มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2017 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 13:13-25
     เปาโลและเพื่อนร่วมทางแล่นเรือจากเมืองปาโฟสถึงเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย ที่นี่ยอห์นแยกจากเขากลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนคนอื่นๆ เดินทางจากเมืองเปอร์กาต่อไปถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ครั้นถึงวันสับบาโตเขาเข้าไปนั่งในศาลาธรรม เมื่ออ่านธรรมบัญญัติและหนังสือประกาศกแล้ว บรรดาหัวหน้าศาลาธรรมก็ส่งคนไปเชิญเปาโลและบารนาบัส พูดว่า “พี่น้อง ถ้าท่านมีถ้อยคำเตือนใจประชาชน ก็จงพูดเถิด”
     เปาโลยืนขึ้น โบกมือให้คนทั้งหลายเงียบแล้วพูดว่า “ชาวอิสราเอล และท่านทั้งหลายผู้ยำเกรงพระเจ้า จงฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าของประชาชนอิสราเอลนี้ทรงเลือกบรรพบุรุษของเรา และทรงยกย่องประชาชนขณะที่ยังอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ทรงสำแดงพระอานุภาพยิ่งใหญ่นำเขาออกจากแผ่นดินนั้น และเอาพระทัยใส่ดูแลเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี แล้วพระองค์ทรงทำลายชนชาติเจ็ดชาติในแผ่นดินคานาอันและประทานแผ่นดินนั้นให้เขาเป็นมรดก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี
     หลังจากนั้น พระเจ้าประทานผู้วินิจฉัยให้ปกครองเขา จนถึงประกาศกซามูเอล เมื่อประชาชนขอให้มีกษัตริย์ พระองค์ก็ประทานซาอูลบุตรของคีช จากตระกูลเบนยามิน ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอล ดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า “เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ” จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 13:16-20
     เมื่อพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุกคน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริง ที่ว่า ‘ผู้ที่กินปังของเรา ได้ยกส้นเท้าใส่เรา’ เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะได้เชื่อว่าเราเป็น เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”

 

ข้อคิด
     หัวใจและใจความสำคัญจากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ “ตอกย้ำและเปิดเผยความจริงเพื่อเตือนใจเราถึงที่มาและที่ไปของชีวิต ที่เราจะต้องเชื่อในพระเยซูเจ้า ที่ว่า ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” กล่าวคือ พระเยซูเจ้าทรงเป็นจุดศูนย์กลางในแผนการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษยชาติ จากประสบการณ์ชนชาติที่ได้รับเลือกสรร ผ่านร้อนผ่านหนาว พระนำเขา เอาพระทัยใส่ดูแลเขา จนกระทั่งประทานพระเยซูเจ้ามาช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา จากนั้น “พระเยซูเจ้า” ทรงให้ หนทาง ความจริง และชีวิตของพระองค์แก่บรรดาศิษย์ และส่งเขาไปประกาศข่าวดีนี้ต่อไป ดั่งเช่น “เปาโล” ได้เตือนใจ ชาวเมืองอันทิโอก ในครั้งนี้

วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2017 น.เนเรโอ อาคิลเลโอ และเพื่อนมรณสักขี น.ปันกราส มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                กจ 13:26-33
     ในครั้งนั้น เมื่อเปาโลมาถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ท่านกล่าวในศาลาธรรมว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา ชาวเยรูซาเล็มและบรรดาหัวหน้าไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า จึงตัดสินลงโทษพระองค์ ทำให้ข้อความของบรรดาประกาศกที่อ่านทุกวันสับบาโตเป็นจริง แม้ว่าเขาไม่พบเหตุผลที่จะประหารชีวิตพระองค์ได้ เขาก็ยังขอปีลาตให้ประหารชีวิตพระองค์ เมื่อทำให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์เป็นจริงแล้ว เขาจึงปลดพระองค์ลงจากไม้กางเขนและนำไปวางไว้ในพระคูหา แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ตลอดเวลาหลายวัน พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ผู้ที่เดินทางจากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้เขาทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ต่อหน้าประชาชน
     เราขอประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษนั้น พระเจ้าทรงกระทำให้เป็นจริงสำหรับเราทั้งหลายผู้เป็นลูกหลาน โดยทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังที่มีเขียนไว้ในเพลงสดุดีบทที่สองว่า ‘ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 14:1-6
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย ในบ้านพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านรู้จักหนทางแล้ว”
     โทมัสทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด แล้วจะรู้จักหนทางได้อย่างไร”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา”

 

ข้อคิด
     หัวใจและใจความสำคัญจากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ “ให้ความเชื่อมั่นกับเราถึงข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดพ้นได้สำเร็จเป็นจริงโดยองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็น หนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางพระองค์” กล่าวคือ เราทุกคนที่มีความเชื่อในพระเจ้า และโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับศีลล้างบาป ต่างก็ได้รับและมีส่วนร่วมในพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว และสามารถรักษาพันธสัญญาแห่งการช่วยให้รอดนี้ได้ โดยอาศัยการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ผู้เป็นหนทางแห่งการรักแลรับใช้ ผู้ให้ความเข้าใจในสัจจะธรรมความจริงของชีวิตแห่งความทรมานและความตาย และเป็นผู้แก้ไขชีวิต ไถ่ชีวิต สู่ชีวิตนิรันดร

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2017 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                 กจ 6:1-7
     เวลานั้น ศิษย์มีจำนวนมากขึ้น บรรดาศิษย์ที่พูดภาษากรีกไม่พอใจศิษย์ที่พูดภาษาฮีบรู เพราะในการแจกทานประจำวัน บรรดาแม่ม่ายของตนถูกละเลยมิได้รับแจก
     อัครสาวกสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์มาประชุม กล่าวว่า “ไม่สมควรที่เราจะละทิ้งการประกาศพระวาจาของพระเจ้าเพื่อไปแจกอาหาร พี่น้องทั้งหลาย จงเลือกบุรุษเจ็ดคนจากกลุ่มของท่านทั้งหลาย เป็นคนที่มีชื่อเสียงดี เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าและปรีชาญาณ แล้วเราจะแต่งตั้งเขาให้ทำหน้าที่นี้ ส่วนเราจะอุทิศตนอธิษฐานภาวนาและประกาศพระวาจา” ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนบุรุษผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า ฟิลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และนิโคลัสชาวอันทิโอกผู้กลับใจมานับถือศาสนายิว เขานำคนทั้งเจ็ดคนมาอยู่ต่อหน้าบรรดาอัครสาวกซึ่งอธิษฐานภาวนาและปกมือเหนือเขา
     พระวาจาของพระเจ้าแพร่หลายยิ่งขึ้น ศิษย์มีจำนวนมากขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม บรรดาสมณะหลายคนยอมรับความเชื่อด้วย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ปต 2:4-9
     ลูกที่รักยิ่ง จงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาทรงชีวิตซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้และมีค่าประเสริฐ ท่านเป็นเหมือนศิลาที่มีชีวิตกำลังก่อสร้างขึ้นเป็นวิหารของพระจิตเจ้า เป็นสมณตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายจิตซึ่งเป็นที่สบพระทัยของพระเจ้าเดชะพระเยซูคริสตเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย” สำหรับท่านผู้มีความเชื่อ ศิลานี้จึงมีค่าประเสริฐ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ศิลาที่ช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม เป็นศิลาที่ทำให้สะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้ล้มลง เขาเหล่านั้นสะดุดเพราะไม่ยอมเชื่อฟังพระวาจา นี่เป็นชะตากรรมของพวกเขา
     ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่ทรงเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อจะประกาศพระฤทธา นุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 14:1-12
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย ในบ้านพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านรู้จักหนทางแล้ว
     โทมัสทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด แล้วจะรู้จักหนทางได้อย่างไร”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว”
ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว”
     พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดา ผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดา”


ข้อคิด
     หัวใจและใจความสำคัญจากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ “เน้นคุณค่าและท่าทีของชีวิตแห่งความเชื่อ เชื่อในพระเจ้า เชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า และเชื่อในพระวาจาของพระเจ้า” กล่าวคือ ทุกคนที่มีความเชื่อและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่นในพระเจ้า ยึดมั่นในหนทาง ความจริง และชีวิตของพระเยซูเจ้า และปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าในทุกกิจการของตน เขาเหล่านั้นจะได้รับเลือกสรรและเต็มเปี่ยมด้วยพระจิต ชีวิตศักดิ์สิทธิ์ เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า และจะได้เห็นพระบิดาเจ้า ซึ่งคุณค่าชีวิตเหล่านี้ เป็นคุณค่าอันประเสริฐ ที่บรรดาศิษย์ บรรดาอัครสาวก และผู้ที่เชื่อในพระองค์ต่างปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็น อย่างที่พระองค์ทรงเป็น!!!

วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2017 พระนางมารีย์พรหมจารีแห่งฟาติมา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                กจ 13:44-52
     วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อชาวยิวเห็นประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านคำพูดของเปาโลและด่าว่าเขา
     เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จำเป็นที่เราจะต้องประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้ท่านฟังก่อนผู้อื่น แต่เมื่อท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คิดว่าตนเหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า
‘เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ
เพื่อท่านจะได้นำความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน’”
เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้า และทุกคนที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับชีวิตนิรันดรก็มีความเชื่อ
     พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชั้นสูงที่เลื่อมใสในศาสนายิวและบรรดาผู้นำของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดนของตน เขาทั้งสองคนจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นเครื่องหมายตัดความสัมพันธ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองอิโคนิยุม บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 14:7-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว”
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำให้”

 

ข้อคิด
     หัวใจและใจความสำคัญจากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ “ย้ำเตือนความจริงกับเราทุกคนว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์ ก็จะทำกิจการที่พระองค์กำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก” กล่าวคือ ทุกกิจการที่พระเยซูเจ้าทรงคิด พูด และกระทำเป็นการตกผลึกมาจากจิตตารมณ์ของพระบิดาเจ้าทั้งหมด ดังนั้นเราสามารถสัมผัสพระเจ้าได้ โดยอาศัยพระเยซูเจ้า และยิ่งกว่านั้นสามารถสัมผัสพระเยซูเจ้าได้ โดยอาศัยการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระองค์ ดั่งเช่น “เปาโลและบารนาบัส” ที่เชื่อในพระองค์ ทำตามพระบัญชาและกิจการของพระองค์ ให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ และนำความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน แม้จะต้องพบอุปสรรคขนาดไหนหรือเสี่ยงตายถึงชีวิตก็ตาม

วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2017 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 14:5-18
     เมื่อคนต่างศาสนาและชาวยิวร่วมกับบรรดาผู้ปกครองเมืองวางแผนจะทำร้ายและใช้ก้อนหินขว้างเปาโลและบารนาบัส ทั้งสองคนรู้เรื่อง จึงหลบหนีไปที่เมืองลิสตรา เมืองเดอร์บีและชนบทรอบๆ ในแคว้นลิคาโอเนีย ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่นั่นด้วย
ที่เมืองลิสตรา ชายคนหนึ่งยืนไม่ได้ เพราะเป็นง่อยมาแต่กำเนิด เขานั่งอยู่กับที่ไม่เคยเดินเลย เขากำลังฟังเปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขา เห็นว่าเขามีความเชื่อพอจะรับการรักษาให้หายจากโรคได้ จึงพูดเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนเถิด” ชายคนนั้นก็กระโดดขึ้นและเริ่มเดินไป
     เมื่อประชาชนเห็นสิ่งที่เปาโลทำ จึงร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พระเจ้าทรงแปลงเป็นมนุษย์เสด็จลงมาหาเราแล้ว” เขาเรียกบารนาบัสว่า “พระซุส” และเรียกเปาโลว่า “พระเฮอร์เมส” เพราะเปาโลเป็นคนพูดเก่งกว่า สมณะจากพระวิหารของพระซุสที่อยู่ใกล้ประตูเมือง จูงวัวหลายตัวประดับพวงมาลัยมาที่ประตูเมือง และพร้อมใจกับประชาชนต้องการถวายบูชาแก่เปาโลและบารนาบัส
เมื่ออัครสาวกบารนาบัสและเปาโลรู้เช่นนี้ ก็ฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งผลุนผลันเข้าไปกลางกลุ่มชนร้องว่า “เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้ เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย เรากำลังประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายละทิ้งสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงสร้างฟ้า สร้างแผ่นดิน สร้างทะเล และสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ในอดีต พระเจ้าทรงยอมให้นานาชาติดำเนินไปตามทางของตน พระองค์ทรงแสดงพระองค์ทรงกระทำดีอยู่เสมอ ประทานฝนจากฟ้าและประทานพืชผลตามฤดูกาลแก่ท่าน ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์และทรงบันดาลให้ใจของท่านเปี่ยมด้วยความยินดี” ทั้งๆ ที่พูดเช่นนี้ บารนาบัสและเปาโลก็ห้ามประชาชนถวายเครื่องบูชาแก่ตนเกือบไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 14:21-26
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา”
     ยูดาส มิใช่ยูดาส อิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ทำไมพระองค์ทรงต้องการแสดงพระองค์แก่พวกเรา แต่ไม่แสดงพระองค์แก่โลก”
     พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน”

 

ข้อคิด
     หัวใจและใจความสำคัญจากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ “เผยแสดงให้เห็นถึง การช่วยเหลือและการนำของพระจิตเจ้าในบรรดาผู้มีความเชื่อและรักพระเจ้า” กล่าวคือ ทุกคนที่มีความเชื่อและรักในพระเจ้า ในพระเยซูเจ้า ชีวิตของเขาเหล่านั้น จะบังเกิดผลดี เพราะองค์พระจิตเจ้าที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของพระเยซูเจ้า จะทรงทำงาน จะทรงช่วยเหลือ จะทรงสอนเขาทุกสิ่งและจะทรงให้เขาระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยบอกสอน ดั่งเช่น “ชายง่อยมาแต่กำเนิด” แห่งเมืองลิสตรา เขาฟังเปาโลพูดแล้วมีความเชื่อ เพราะความเชื่อนี้จึงช่วยเขาให้หายจากโรคได้ พระเจ้าพำนักอยู่กับเขา แต่ทว่า...ตรงกันข้ามกับ ชาวยิว และผู้ปกครองเมืองอันทิโอก ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับข่าวดีแห่งความรอดนี้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown