Logo

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2019 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

หมวด: เดือนตุลาคม 2019
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
ฮิต: 787

บทอ่านจากหนังสือพงษ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                     2 พกษ 5:14-17
     นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ
     นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆ แด่พระเจ้าอื่น นอกจากแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

 

เพลงสดุดี                                                              สดด 68:1,2-3,4-6
     ก) พระเจ้าทรงลุกขึ้น ศัตรูของพระองค์ก็กระจัดกระจาย
ผู้ที่เกลียดชังพระองค์หลบหนีไปจากพระพักตร์พระองค์
     ข) พระองค์ทรงไล่เขากระจัดกระจายเหมือนควันที่จางหายไป
ขี้ผึ้งย่อมละลายยามต้องไฟฉันใด
คนชั่วย่อมพินาศไปเมื่อพระเจ้าเสด็จมาฉันนั้น
ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา
     ค) จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์
จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ
พระนามพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงมีความสุขเฉพาะพระพักตร์เถิด
พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ทรงเป็นบิดาของลูกกำพร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย
พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพำนักอยู่
ทรงนำผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง
แต่ทรงทิ้งคนกบฏให้อยู่ในที่แห้งแล้ง

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง     2 ทธ 2:8-13
     ลูกที่รักยิ่ง จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย
ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้
     ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์
ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์
ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา
ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป
เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 17:11-19
     ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”

ข้อคิด

     การกระทำของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ดูเหมือนว่าเป็นการไม่เคารพบทบัญญัติของชาวยิว ที่ห้ามไม่ให้ติดต่อสัมพันธ์กับคนโรคเรื้อน เพราะจะทำให้มีมลทิน เราต้องเข้าใจว่าพระเยซูเจ้าไม่ใช่คนประเภทต่อต้านกฎเกณฑ์ของสังคมหรือพวกเสรีนิยมแบบสุดโต่ง แต่ที่ทรงกระทำเช่นนั้นเพราะพระองค์ทรงต้องการชี้ให้เราเห็นว่า กฎแห่งความรักมีความสำคัญและคุณค่าสูงส่งกว่ากฎเกณฑ์ทางสังคมหรือทางพิธีกรรมใดๆทั้งสิ้น ชีวิตและความรอดพ้นของมนุษย์ต้องมาก่อนกฎเกณฑ์ที่สังคมเป็นคนกำหนดขึ้น ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงต้องการเปลี่ยนท่าทีของเราต่อคนที่สังคมรังเกียจ เราต้องยอมรับการท้าทายนี้จากพระองค์ ไม่ใช่ในเรื่องของคนโรคเรื้อนที่เราหลายคนไม่เคยเห็นด้วยซ้ำเท่านั้น แต่ในเรื่องของผู้คนมากมายที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามและถูกทอดทิ้งจากเพื่อนร่วมสมัยของเรา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเอดส์ และแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย