Logo

วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2017 ระลึกถึง น.อัลฟองโซ เดลิกวอรี พระสงํฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

หมวด: เดือนสิงหาคม 2017
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
ฮิต: 511

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                             อพย 33:7-11 และ 34:5ข-9,28
     ในครั้งนั้น โมเสสเคยตั้งกระโจมไว้นอกค่าย ห่างออกไปเล็กน้อย เขาเรียกกระโจมนี้ว่า กระโจมนัดพบ ผู้ใดต้องการคำแนะนำจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นจะออกไปยังกระโจมนัดพบที่ตั้งอยู่นอกค่าย เมื่อใดที่โมเสสออกไปยังกระโจมนัดพบ ประชากรทั้งปวงจะยืนขึ้นหน้าประตูกระโจมของตน ดูโมเสสเดินผ่านจนกระทั่งเขาเข้าไปในกระโจมนัดพบ เมื่อโมเสสเข้าไปในกระโจม จะมีเมฆเป็นลำลอยลงมาอยู่ที่ประตูกระโจม แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ตรัสกับโมเสส ประชากรทั้งปวงเห็นเมฆเป็นลำที่ประตูกระโจมนัดพบ ทุกคนจะยืนขึ้น และกราบลงที่ประตูกระโจมของตน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสนทนากับโมเสสตามลำพังเหมือนเพื่อนคุยกัน แล้วโมเสสก็กลับเข้าค่าย แต่ชายหนุ่มที่รับใช้โมเสส ชื่อโยชูวา บุตรของนูน ไม่ได้ออกจากกระโจมนัดพบ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาในเมฆ ประทับอยู่กับโมเสสที่นั่น ทรงประกาศพระนามยาห์เวห์
     องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จผ่านไปข้างหน้าโมเสส ทรงประกาศว่า “เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์ เรารักษาความรักมั่นคงของเราไว้แก่ชนหลายพันชั่วอายุคน และอภัยความผิด อภัยการล่วงเกินและอภัยบาป แต่เราไม่ละเลยที่จะลงโทษ เราจะลงโทษความผิดของบิดาในลูกหลานเหลนจนถึงสามสี่ชั่วอายุคน” โมเสสรีบก้มกราบกับพื้นดินนมัสการพระองค์ เขาทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้ที่พระองค์โปรดปราน ขอพระองค์เสด็จไปกับข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ประชากรเหล่านี้ดื้อดึงก็จริงอยู่ แต่ขอพระองค์ทรงยกโทษความผิดและบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด ขอพระองค์ทรงรับข้าพเจ้าทั้งหลายไว้เป็นสมบัติของพระองค์ด้วยเถิด”
โมเสสอยู่ที่นั่นกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน โดยไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจารึกถ้อยคำของพันธสัญญา คือบทบัญญัติสิบประการไว้บนแผ่นศิลาทั้งสองแผ่น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 13:36-43
     หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงแยกจากประชาชนเข้าไปในบ้าน บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลว่า “โปรดอธิบายอุปมาเรื่องข้าวละมานในนาเถิด” พระองค์ตรัสว่า “ผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรแห่งมนุษย์ ทุ่งนาคือโลก เมล็ดพันธุ์ดีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย ศัตรูที่หว่านคือปีศาจ ฤดูเก็บเกี่ยวคือเวลาอวสานแห่งโลก ผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์”
“ข้าวละมานถูกมัดเผาไฟฉันใด เวลาอวสานแห่งโลกก็จะเป็นฉันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จะใช้ทูตสวรรค์มารวบรวมทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิดและทุกคนที่ประกอบการอธรรม ให้ออกจากพระอาณาจักร แล้วเอาไปทิ้งในกองไฟ ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง ส่วนผู้ชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ในพระอาณาจักรของพระบิดา ใครมีหูก็จงฟังเถิด”

 

ข้อคิด
    พระเจ้าอนุญาตให้โมเสสเข้าพบพระองค์เป็นการส่วนตัว และเผยให้อิสราเอลทราบว่า พระองค์มีใจเมตตากรุณา เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง ซื่อสัตย์ อภัยบาปความผิด...และโมเสสขอพระองค์รับชาวอิสราเอลเป็นสมบัติของพระองค์. เราคริสตชนเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน เราเป็นสมบัติของพระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณาล้นพ้น. เราอยู่ได้เพราะพระองค์ให้อภัย..