บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 3:22-29
พี่น้อง พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกสิ่งถูกจองจำไว้ใต้อำนาจของบาป เพื่อพระสัญญาจะประทานแก่ผู้ที่มีความเชื่อ โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า
ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำเราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้าไว้ ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือมีไทย ไม่มีชายหรือมีหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา
สดด 105:2-5,6-8
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:27-28
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ให้กำเนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าเสด็จมาประกาศความรักและความเมตตาของพระเจ้าให้มนุษย์ทุกคน โดยทรงเริ่มต้นจากชนชาติอิสราเอลที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้รับพระสัญญาและส่งทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่เมื่อทรงประกาศข่าวดีแล้วที่พระองค์ทรงยืนยันว่าพระองค์เสด็จมาสำ หรับมนุษย์ทุกคน พร้อมกันนั้นก็ทรงแสดงให้เห็นว่าสายเลือดไม่เป็นตัวแปรสำคัญในความสัมพันธ์กับพระองค์และกับพระบิดาเจ้า เพราะพระองค์ทรงมาเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในสายเลือด แต่เป็นสายใยที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือสายใยแห่งพระวาจา พระวาจาไม่ใช่คำ พูด แต่เป็นตัวพระองค์เองผู้ทรงเป็น “พระวจนะทรงรับเอากาย” ฟังและปฏิบัติตามพระวาจาจึงเป็นบุญอันยิ่งใหญ่