วันอังคารที่ 12 มกราคม 2016 สักการสถาน บุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ได้จัดฉลองบุญราศี และเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา

ก่อนเริ่มพิธีบูชาขอบพระคุณ พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ได้เปิดประตูศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา "ประตูที่ 2"
นำพระวรสารไปยังพระแท่น

และเริ่มพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง โดย พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พร้อมด้วย พระสังฆราชกิตติคุณ ยอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ คุณพ่อ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราช และคุณพ่อ เจริญ ว่องประชานุกูล หลังบทภาวนาหลังรับศีล ทางอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ มงซินญอร์ ทัศไนย์ คมกฤส โอกาสมีตำแหน่งเป็น CHAPLAIN OF HIS HOLINESS และคุณพ่อ ฟรังซิส ไกส์ โอกาสได้รับเหรียญตราอิสริยาภรณ์ไม้กางเขน บรรยากาศในวันนี้ มีการร้องเพลงและการแสดงจากเหล่านางฟ้าน้อยๆ เพื่อเตรียมจิตใจ สัตบุรุษมาร่วมเป็นจำนวนมาก

บุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ช่วยวิงวอนเทอญ

ตอนหนึ่งของบทเทศน์พระคาร์ดินัล 

      พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้าทุกท่าน วันนี้เป็นวันที่ 12 มกราคม อันเป็นวันฉลองตรงวันของ บุญราศี มรณสักขี คุณพ่อ นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง แต่เนื่องจาก ในวันนี้ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯได้กำหนดให้มีการเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม “ประตูที่ 2” ที่สักการสถานคุณพ่อ นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง นี้ด้วย ดังนั้น ในวันนี้ เราจึงได้ทำพิธีเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมแห่งที่ 2 ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และพร้อมกันนั้น ก็ฉลองคุณพ่อนิโคลาสบุญเกิดของเราไปพร้อมกันด้วย เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างการฉลองตามแนวทางของพระศาสนจักรสากลและพระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งกรุงเทพฯ และพ่อเชื่อว่า ทุกอย่างจะลงตัวได้อย่างสวยงาม

     บทพระวรสารของวันนี้ ... วันฉลองบุญราศีคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง พระสงฆ์และมรณสักขี ก็เป็นพระวรสารตอนดังกล่าวนี้ และพระวรสารตอนนี้ ก็จะถูกนำมาอ่านเป็นประจำในวันฉลองบรรดาอัครสาวก บุคคลผู้ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงมอบคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายนี้ไว้กับพวกท่านและบรรดาพระสังฆราชทุกท่านในปัจจุบัน ก็เป็นผู้รับสืบทอดพันธกิจนี้มาจากบรรดาอัครสาวกด้วยพระเยซูเจ้ามิได้ทรงสั่งเสียไว้ให้บรรดาอัครสาวกสละพลีชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในพระองค์ แต่กลับทรงสั่งพวกท่านให้รักกันและกัน อย่างที่พระองค์ทรงรักพวกท่าน เพื่อพวกเขาจะสามารถเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ได้ พี่น้องครับ ที่เป็นเช่นนี้ มันก็ชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะการรักกันและกันอย่างที่พระเยซูรักพวกเขา มันหมายถึงขั้นที่ให้พวกเขาแต่ละคนพร้อมสละพลีชีวิตเพื่อกันและกันได้ เพราะพระองค์ทรงเรียกร้องให้พวกเขารักกันและกันอย่างที่พระองค์เองทรงรักพวกเขา และนั่นก็คือ “พระองค์ได้ทรงสละพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อพวกเขาแต่ละคน” และเพื่อทุกคนแล้วไม่มีความรักใดจะยิ่งใหญ่ เท่ากับการสละพลีชีวิตเพื่อมิตรสหาย ดังนั้น การรักกันและกันจนถึงขั้นสละพลีชีวิตเพื่อกันได้ จะต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดพระเยซูเจ้า และพันธกิจของพระองค์ อย่างแน่นอน มิฉะนั้น พระเยซูเจ้าคงจะไม่ให้ความสำคัญต่อประเด็นนี้ถึงขั้นที่ได้ทรงสั่งเสียพวกเขาไว้ก่อนที่พระองค์จะจากพวกเขาไป ดังนั้น พี่น้องที่รัก “ทำไม?” และ “อย่างไร?” เราจะพิจารณาในก้าวต่อไป

ประมวลภาพ