www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

เส้นทางแห่งไม้กางเขน

เทศกาลมหาพรตมีชื่อเป็นภาษาลาตินว่า “Quadragesima” ซึ่งแปลว่า “ที่สี่สิบ” (ภาษาอิตาเลี่ยนเรียกเทศกาลนี้ว่า “Quaresima” ส่วนในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Lent”)

ตัวเลข 40 แห่งเทศกาลมหาพรต มีความหมายต่อคริสตชนในหลายแง่มุม ตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การระลึกถึงการอดอาหาร 40 วัน ของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดารก่อนที่ปฏิบัติภารกิจของพระองค์ ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวอิสราเอลต้องรอนแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึง 40 ปี ในสมัยของโมเสส ระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงกระทำให้มีฝนตกติดต่อกัน 40 วัน 40 คืน ในสมัยของโนอาห์ ส่วนโมเสสก็ได้ขึ้นไปอยู่บนภูเขาซีนายเป็นเวลา 40 วัน เพื่อรับพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า นอกนั้นยังรวมไปถึง 40 วัน ของการที่ประกาศกโยนาห์ประกาศการกลับใจแก่ชาวเมืองนินะเวห์

สำหรับคริสตชน 40 วัน แห่งเทศกาลมหาพรต จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการดำเนินชีวิตร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าในพระทรมานบนเส้นทางแห่งไม้กางเขนของพระองค์ เพื่อจะได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ เพราะฉะนั้น เทศกาลมหาพรตจึงเป็นเทศกาลสำนึกในความผิดบาปและการกลับใจเสียใหม่ เป็นเทศกาลแห่งการสำรวจตนเองว่า ได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ของเราหรือไม่

เทศกาลมหาพรตจะเริ่มตั้งแต่วันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday) ซึ่งในวันนั้น ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ นักบวช หรือฆราวาส ไม่ว่าชายหรือหญิง จะไปรับเถ้า... เถ้าจึงกลายเป็นเครื่องหมายแห่งการสำนึกผิดและพร้อมจะกลับใจ เพื่อร่วมในการเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของคริสตชน นั่นก็คือการฉลองปัสกา

 

ข้อคิดแนะนำในการดำเนินชีวิตในช่วงเทศกาลมหาพรต

1. การถือศีลอดอาหาร

“การถือศีลอดอาหารอย่างที่เราต้องการเป็นดังนี้ แก้โซ่ที่ล่ามคนที่เจ้ากดขี่เสียเถิด และเลิกทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ปล่อยคนที่เจ้ากดขี่ข่มเหงไปเสีย แบ่งปันอาหารให้ผู้ที่หิวโหย เปิดประตูรับคนยากจนไร้ที่อาศัย ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ไม่มีใส่ อย่าละเลยต่อการช่วยเหลือญาติพี่น้องของเจ้า” (อสย 58:6-7)

การถือศีลอดอาหารจึงเป็นการพยายามลดความเห็นแก่ตัวอันเกิดมาจากเนื้อห

นังและเป็นความพยายามที่จะขจัดความเห็นแก่ตัวเพื่อมุ่งความสนใจไปยังเพื่อนบ้านด้วยการบริจาคทรัพย์ ให้การช่วยเหลือคนทุกข์ยากด้วยใจกว้าง กล่าวคือ เป็นการปราบกิเลศ ลด ละ เลิก ทำบาป หรือลดการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยที่สนใจตัวเองเป็นสำคัญ และหันมาสนใจคนรอบข้างด้วยความรักมากขึ้น

2. การรำพึงภาวนา

แม้ว่าคริสตชนหลายคนจะคิดว่าเทศกาลมหาพรต เป็นเทศกาลที่เน้นเรื่องการทำความดี การถือศีลอดอาหาร แต่ถ้าเรามาดูคำสอนของบรรดาปิตาจารย์แล้วจะเห็นว่า การถือศีลอดอาหารและการเพียรทำความดีต่างๆนั้นเป็นขั้นรอง และเป็นวิธีการที่จะไปพบเป้าหมายเท่านั้น แต่จะมีผลและให้คุณค่าทางจิตใจ ก็ต้องประกอบด้วยเงื่อนไขต่างๆ คือ การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ด้วยการอธิษฐานภาวนา ซึ่งเป็นการขจัดความเห็นแก่ตัว และก่อให้เกิดพลังทางจิตใจจากการถือศีลอดอาหาร การรำพึงภาวนาจึงนับเป็นกิจกรรมสำคัญในระหว่างเทศกาลมหาพรต

3. กิจการแห่งความรัก  

นักบุญเลโอ พระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ ในบทเทศน์ระหว่างเทศกาลมหาพรตของท่านเกือบทั้งหมดพูดถึงเรื่อง “ความรัก การยกโทษ และการบริจาคทานช่วยคนยากจน” โดยกล่าวว่า* “การให้อภัยแก่กันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่” ท่านนักบุญเทศน์สอนว่า “เราจงยกโทษแก่ผู้อื่นเพื่อเราจะได้รับการยกโทษ เราจงอภัยให้เขาดังที่เราแสวงหา เราจงสวดภาวนาเพื่อขอการอภัยโทษ และไม่แสวงหาการแก้แค้น”

* “การให้ทานเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่” ท่านนักบุญเทศน์สอนว่า “ทุกเวลาเหมาะสำหรับปฏิบัติความรัก แต่เทศกาลมหาพรตมีทุกอย่างพร้อมสำหรับส่งเสริมความรักเป็นพิเศษ เพราะว่าไม่มีความจงรักภักดีใดๆเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เท่ากับการทุ่มเทกำลังช่วยเหลือคนยากจน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความเอาใจใส่ของพระองค์เยี่ยงบิดา และในการให้ทานนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าไม่มีเงินทอง เพราะจิตใจที่กว้างขวางนั้นแหละเป็นขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่แล้ว และในกิจเมตตานี้ พระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าอยู่กับเรา เป็นพระหัตถ์ที่ทวีปังโดยการบิ และเพิ่มปังโดยการแจกจ่าย”

 

บทสรุป

เราจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติตนของคริสตชนในเทศกาลมหาพรต เพื่อเตรียมสมโภชปัสกานั้น เป็นเส้นทางของการกลับใจ เป็นการเดินทางกลับบ้าน สู่บ้านแท้ในเมืองสวรรค์ ที่มีพระเจ้า พระบิดาผู้พระทัยดีทรงรอคอยเรา ดังนั้นการรับศีลอภัยบาปจึงเป็นพระพรที่คริสตชนควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเทศกาลมหาพรตยังเป็นการติดตามเส้นทางแห่งไม้กางเขน เพื่อมุ่งสู่การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าผู้เป็นหนทาง ความจริงและชีวิต

กิจการต่างๆที่คริสตชนปฏิบัติในเทศกาลมหาพรต ไม่ว่าจะเป็นการสวดภาวนา การพลีกรรมใช้โทษบาป การจำศีลอดอาหาร และกิจการแห่งความรัก ไม่ได้มุ่งแค่เพียงการเสริมสร้างความดีโดยชำระจิตใจของแต่ละคนเท่านั้น แต่ความดีที่เราทำในเทศกาลมหาพรตจะต้องมีรากฐานอยู่ที่ความรักต่อพระเจ้า และเพื่อนมนุษย์ และเป็นความดีเพื่อผู้อื่นด้วย ดังเช่นพระเยซูเจ้า ผู้มิได้ทรงหวงแหนชีวิตของพระองค์ แต่ได้ทรงมอบชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อความรอดพ้นของมนุษย์ทุกคน