Logo

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2021 ระลึกถึง น.โยซาฟัต พะสังฆราช มรณสักขี

หมวด: พฤศจิกายน 2021
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
ฮิต: 504

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                    ปชญ 13:1-9
     ทุกคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าย่อมเป็นคนโง่เขลาโดยธรรมชาติ จากสิ่งดีที่เห็นได้ เขาไม่อาจค้นพบพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ แม้จะพิจารณาผลงานของพระองค์ เขาก็ยังไม่รู้จักพระผู้ทรงสร้าง เขาคิดว่าไฟ ลม อากาศบางเบา กลุ่มดวงดาวต่าง ๆ คลื่นรุนแรง ดวงประทีปในท้องฟ้า เป็นเทพเจ้าผู้ปกครองโลก ถ้าเขาพิศวงในความงดงามของสิ่งเหล่านี้จนคิดว่าเป็นเทพเจ้า เขาก็น่าจะรู้ว่าพระผู้ทรงเป็นเจ้านายของสิ่งเหล่านี้ทรงสูงส่งกว่าสักเพียงใด เพราะพระองค์ผู้ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ทรงเป็นบ่อเกิดของความงดงาม ถ้าเขาพิศวงในอำนาจและพลังของสิ่งเหล่านี้ เขาน่าจะรู้ว่าพระผู้ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ทรงพระอานุภาพมากกว่าสักเพียงใด เพราะจากความยิ่งใหญ่และความงดงามของสิ่งสร้างที่คล้ายกับพระผู้สร้าง มนุษย์เราก็น่าจะรู้จักพระองค์ได้ คนเหล่านี้ควรได้รับคำตำหนิบ้าง เพราะแม้เขาพยายามแสวงหาพระเจ้าและต้องการพบพระองค์ แต่เขาอาจหลงทางไปเท่านั้น เขาหมกมุ่นค้นคว้าผลงานของพระองค์ แต่กลับสะดุดอยู่กับความงดงามที่ปรากฏ เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นงดงามน่าชม ถึงกระนั้นคนเหล่านี้ก็ไม่พ้นความผิดทั้งหมด ถ้าเขารู้จักค้นคว้าหาความรู้เรื่องจักรวาลได้ เหตุไฉนก่อนหน้านั้นเขาจึงค้นพบพระผู้สร้างไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 17:26-37
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาสาวกว่า “เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในสมัยของโนอาห์ฉันใด ก็จะเกิดขึ้นในสมัยของบุตรแห่งมนุษย์ฉันนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานเป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ น้ำวินาศก็ได้ท่วมเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ในสมัยของโลทก็เช่นเดียวกัน ผู้คนกิน ดื่ม ซื้อขาย ปลูกพืช สร้างบ้าน แต่ในวันที่โลทออกจากเมืองโสดม ไฟและกำมะถันได้ตกจากท้องฟ้ามาเผาผลาญเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ในวันที่บุตรแห่งมนุษย์จะทรงสำแดงองค์ ก็จะเป็นเช่นเดียวกันด้วย
     ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าและมีข้าวของอยู่ในบ้าน จงอย่าลงมาเอาของเหล่านั้นเลย คนที่อยู่ในทุ่งนาก็เช่นเดียวกัน จงอย่าหวนกลับมาอีก ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงเรื่องภรรยาของโลทไว้เถิด ผู้ใดที่พยายามรักษาชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น และผู้ใดที่เสียชีวิตของตน ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในคืนนั้น สองคนที่นอนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้”
บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่ใด พระเจ้าข้า” พระองค์ทรงตอบว่า “ที่ใดมีซากศพ ที่นั่นบรรดาแร้งจะมาชุมนุมกัน”

 

ข้อคิด
     มีคำกล่าวไว้ว่า “การไม่เชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งที่ยากกว่าการเชื่อในพระเจ้า” เราไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์เมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของจักรวาล เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ฯลฯ แล้วบอกว่ามันเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือเกิดขึ้นเอง กลับไม่คิดถึงผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ สมัยนี้โทรศัพท์มือถือสามารถทำได้เกือบทุกอย่าง เราทึ่งในความสามารถของมัน แต่เราลืมนึกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ มนุษย์จึงยิ่งใหญ่กว่ามือถือ ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้พูดถึงเครื่องหมายของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ พระองค์บอกว่า รอบ ๆ ตัวเราเต็มไปด้วยเครื่องหมายของความงามและของฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในสิ่งสร้าง เราเห็นได้จากบทขอบพระคุณแบบที่สามที่พูดถึงเรื่องนี้ “พระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง สมควรยิ่งแล้วที่สิ่งสร้างทั้งมวลจะถวายสดุดี”