บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 11:29-36
พี่น้อง เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยเพิกถอนทั้งของประทานที่ทรงให้เปล่า และพระกระแสเรียกของพระองค์
ท่านทั้งหลายเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่บัดนี้ได้รับพระกรุณาเพราะชาวอิสราเอลมิได้เชื่อฟังฉันใด บัดนี้ ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับพระกรุณา ดังที่ได้ทรงแสดงพระกรุณาต่อท่านฉันนั้น เพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทุกคนไม่เชื่อฟังพระองค์ เพื่อจะได้ทรงแสดงพระกรุณา
พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำริขององค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทางพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 14:12-14
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า
“เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”
ข้อคิด
ในแง่หนึ่ง งานเลี้ยงอาหารบ่งบอกฐานะของคนในสังคม ผู้คนมักเชิญเพื่อนในระดับเดียวกันไปร่วมงาน แต่นักบุญลุกาเสนอมุมมองของพระเยซูเจ้าที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับบุคคลที่ไม่มีใครเหลียวแล ส่วนการกระทำดีต่อผุ้ที่ไม่อาจตอบแทนกลับคืนได้นั้น เป้นหนทางวงแห่งความสุขแท้จริง เพราะเมื่อเราไม่คาดหวังให้ผู้ใดต้องตอบแทนเรา การทำกิจการดีนั้นก็จะเป็นเสมือนทานลับ ที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทอดพระเนตรเห็น