Logo

Lectio Divina สิงหาคม 2017

หมวด: Lectio Divina 2017
เขียนโดย พระคุณเจ้าประธาน ศรีดารุณศีล
ฮิต: 1315

 

Lectio Divina : มิสซาในพระวาจา - 33                                                          สิงหาคม 2017

 

 

ทรงอวยพรและมอบพันธกิจให้แก่ประชากรของพระเจ้า

 

          เราจงฟังถ้อยคำในช่วงท้ายของพระวรสารของนักบุญมัทธิวและนักบุญลูกาที่บอกเล่าเรื่องราวก่อนพระเยซูเจ้าทรงจากศิษย์ของพระองค์ไปให้เราพิจารณาว่าข้อความเหล่านี้ทำให้ท่านมีความคาดหวังและความหวังอย่างไร

 

Lectio (พระเจ้าตรัสอะไร)

 

มัทธิว28:16-20

 

พระเยซูทรงสำแดงพระองค์ในแคว้นกาลิลีทรงส่งบรรดาอัครสาวกไปทั่วโลก

          บรรดาศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนได้ไปยังแคว้นกาลิลีถึงภูเขาที่พระเยซูเจ้าทรงกำหนดไว้เมื่อเขาเห็นพระองค์ก็กราบนมัสการแต่บางคนยังสงสัยอยู่

          พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า“พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เราเพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเราทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดาพระบุตรและพระจิตจงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่านแล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”

 

ลูกา24:50-53

 

          การเสด็จสู่สวรรค์

          พระองค์ทรงนำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานีทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพรและขณะที่ทรงอวยพระพรนั้นพระองค์ทรงแยกไปจากเขาและทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่งเขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลาถวายพระพรแด่พระเจ้า

 

ทำความเข้าใจกับพระวาจา

 

          พยายามเข้าใจข้อความที่พระเยซูเจ้าทรงอำลาศิษย์ของพระองค์ในพระวรสารและพิจารณาว่าข้อความเหล่านี้จะช่วยเราให้เข้าร่วมในภาคปิดพิธีของมิสซาอย่างตั้งใจมากขึ้นได้อย่างไร

          บุคคลที่ไม่มีความเชื่อคนหนึ่งเคยกล่าวแก่คริสตชนคนหนึ่งว่า“ถ้าผมสามารถเชื่อได้เหมือนกับที่คุณเชื่อว่าพระเจ้าประทับอยู่บนพระแท่นนั้นจริงผมคิดว่าผมคงทรุดลงคุกเข่าและคุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดกาล” แม้ว่าเราไม่ต้องคุกเข่าอยู่ที่หน้าพระแท่นตลอดไปเพราะพระเจ้าทรงมอบหมายความรับผิดชอบให้เราไปปฏิบัติในโลกแต่เราก็สามารถปรับจิตใจของเราให้คิดถึงการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทเสมอได้เราสามารถซึมซาบกับความรู้สึกว่าพระเจ้าประทับอยู่ในหัวใจของเราขณะที่เราทำงานเดินทางและดูแลครอบครัวของเราศีลมหาสนิทไม่ได้เป็นเพียงพระพรที่พระเจ้าประทานให้เราแต่ละคนแต่ยังเป็นความรับผิดชอบที่เรามีต่อโลกรอบตัวเราอีกด้วย

          ในพระวรสารแต่ละฉบับเมื่อพระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นพันธกิจเทศน์สอนของพระองค์พระองค์ทรงเรียกศิษย์ของพระองค์มาอยู่รวมกันเขาฟังคำสั่งสอนของพระองค์ช่วยพระองค์เทศน์สอนประชาชนและเป็นประจักษ์พยานถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ขณะที่พันธกิจเทศน์สอนของพระองค์สิ้นสุดลงพระเยซูเจ้าทรงส่งศิษย์ของพระองค์ออกไปปฏิบัติพันธกิจของเขาในโลกการเสด็จจากไปของพระเยซูเจ้าเมื่อจบพระวรสารไม่ใช่การอำลาแต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในตอนจบของพระวรสารของมัทธิวพระเยซูเจ้าทรงส่งศิษย์ของพระองค์ออกไปประกาศข่าวดีทำพิธีล้างบาปและเทศน์สอนโดยให้รู้ตัวว่าพระองค์ประทับอยู่กับเขาเสมอพระวรสารของลูกาจบลงโดยพระเยซูเจ้าทรงอวยพรศิษย์ของพระองค์และเสด็จไปจากเขาแต่พวกเขารอคอยการเสด็จมาของพระจิตเจ้าด้วยจิตใจที่ชื่นชมยินดีอย่างยิ่งพระจิตเจ้าจะทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปจนถึงสุดปลายแผ่นดิน

          การเคลื่อนไหวสองอย่างที่เกิดขึ้นที่จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการปฏิบัติพันธกิจของพระเยซูเจ้าในพระวรสารกลายเป็นภาคเริ่มพิธีและภาคปิดพิธีมิสซาเมื่อพิธีบูชาขอบพระคุณเริ่มต้นเรามาชุมนุมกันเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้าขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์ผ่านธรรมล้ำลึกปัสกาของพระคริสตเจ้าและเมื่อจบพิธีกรรมเราถูกส่งออกไปหลังจากได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราในศีลมหาสนิทและให้พระองค์ทรงเปลี่ยนจิตใจของเราแล้วเราย่อมไม่ต้องการมีชีวิตเพื่อตัวเราเองอีกต่อไปแต่ต้องการอยู่เพื่อพระองค์และโลกรอบตัวเรากลายเป็นสนามงานธรรมทูตของเราการนมัสการพระเจ้าของเราในพิธีมิสซาเป็นการนมัสการการยอมรับพระประสงค์และการขอบพระคุณและยังเป็นการยอมรับกระแสเรียกเป็นศิษย์พระคริสต์ด้วยความรักอีกด้วยด้วยเหตุนี้พิธีบูชาขอบพระคุณทุกครั้งจึงจบลงด้วยการมอบหมายพันธกิจกล่าวคือเราถูกส่งออกไปเราได้รับมอบหมายพันธกิจให้แบ่งปันขุมทรัพย์ที่เราค้นพบกับทุกคนที่เราพบ

          พิธีมิสซาจบลงด้วยการอวยพรของพระสงฆ์และคำท้าทายให้เราออกไปและปฏิบัติสิ่งที่เราเฉลิมฉลองชุมชนที่มาชุมนุมกันในพิธีบูชาขอบพระคุณกลายเป็นชุมชนที่กระจายตัวออกไปถูกส่งออกไปเพื่อค้นพบพระคริสตเจ้าในโลกและทำให้การประทับอยู่ของพระเจ้าปรากฎให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นแม้ว่าการถวายบูชาขอบพระคุณของเราจบลงแล้วแต่การนมัสการของเรายังไม่จบเราออกไปเพื่อดำเนินชีวิตตามธรรมล้ำลึกที่เราเพิ่งจะเฉลิมฉลองผ่านทางชีวิตปกติธรรมดาของเราในบ้านและในโลก

          คำว่า“มิสซา”(Mass)แท้จริงแล้วมาจากคำสั่งส่งตัวออกไปในภาษาละตินโบราณว่าlte missa est ถ้าแปลตามตัวอักษรมิสซา(Mass) แปลว่าการส่งออกไปแต่การใช้คำนี้ในพิธีกรรมของคริสตศาสนาหมายถึง“พันธกิจ” (mission) ประโยคสุดท้ายของพิธีบูชาขอบพระคุณแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพระศาสนจักรมีพันธกิจที่ต้องปฏิบัติเมื่อสิ้นสุดมิสซาทุกครั้งเราถูกส่งออกไปและได้รับมอบหมายพันธกิจถ้อยคำเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพิธีมิสซาที่เราเพิ่งจะเฉลิมฉลองและพันธกิจของคริสตชนในโลกเราถูกส่งออกไปพร้อมกับพันธกิจให้ดำเนินชีวิตตามคำท้าทายของพระวร-สารตามวิถีทางอันหลากหลายตามแต่พระเจ้าจะทรงเรียกเรา

          เพื่อเน้นถึงมิติของพันธกิจในพิธีบูชาขอบพระคุณพิธีมิสซาจารีตโรมันจึงเพิ่มข้อความส่งออกไปอีกสามแบบข้อความที่เลือกใช้ได้ทั้งสี่แบบนี้แปลได้ความดังนี้“พิธีสิ้นสุดแล้วจงไปเถิด” “จงไปและประกาศพระวรสารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” “จงไปในสันติสุขเถิด” แต่ละแบบเน้นความจริงว่าพิธีมิสซาไม่เพียงสิ้นสุดลงแล้วแต่เราต้องออกไปและยอมให้ธรรมล้ำลึกที่เราเฉลิมฉลองนี้หยั่งรากลงในชีวิตประจำวันของเรา

          ความเชื่อในศีลมหาสนิทซึ่งเรารื้อฟื้นขึ้นมาใหม่นี้จะช่วยเราให้มองเห็นว่าพิธีกรรมนี้เป็นโรงเรียนสอนความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิตที่เราได้รับจากการถวายบูชาขอบพระคุณและเพื่อถวายบูชาขอบพระคุณเราจะมองเห็นได้ว่าชีวิตของเราสัมพันธ์อย่างไรกับแผนการของพระเจ้าสำหรับโลกและเราจะดำเนินชีวิตเพื่อตอบสนองความปรารถนาของพระเจ้าที่ทรงต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดพ้นและรับรู้ความจริงพันธกิจของเราคือการยืนยันถึงพระเยซูคริสตเจ้าเผยแผ่คำสั่งสอนของพระองค์และต่อสู้กับทุกสิ่งที่ละเมิดต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าและความยุติธรรมในโลกเมื่อเรามองว่าชีวิตของเราคือการถวายบูชาขอบพระคุณงานในชีวิตของเราจึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการไถ่กู้ของพระเจ้าซึ่งในแผนการนี้พระคริสตเจ้ายังทรงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างคืนดีกับพระเจ้าต่อไปจนถึงวันที่ทุกคนทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินจะย่อเข่าลงนมัสการพระเจ้า

          ตามวิสัยทัศน์ที่ชาวคาทอลิกมองประวัติศาสตร์แผนการของพระเจ้าในการประทานความรอดพ้นจะจบลงด้วยพิธีกรรมระดับจักรวาลซึ่งสรรพสิ่งจะสรรเสริญและถวายพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่งทุกครั้งที่เราเฉลิมฉลองพิธีกรรมบนโลกเราได้ชิมรสชาติของความสำเร็จสมบูรณ์ของประวัติศาสตร์เราแต่ละคนต้องทำงานส่วนของเราเพื่อช่วยให้แผนการอันเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าสำเร็จไปกล่าวคือสรรพสิ่งจะนมัสการและถวายบูชาเพื่อสรรเสริญพระองค์ความจริงข้อนี้ควรเปลี่ยนแปลงวิถีทางที่เรานมัสการพระเจ้าและควรโน้มน้าวจิตใจของเราให้พยายามทำให้พิธีกรรมต่างๆงดงามและแสดงออกถึงความเคารพให้เราพยายามเจริญชีวิตเป็นเครื่องบูชาฝ่ายจิตถวายแด่พระเจ้าและให้เราสำนึกในพระคุณของพระเจ้าที่ทรงประทานเอกสิทธิ์ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของแผนการประทานความรอดพ้นแก่โลก

 

Meditatio (พระวาจาช่วยฉันพิจารณาตนเอง)

          ไตร่ตรองถ้อยคำและการกระทำในช่วงท้ายของพิธีกรรมด้วยความเข้าใจที่เราได้รับจากชีวิตของพระคริสตเจ้าและพันธกิจที่พระองค์ประทานแก่เรา

          ๐       พระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายใน“วันต้นสัปดาห์” ด้วยเหตุนี้คริสตชนจึงถือว่าวันอาทิตย์เป็น“วันปัสกาประจำสัปดาห์” หรือเป็น“วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” วัฒนธรรมทางโลกของเราส่งผลกระทบต่อการถวายบูชาขอบพระคุณของเราจนเราไม่คิดอีกต่อไปว่าวันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์แต่มองว่าเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์หรือ“วันสุดสัปดาห์” จะเป็นอย่างไรถ้าเรามองว่าพิธีมิสซาเป็นการถวายบูชาฝ่ายจิตที่เรากระทำเมื่อเราเริ่มต้นแต่ละสัปดาห์แทนที่จะเป็นบางสิ่งที่เรา“สอดแทรก” เข้าไปในกิจกรรมยามว่างของเรามุมมองเช่นนี้จะมีผลอย่างไรต่อวิธีการที่ข้าพเจ้าปฏิบัติคารวกิจถวายพระเจ้าและวิธีการที่ข้าพเจ้าเจริญชีวิตตามความเชื่อของข้าพเจ้าในโลก

          ๐       กฎระเบียบทั่วไปเกี่ยวกับการประกอบพิธีมิสซาตามจารีตโรมันระบุว่าถ้ามีความจำเป็นต้องประกาศข้อความใดๆให้ประกาศสั้นๆเมื่อเริ่มต้นภาคปิดพิธีทำไมจึงถือว่าเหมาะสมที่จะประกาศข้อความเกี่ยวกับกิจกรรมของเขตวัดและชุมชนในเวลานี้แทนที่จะประกาศในตอนต้นหรือตอนกลางพิธีมิสซา

          ๐       การปรับปรุงพิธีกรรมเป็นงานที่พระศาสนจักรกระทำมาตลอดทุกยุคทุกสมัยบางครั้งก็เปลี่ยนโครงสร้างพิธีกรรมแต่การปรับปรุงจะเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูจิตใจและความคิดของประชากรของพระเจ้าเสมอไปการศึกษาพระคัมภีร์นี้ทำให้ความเข้าใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปอย่างไร        

 

Oratio(ภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อตอบสนองพระวาจาในพระคัมภีร์ที่กำลังพูดกับท่าน)

 

          ให้ตอบสนองต่อการฟังความเข้าใจและการไตร่ตรองของท่านด้วยการภาวนา

          ๐       ข้าแต่พระเจ้าพระองค์ทรงส่งเราออกจากพิธีกรรมให้ไปประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าและให้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ด้วยการเจริญชีวิตของเราโปรดทรงช่วยเราให้เจริญขีวิตตามธรรมล้ำลึกที่เราเฉลิมฉลองนี้เพื่อเราจะสามารถขอบพระคุณพระองค์ในทุกสิ่งที่เรากระทำโปรดประทานสันติสุขของพระองค์แก่เราขณะที่เรารอคอยงานเลี้ยงในพระอาณาจักรของพระองค์ในยุคสมัยที่จะมาถึงเทอญ       

 

Contemplatio (อยู่กับพระวาจา)

         

          พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า“พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เราเพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเราทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดาพระบุตรและพระจิตจงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่านแล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มัทธิว28:18-20)

 

Communicatio (นำพระวาจาไปปฏิบัติ)

        พิจารณาว่าท่านปรารถนาจะตอบสนองอย่างไรต่อการศึกษาเกี่ยวกับพิธีมิสซาจากพระคัมภีร์

              ข้าพเจ้าตระหนักได้อย่างไรว่าพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นศูนย์กลางของแผนการประทานความรอดพ้นของพระเจ้าการคิดว่าชีวิตของข้าพเจ้าคือการถวายบูชาขอบพระคุณช่วยข้าพเจ้าอย่างไรให้ปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าพเจ้าในพันธกิจของพระศาสนจักรในโลก

@@@@@@@@@