Logo

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา

หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2016
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
ฮิต: 1089

บทอ่านจากหนังสือประกาศกมาลาคี                                 มลค 3:19-20ก
     พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า “ดูซิ วันนั้นกำลังมาถึง คือวันที่จะลุกไหม้เหมือนเตาอบ แล้วคนอวดดีทั้งหลายและคนทำความชั่วร้ายทุกคนจะเป็นเหมือนซังข้าว วันที่จะมานั้นจะไหม้เขาทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส จนไม่มีรากหรือกิ่งก้านเหลืออยู่เลย แต่สำหรับท่านทั้งหลายที่ยำเกรงนามของเรา ความเที่ยงธรรมของเราจะขึ้นมาเหมือนดวงอาทิตย์ซึ่งส่องรัศมีรักษาโรคให้หายได้”

 

เพลงสดุดี                                                                   สดด 98:5-6,7-8,9
     ก) จงบรรเลงเพลงพิณถวายพระองค์พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยพิณใหญ่คลอเสียงพิณเล็ก
ทั้งเสียงแตรและเสียงเป่าเขาสัตว์
จงโห่ร้องสรรเสริญเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นกษัตริย์
     ข) ทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในทะเล จงส่งเสียงกึกก้อง
แผ่นดินและผู้อาศัยบนแผ่นดินจงทำเช่นเดียวกัน
สายน้ำทั้งหลายจงปรบมือ
ภูเขาทั้งหลายจงโห่ร้องด้วยความยินดีร่วมกัน
     ค) เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์กำลังเสด็จมาเพื่อทรงพิพากษาแผ่นดิน
พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความเที่ยงธรรม
และจะทรงพิพากษาประชาชาติด้วยความยุติธรรม

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่สอง            2 ธส 3:7-12
     พี่น้อง ท่านรู้อยู่แล้วว่า ท่านต้องยึดถือเราเป็นแบบฉบับอย่างไร เพราะเมื่อเราอยู่กับท่าน เรามิได้อยู่นิ่งเฉย เรามิได้กินอาหารของผู้ใดโดยไม่ทำงานตอบแทน แต่เราตรากตรำทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะได้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด ทั้งนี้มิใช่เพราะเราไม่มีสิทธิ์ แต่เพื่อทำตนเป็นแบบฉบับแก่ท่าน
     เมื่อเราอยู่กับท่าน เรายังกำชับท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่อยากทำงานก็อย่ากิน แต่เราได้ยินว่า บางท่านดำเนินชีวิตอย่างเกียจคร้านไม่ทำงานเลย แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของผู้อื่น เรากำชับและเตือนคนเช่นนี้ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ให้ทำงานอย่างสงบและหาเลี้ยงชีพด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 21:5-19
     ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น”
     พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำหนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า
     แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำท่านในคุก เขาจะนำท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำแก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำพูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วย ท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”

 

ข้อคิด
     พระวรสารบทนี้ไม่ง่ายเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน นั่นคือพระเยซูทรงรู้ว่าบรรดาสาวกของพระองค์จะไม่มีชีวิตที่ราบรื่น พระองค์ทรงเตือนไว้หลายๆที่ด้วยกันว่าบรรดาสาวกของพระองค์จะต้องเผชิญกับปฏิปักษ์และความมุ่งร้ายเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ประสบมาแล้ว พระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้เรามีความชัดเจนว่าเราเป็นใครและจุดยืนของเราอยู่ตรงไหน เมื่อผู้ที่เป็นปฏิปักษ์มาถึงเรา เรารู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราและเราสามารถเชื่อวางใจได้ว่าพระเยซูคริสต์จะทรงช่วยเราอย่างไรก็ตาม พระเจ้าตรัสผ่านทางประกาศกมาลาคี เตือนให้เราคิดถึงวันพระเจ้า ที่จะมาถึง จะเป็นวันที่พระเจ้าประทานวันแห่งความยุติธรรมและวันแห่งความยินดี จึงทำให้เรามีความวางใจในพระเจ้า ไม่กลัวความยากลำบาก การเบียดเบียน การผจญล่อลวงต่าง ๆ