วันอาทิตย์ฺที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2008 เวลา 10.30 น. พระคาร์ดินัล ไมเำกิ้ล มีชัย กิจบุญชู พระอัครสังฆราช อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองเทิดทูนไม้กางเขน ร่วมกับคุณพ่ออนุสรณ์ แก้วขจร  คุณพ่อศราวุธ อมรดิษฐ์ คุณพ่ออนุรักษ์ ณ สงขลา และคุณพ่อประทีป สุทธินาวิน

วัดซางตาครู้ส เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความเป็นมาในด้านประวัติศาสตร์ จนที่เป็นกล่าวขวัญในกลุ่มของนักประวัติศาสตร์ชาติไทย "Santa Cruz" เป็นภาษาโปรตุเกส เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่ในชุมชนชาวโปรตุเกส ซึ่งตรงกับภาษาละติน "Sancta Crux" แปลว่ากางเขนศักดิ์สิทธิ์ สำหรับการตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า "Santa Cruz" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันที่ได้รับพระราชทานที่ดิน ตรงกับวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขน และนับว่าเป็นวัดคาทอลิกที่เก่าแก่ ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี  สำหรับชื่อเรียก "กุฎีจีน" นั้นอาจมาจากที่ตั้งของวัด ที่ตั้งอยู่ใกล้กับย่านชุมชนชาวจีนที่อาศัยอยู่บริเวณศาลเจ้าเกียนอันเก๋ง จึงเกิดความสับสนเรียกชาวโปรตุเกสเหล่านี้ว่า ฝรั่งกุฎีจีน และเรียกวัดฝรั่งว่า "กุฎีจีน" ไปด้วย

และสำหรับบรรยากาศของงานฉลองวัดในวันนี้ เต็มไปด้วยครึกครื้นกันแต่เช้า เริ่มการต้อนรับประธานในพิธี  พระคุณเจ้า มีชัย กิจบุญชู บริเวณลานหน้าวัด ด้วยวงดุริยางค์ และดนตรีไทย ซึ่งมีคณะนักเรียนจากโรงเรียนซางตาครู้สศึกษา บรรเลงดนตรีไทยที่มีชื่อว่า “ผลจากน้ำุองุ่น” ซึ่งประพันธ์เพลงนี้โดยคุณพ่อสุทศ ประมวลพร้อม เจ้าอาวาส ซึ่งบรรเลงด้วยความไพเราะ จากนั้นพระคุณเจ้า ถวายดอกไม้ แด่ไม้กางเขน แล้วจึงเดินมาทักทายบรรดาผู้สูงอายุ และพบปะสัตบุรุษด้านหน้าวัด ก่อนจะเริ่มพิธีในเวลา 10.30 น.

ในบทเทศน์ กล่าวถึงความสำคัญของการที่เราได้มาร่วมใจกันสดุดีแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงไถ่กู้โลกด้วยไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพราะเหตุนี้พระศาสนจักรได้รวบรวมบทภาวนาทั่วโลกถวายพระพรแด่พระเจ้าพวกเราได้เรียนรู้ถึงรหัสธรรมกางเขน พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้รับความรอด แต่เมื่อมนุษย์ได้ทำผิดพลั้งไป พระเป็นเจ้าซึ่งเป็นองค์ความยุติธรรม ไม่ทรงทอดทิ้ง แต่กลับส่งพระบุตร ซึ่งเป็นพระบุคคลที่สองในพระตรีเอกภาพ ให้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และช่วยเหลือเรา น่าประหลาดหรือไม่ว่าทำไมพระบิดาจึงได้ทรงส่งพระบุตรสุดที่รักแต่พระองค์เดียวมารับทรมาน และสิ้นพระชนนม์  เพราะว่า พระองค์ทรงรักเรามนุษย์อย่างเต็มร้อย ข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงรักเราจริงถึงได้ยอมเสียสละพระบุตรมาเพื่อเรา แสดงออกอย่างชัดเจน ถึงการรับพระทรมาน ถูกเฆี่ยน ถูกสวมมงกุฎ ถูกประจาน และสุดท้ายคือถูกประหารชีวิต คำสอนพระศาสนจักร ยกย่องเทิดทูนไม้กางเขน พระเยซูเจ้าทรงกลัวไหม ในสวนเกธเสมนี ในความเป็นมนุษย์ พระองค์ทรบบอกว่า ขอให้กาลิกส์นี้ผ่านพ้นไป แต่พระเจ้าทรงให้เหตุการณ์ี้นี้เกิดขึ้น เพื่อให้เราเชื่อในพระเมตตาที่พระเจ้ามีให้เราเสมอ

จุดหมายปลายทางในชีวิตของเราคือ ทำทุกอย่างให้ไปสู่บ้านแท้ในสวรรค์ถึงแม้ว่าเราจะเจออุปสรรคใด ๆ ก็ตาม จงแบกกางเขนติดตามพระองค์ไป พระวาจาประจำอาทิตย์นี้ที่สอนเราก็คือ “ผู้ที่ถูกงูกัด มองดูรูปงูนี้ ก็จะมีชีวิตอยู่ได้ ( กดว.21 : 4-9 ) พระคริสตจ้าทรงถ่อมพระองค์ลง เพราะเหตุนี้ พระเป็นเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงเด่น ( ฟป.2:6-11) และสุดท้ายคือ บุตรแห่งมนุษย์จะถูกยกขึ้น ( ยน.3: 13-17 )

หลังจากนั้น มารีอา วรรณา ตั้งตระกูล ประธานสภาอภิบาล กล่าวรายงานกิจกรรมของวัดตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกท่่านที่มาร่วมงาน  ปิดท้ายด้วยการแห่รูปไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ไปรอบๆ วัด ก่อนจะปิดด้วยการสวดบท “โอ้...ซางตาครู้ส” ตามธรรมเนียมปฎิบัติที่ร้องเป็นทำนองเสนาะ เฉกเช่นทุกปี

วัดซางตาครู้ส เป็นวัดที่อยู่ในเขตปกครองวัดที่ 3  สำหรับการเปิดเสกวัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1770  ซึ่งปัจจุบันถึงปีค.ศ. 2008 มีอายุ 238 ปี ปัจจุบันมีคุณพ่อสุทศ ประมวลพร้อม เจ้าอาวาส