆราวาสนี้ แทนศัพท์ลาติน Laicus, กรีก (Laikos) แปลว่า ของหรือสิ่งที่เกี่ยวกับพลเรือน ตรงข้ามกับศัพท์ Clericus = ของสงฆ์, ของพระ.
(59)นักบวช เราใช้คำนี้ หมายถึงผู้ใฝ่ใจถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า = Religiosi, บางครั้งยังใช้คำ “นักบวช” ยังใช้หมายถึงผู้ได้รับศักดิ์สิทธิการ – อนุกรมขั้นต่ำ (อนุกรมน้อย) ด้วย = Clerici
(60)ผู้ครองสมณเพส หมายถึง ผู้เกี่ยวข้องกับการที่เป็นพระ (= พระสงฆ์). สมณเพส = Clerus (ผู้ครองสมณเพส = Clericus)
(61)ศาสนบริกร ใช้แทนศัพท์ Pastor, Pastores, โดยมากข้าพเจ้าใช้ว่า ชุมพาบาล
33.(62)การแพร่ธรรม = Apostolatus
34.(63)วิสาสะ (บ. วิสสาส, ส. วิศวาส) – ความคุ้นเคย, ความสนิทสนม, ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะจะแปลลาติน Conversatio.
35.(64)Sensus Fidei ดูเลข (27)
36.(65)อิสรเสรี (= อิสสร + เสรี) อิสสร. บ., ส. อิศวร = ความเป็นเจ้าเป็นนาย ไทย : ความเป็นไทแก่ตัวเอง. ส่วนเสรี บ. (ส. ไสวริน จาก สว + อีร์) ตามศัพท์แปลว่า ไปไหนได้ตามอำเภอใจ, เอาแต่ใจ ข้าพเจ้าเห็นว่าพอและเกินเลยสำหรับแปลคำลาติน Libertas
37.(66)เจ้าหน้าที่ศาสนบริการ = Sacri Pastores
42. (67)Martyrium ภาวะการเป็นมรษสักขี, ท่านชอบมรณสักขี, ภาวะไหม ?
สังเกต : คำ Martyr, ศัพท์ลาติน – กรีกแปลว่า พยานจากธาตุ Smr. สมฤ, Lit ตามอักษรแปลว่าผู้ระลึกถึง, ผู้ทำให้ระลึกถึง, ผู้ประกาศชี้แจง. – คำธาตุนี้ภาษาไทยของเราก็มี คือ สมร (Smara) ซึ่งแปลว่า คนที่เราคิดถึง, เลยกลายเป็นสาวงาม, สาวรัก, - ระวังอย่าไปปนคำ สมร Sa – mara กับคำสมรภูมิ (Samara – Fhumi) คำนี้มาจากธาตุ Mr, มฤ, แปลว่าตาย. ฉะนั้น สมรภูมิจึงแปลว่า สถานที่ตายร่วมกัน. – แต่ไหนแต่ไรมาเราเคยใช้ทับศัพท์ มาร์ตีร์ อยู่เสมอ, ต่อมาผู้ที่ไม่ชอบ ประดิษฐ์คำขึ้นใหม่ว่า มรณสักขี (มรณ – ความตาย ตามธาตุ มฤ ที่กล่าวข้างบน กับคำ สักขี – พยาน. ภาษา บ. (ส. สากษิณ) ผู้ประดิษฐ์คงอยากจะให้เข้าใจว่า : มรณสักขี = เป็นพยานจนกระทั่งยอมตาย แต่ตามรูปศัพท์ของภาษา ใคร ๆ ก็แปลว่าพยานของความตาย จึงมีผู้เปลี่ยนใหม่อีกว่า มาระตี, อ่านง่ายเสียงคล้ายคำ มาร์ตีร์ แต่เขียนอย่างนี้ผู้รู้ก็ต้องแปลว่า “ผู้ตายแล้ว” - ระหว่างที่ยังไม่มีคำใหม่, ข้าพเจ้าก็ขอเขียน มรณสักขีไปก่อน.
43.(68)Religiosi = นักบวช ดูเลข (59)
45.(69)อภิสิทธิ์อันดับหนึ่ง หรือ ปฐมภาวะ = Primatus ดูเลข (44)
(70)สมณะผู้ปกครองท้องถิ่น = Ordinarius Loci
50.(71)มรณสักขี = Martyr ดูเลข (67)
53.(72)พระเทวบุตร = ลูกของพระเป็นเจ้า
54.(73)การทรงรับเป็นมนุษย์ หรือ ทรงรับเอาเนื้อหนัง เป็นการแปลคำ Incarnatio ตรง ๆ
55.(74)พระกิตติ = Traditio ดูเลข (31)
(75)Revelatio พระวิวรณ์ หรือ การไขแสดง ดูเลข (48)
56.(76)Annuntiatio เทวทูตแจ้งสาสน์, การรับสาส์นจากเทวทูต.
(77)Incarnatio การมารับเอาเนื้อหนัง, การมาเป็นมนุษย์
(78)Collegialitas หมายความว่า การเป็นคณะของบรรดาพระสังฆราชทั้งหลาย – เราใช้ศัพท์สั้น ๆ ว่า คณะ ดูเลข (42) และ (80) ด้วย
(79)Revelatio พระวิวรณ์ ดูเลข (48)
(80)Collegium ความเป็นคณะของบรรดาพระสังฆราชทั้งหลาย เราใช้คำแทนสั้น ๆ ว่า คณะ
สังเกต ข้าพเจ้าเคยได้ยินแก่วัดกุฎีจีน เรียกสามเณราลัยว่า “กุเหล่” ข้าพเจ้าคิดว่าคำ กุเหล่ หมายถึง “Collegium” นี่เอง
แถลงการณ์
(81)Liceitas สามีจิภาวะ - การมีสิทธิ์ทำได้ โดยไม่มีความผิด
(82)Validitas อโมฆภาวะ คือ ความเป็นไปโดยไม่เป็นโมฆะ
หมายเหตุ : เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ 2 คำหลังนี้ เป็นคำกฎหมายอย่างเอกอุ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะบังคับใครให้ใช้ ควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ (ที่จะตั้งขึ้น) อนึ่งหากมีคำใช้ในกฎหมายไทย ที่เหมาะสม ก็ควรใช้คำในกฎหมายไทยของเรา.