Logo

วันพุธที่ 4 สิงหาคม 2021 ระลึกถึง น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ พระสงฆ์

หมวด: สิงหาคม 2021
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
ฮิต: 1032

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                     กดว 13:1-2ก,25-14:1,26-30,34-35
     ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงส่งคนไปสำรวจแผ่นดินคานาอันที่เรากำลังจะมอบให้แก่ชาวอิสราเอล”
หลังจากสำรวจดินแดนนั้นได้สี่สิบวัน เขาก็กลับมาหาโมเสส อาโรน และชุมชนชาวอิสราเอลที่คาเดช ในถิ่นทุรกันดารปาราน เขารายงานสิ่งที่ตนเห็นให้ทุกคนในที่ประชุมรู้ และนำผลิตผลของแผ่นดินมาให้ทุกคนดู เขาบอกโมเสสว่า “พวกเราได้สำรวจแผ่นดินนั้นตามที่ท่านให้ทำ แผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ นี่คือผลิตผลของแผ่นดินนั้น แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีกำลังเข้มแข็ง เมืองก็ใหญ่โตและมีป้อมปราการป้องกันอย่างดี พวกเรายังเห็นลูกหลานของยักษ์อานาคอยู่ที่นั่นด้วย ชนชาวอามาเลขอาศัยอยู่ในดินแดนเนเกบ ส่วนชาวฮิตไทต์ เยบุสและอาโมไรต์อาศัยอยู่ในดินแดนแถบภูเขา ชาวคานาอันอาศัยอยู่ตามชายทะเลและริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน”
     คาเลบสั่งประชาชนที่อยู่กับโมเสสให้เงียบพูดว่า “พวกเราต้องรีบขึ้นไปยึดครองแผ่นดิน พวกเราสามารถทำได้อย่างแน่นอน” แต่ผู้ที่ไปสำรวจกับเขาพูดว่า “พวกเราไม่อาจเข้าโจมตีชนเหล่านี้ได้ เพราะเขาแข็งแรงกว่าพวกเรามาก” เขาจึงแพร่ข่าวเท็จไปในหมู่ชาวอิสราเอลถึงแผ่นดินที่เขาไปสำรวจมาว่า “แผ่นดินที่เราไปสำรวจมานั้นเป็นแผ่นดินที่กลืนกินผู้อาศัยของตน ผู้คนที่พวกเราไปเห็นมามีรูปร่างสูงมาก พวกเราเห็นยักษ์ที่นั่นด้วย เป็นลูกหลานของยักษ์อานาค เรารู้สึกตัวว่าเหมือนตั๊กแตน และเขาคงจะมองเราเช่นนั้นด้วย” ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดเริ่มตะโกนเสียงดังและร่ำไห้ตลอดทั้งคืน
      องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสและอาโรนอีกว่า “ชุมชนชั่วร้ายนี้จะบ่นว่าเราอีกนานเท่าไร เราได้ยินชาวอิสราเอลบ่นว่าเรามานานแล้ว จงบอกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราสาบานว่าจะกระทำกับท่านทั้งหลายตามที่เราได้ยินท่านพูด ท่านทุกคนจะต้องตายในถิ่นทุรกันดารนี้ ผู้ที่จดชื่อในทะเบียนจำนวนประชากรซึ่งได้บ่นว่าเราและจะต้องตายที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป เราสาบานว่า แผ่นดินที่เราสัญญาจะให้ท่านเข้าพำนักอยู่นั้น จะไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปอาศัยอยู่ นอกจากคาเลบบุตรของเยฟุนเนห์ และโยชูวาบุตรของนูนเท่านั้น ท่านทั้งหลายใช้เวลาสี่สิบวันสำรวจแผ่นดิน ท่านจะต้องรับโทษเป็นเวลาสี่สิบปี โดยคิดหนึ่งวันเป็นหนึ่งปี แล้วท่านจะรู้ว่าการทรยศต่อเรานั้นหมายความว่าอย่างไร เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สาบานจะทำเช่นนี้กับชุมชนชั่วร้ายที่ได้รวมหัวกันต่อต้านเรา เขาทุกคนจะต้องตายในถิ่นทุรกันดารนี้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 15:21-28
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน ทันใดนั้น หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลพระองค์ว่า “โปรดประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้วพระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปรกติตั้งแต่บัดนั้น


ข้อคิด
      บางครั้งดูเหมือนพระเจ้าทรงนิ่งเงียบต่อคำภาวนาวอนขอของเรา หรือแม้กระทั่ง ทำให้เรารู้สึกว่าพระองค์ปฏิเสธคำวอนขอของเราอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมากลับเป็นตรงข้ามกับสิ่งที่เราวอนขอเสียอีก แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็ดูจะบั่นทอนความเชื่อของเราอยู่ไม่น้อย หากเราพิจารณาดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในพระวรสารวันนี้ หญิงชาวคานาอานพิสูจน์ให้เราเห็นว่า หากเรายืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ ด้วยความสุภาพถ่อมตนและวางใจในพระเจ้าแล้ว ความเชื่อนั้นจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก บ่อยๆ การทดลองกลับทำให้ความเชื่อของเรายิ่งเข้มแข็ง ฉะนั้น เราจงอย่าหยุดวอนขอ อย่าหยุดพยายาม อย่าหยุดไว้วางใจ นักบุญยอห์น คริสซอสตอมเคยสอนว่า “ไม่ว่าเราจะได้รับสิ่งที่เราวอนขอหรือไม่ได้ เราจงพากเพียรในการภาวนา จงขอบคุณพระองค์ ไม่ใช่เพียงเมื่อเราได้รับ แต่ในเวลาที่เราผิดหวังด้วย เหตุว่าเมื่อพระเจ้าทรงปฏิเสธเราในเรื่องใดก็ตาม ก็เป็นการช่วยเหลือเราไม่น้อยไปกว่าเมื่อพระองค์ให้ตามที่เราขอ เราไม่รู้เหมือนกับที่พระองค์รู้ว่าสิ่งใดดีสำหรับเรา”